ครบรอบ 6 เดือนรัฐประหารเมียนมา กองทัพพม่าตั้งรัฐบาลรักษาการ ‘มินอ่องหล่าย’ ตั้งตัวเองเป็นนายกฯ ลั่น จัดการเลือกตั้งอีก 2 ปีข้างหน้า ผู้สังเกตการณ์ชี้ไม่มีข้อไหนใน รธน.ให้ตั้งรัฐบาลรักษาการ-ทหารพม่าจิ้ม ‘วีระศักดิ์ ฟูตระกูล’ เป็นทูตพิเศษอาเซียน รับรองสัปดาห์นี้
3 ส.ค. 64 สำนักข่าวท้องถิ่นเมียนมา รายงานเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 ครบรอบ 6 เดือน กองทัพพม่าทำรัฐประหาร พลเอก (พล.อ.) อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลรักษาการ หลังออกมากล่าวแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ให้คำมั่นจะจัดการเลือกตั้งอีก 2 ปีข้างหน้า
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงระหว่างอ่านแถลงการณ์ผ่านช่องโทรทัศน์ของทางการ มินอ่องหล่ายไม่มีการเอ่ยถึงการได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลรักษาการแต่อย่างใด
แต่ในวันเดียวกัน สื่อโทรทัศน์ของทางการพม่า มีการประกาศต่อว่า มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีตำแหน่งต่างๆ ในคณะรัฐบาล (ครม.) รักษาการ ซึ่งมีมินอ่องหล่าย นั่งเก้าอี้นายกฯ และรองนายกฯ คือนายพลโซวิน ซึ่งเป็นเบอร์ 2 ของกองทัพพม่า นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในระดับรัฐ และในระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ การแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ในแต่ละรัฐ และภูมิภาค ประกอบด้วย หัวหน้ารัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง รัฐมนตรี 6 ตำแหน่ง และอัยการสูงสุด 1 ตำแหน่ง
นครย่างกุ้ง และนครมัณฑะเลย์ สองเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา จะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลระดับภูมิภาค ตามลำดับ โดยมีนายกเทศบาลทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรี
เผด็จการทหารแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กองทัพยศพันเอก ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากระทรวงกิจการความมั่นคงและชายแดนในแต่ละรัฐและภูมิภาค ขณะที่ ตำรวจยศพันตำรวจเอก จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม
ในถ้อยแถลงของมินอ่องหล่าย อ้างว่า การจัดการเลือกตั้งใหม่จะเป็นตามรัฐธรรมนูญปี 2008 (พ.ศ. 2551)
มินอ่องหล่าย กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญอนุญาตให้มีประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี และต่ออายุได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 6 เดือน ซึ่งกองทัพประกาศใช้เมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการทำรัฐประหาร ส่วนกองทัพพม่าใช้เวลาอีก 6 เดือน เพื่อเตรียมการจัดเลือกตั้ง
“สถานการณ์ฉุกเฉินจะเสร็จสิ้นในเดือน ส.ค. 2023 (พ.ศ. 2566)” มินอ่องหล่าย กล่าว
มินลวินอู ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์กับ RFA ระบุว่า ข้อกำหนดที่เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการ ‘ละเมิดรัฐธรรมนูญ’
"ไม่มีข้อกำหนดใดในรัฐธรรมนูญ (ค.ศ. 2008 หรือ พ.ศ. 2551) ที่อนุญาตให้มีการตั้งรัฐบาลรักษาการ" ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าว
ในการแถลง มินอ่องหล่าย กล่าวหาพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ว่าทุจริตเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน พ.ย. 2563 จนทำให้เอ็นแอลดี มีชัยเหนือพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) ของทหารพม่าไปอย่างถล่มถลาย
ทั้งนี้ หลังทำรัฐประหาร ทหารพม่าเคยประกาศว่าจะกลับมาจัดการเลือกตั้งภายในปี พ.ศ. 2564 แต่จนตอนนี้ สิ่งที่ทหารพม่าทำมีเพียงยกเลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพที่กองทัพตั้งขึ้นมาเอง ประกาศให้ผลการเลือกตั้งทั่วไป 2020 ของพม่าเป็นโมฆะ
คณะกรรมการฯ อ้างเหตุผลว่า ตรวจสอบแล้ว พบการทุจริตบัตรเลือกตั้งมากกว่า 11 ล้านใบ พร้อมกล่าวหาว่า พรรคเอ็นแอลดีละเมิดมาตรการคุมโรคโควิด-19 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งฯ เพื่อพยายามรักษาอำนาจในฐานะพรรครัฐบาล ไปอีก 5 ปี
ด้านผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งทั้งในและนอกประเทศไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาของกองทัพ และระบุว่า ผลการเลือกล่าสุดชอบธรรม และสะท้อนเสียงส่วนใหญ่ของชาวเมียนมา
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์การเมืองพม่า มองถ้อยแถลงของกองทัพพม่าครั้งล่าสุด เป็นหลักฐานทั้งความอ่อนแอ และความมุ่งมั่นของกองทัพพม่าที่ต้องการรักษาอำนาจการเมือง
เต่งอู รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม แห่งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ระบุว่า เผด็จการทำแบบนี้ เพื่อหลอกคนในกองทัพด้วยกันเอง ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
“ประเทศกลายเป็นรัฐล้มเหลวแล้ว และกองทัพเองก็รู้สึกใจสลายเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงหลอกคนในกองทัพ (เผด็จการ) ว่า มันไม่ใช่เรื่องของการเลือกตั้งอย่างแน่นอน แต่เพื่อให้กองทัพอยู่ในระเบียบ”
นักสังเกตการณ์การเมืองพม่ามาอย่างยาวนาน ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ-นามสกุล เนื่องด้วยความกังวลด้านความปลอดภัย กล่าวว่า การแถลงของกองทัพในวันที่ 1 ส.ค. 64 และการประกาศตั้ง ครม. เป็นแผนของเผด็จการทหาร เพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่ในอำนาจต่อเนื่องไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ค่อนข้างมั่นใจว่า เขาพยายามรักษาอำนาจในฐานะรัฐบาลระยะยาว” ผู้สังเกตการณ์ กล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พม่าอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลรักษาการ ย้อนไปเมื่อปี 1958 หรือ พ.ศ. 2501 อูนุ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของพม่าในเวลานั้น เคยขอให้กองทัพนำโดยนายพล เนวิน ปกครองประเทศเป็นเวลา 2 ปี ช่วงวิกฤตการเมืองพม่า
แม้ว่าเนวิน คืนอำนาจตามวาระที่ได้วางได้ แต่ต่อมา เขาทำรัฐประหารในปี 1962 หรือ พ.ศ. 2505 แผ้วถางพม่าไปสู่การปกครองภายใต้รัฐบาลทหารยาวนานถึงครึ่งศตวรรษ
เผด็จการไม่พยายามชี้ให้เห็นถึงเหตุผลอันสมควรว่าทำไมรัฐบาลรักษาการถึงต้องอยู่บนรากฐานของรัฐธรรมนูญ แต่ในถ้อยแถลง มินอ่องหล่าย ย้ำว่า การทำรัฐประหารเป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ และให้คำมั่นต่อการสร้างสหภาพตามระบอบประชาธิปไตย และสหพันธรัฐ
เขาระบุด้วยว่า สภาทหารจะทำงานร่วมกับคณะทูตพิเศษจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน
“เมียนมาพร้อมจะทำงานร่วมกับอาเซียนตามกรอบการทำงานของอาเซียนแล้ว รวมถึงการเจรจาร่วมกับคณะทูตพิเศษในประเทศเมียนมา” ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพพม่า กล่าว
รอยเตอร์ รายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิกอาเซียนมีแผนหารือสัปดาห์นี้ (2-6 ส.ค.) เพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่า จะมีคณะทูตคนไหนได้รับการแต่งตั้ง โดยมีภารกิจสำคัญเพื่อยุติความรุนแรงในเมียนมา และยกระดับการเจรจาระหว่างฝั่งเผด็จการ และขั้วตรงข้าม
เดิมทีคาดการณ์กันว่า ทูตพิเศษจะเดินทางเยือนเมียนมาในราวเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงเมื่อเร็วๆ นี้ทางการเมียนมาก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะตอบรับเรื่องนี้แต่อย่างใด การยอมรับทูตพิเศษให้เดินทางเข้าประเทศนี้ เป็นส่วนหนึ่งในความตกลง 5 ประการที่เมียนมารับปากไว้ในที่ประชุมอาเซียนนัดพิเศษ เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการยุติความรุนแรงในทันทีและการยอมรับการให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมจากอาเซียน
อ่องเมียวมิน รัฐมนตรีกระทรวงสิทธิมนุษยชน แห่งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ กล่าวว่า อีกเหตุผลที่กองทัพเลือกเปลี่ยนตัวเองไปสู่การเป็นรัฐบาลพลเรือน เพื่อให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากนานาชาติ พวกเขาต้องการยอมรับการยอมรับจากนานาชาติอย่างแท้จริง
“แต่เขาประเมินค่าต่ำไปว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า หรือชื่อเรียก จะไม่เปลี่ยนความคิดของประชาชน หรือมาตรการทางกฎหมายของนานาชาติได้” อ่องเมียวมิน กล่าวเพิ่ม
ทั้งนี้ หลังกองทัพพม่าทำรัฐประหาร สถานการณ์ประเทศพม่าเดินเข้าสู่ความเป็นรัฐล้มเหลวเข้าไปทุกที ความสามัคคีภายในชาติแหลกสลาย ประชาชนจำนวนมากลุกฮือประท้วงต่อต้านทหารพม่าทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐทั้งแพทย์ และพยาบาล ก็ประท้วงหยุดทำงานให้รัฐ จนกว่ากองทัพจะคืนอำนาจให้ประชาชน
กลับกัน แม้จะเผชิญเสียงต่อต้านจำนวนมาก แต่รัฐบาลพม่ากลับตอบโต้ผู้เห็นต่างด้วยความรุนแรง รายงานจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ AAPP ระบุว่า หลังกองทัพพม่าทำรัฐประหารมา 6 เดือน มีประชาชนและผู้ประท้วงถูกจับกุมแล้วทั้งสิ้นอย่างต่ำ 5,474 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างต่ำ 945 ราย
เศรษฐกิจประเทศพม่าถดถอยในทุกมิติ จำนวนประชากรพม่ามีแนวโน้มยากเพิ่มขึ้น ประมาณ 2 เท่าในปีนี้ อ้างอิงจากรายงานของธนาคารโลก
นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ หลายเดือนที่ผ่านมา พม่าต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสาม รายงานตัวเลขจากทางการล่าสุด (3 ส.ค.) เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม มีจำนวนทั้งสิ้น 306,354 ราย โดยในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยใหม่ทั้งสิ้น 3,689 ราย ผู้เสียชีวิต 330 ราย (ผู้เสียชีวิตสะสม 10,061 ราย)
มินอ่องหล่าย แถลงด้วยว่า วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในพม่าตอนนี้ เป็นเพราะ ‘ผู้ก่อการร้าย’ พยายามต่อต้านการปกครองของทหาร
“การประท้วงทั่วประเทศหลัง 1 ก.พ. ตอนนี้กลายสภาพเป็นพวกอนาคิสต์ และจากนั้น การความขัดแย้งด้วยอาวุธ” มินอ่องหล่าย กล่าวเพิ่ม
เลือก “วีระศักดิ์ ฟูตระกูล” เป็นทูตพิเศษอาเซียน รับรองสัปดาห์นี้
สำนักข่าวมติชน อ้างรายงานสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเกียวโด เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 ระบุว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย ผู้นำรัฐประหารเมียนมา แถลงทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมนี้เว่า รัฐบาลทหารเมียนมาพร้อมให้การต้อนรับ ทูตพิเศษของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่จะเดินทางเข้าประเทศเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการหารือกับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกจากวิกฤตการณ์ในเมียนมาโดยสันติ
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ยังประกาศให้สัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้ง “แบบหลายพรรคการเมืองที่เป็นเสรีและยุติธรรม” อย่างช้าที่สุดในเดือนสิงหาคม 2023 หลังจากที่การประกาศภาวะฉุกเฉิน 2 ปีหมดอายุลง
ทั้งนี้ เกียวโด รายงานด้วยว่า ผู้นำสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ของคณะรัฐประหาร ระบุว่า ทางอาเซียนได้เสนอชื่อผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นทูตพิเศษ 3 คนให้กับทางการเมียนมาพิจารณาแล้ว และรัฐบาลพม่าเลือกนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เคยเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมามาแล้ว และขณะนี้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของไทยให้ทำหน้าที่ทูตพิเศษดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกตัวผู้ทำหน้าที่ทูตพิเศษดังกล่าวจะมีการรับรองอย่างเป็นทางการในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่จะมีขึ้นแบบทางไกลเสมือนจริงระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคมนี้
แปลและเรียบเรียง
Myanmar Junta Chief Takes on ‘Caretaker’ Government PM Role, Raising Constitutional Questions
Myanmar junta chief named head of ‘caretaker government’, pledges election in two years