Skip to main content
sharethis

เชียงใหม่ จัดคอนเสิร์ตม็อบบนถนนนิมมานฯ ในชื่อ “The Renegades” ปราศรัยไล่รัฐบาลทรยศที่ไม่รับใช้ประชาชนออกไป 'ลูกนัท' ขอโทษคนเลื้อแดงก่อนการปราศรัย ประณามการใช้ความรุนแรงของรัฐ วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และการลงทุนในบริษัทสยามไบโอฯ รวมถึงการจัดหาวัคซีน ขณะที่ We, The People ได้จัดกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” บริเวณทางเข้าถนนนิมมานฯ เป็นเวลา 1 ชั่งโมง 12 นาที เรียกร้องให้คืนสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องหาทางการเมืองทั้งหมด

13 ก.ย. 2564 วานนี้ (12 ก.ย. 64) ที่ ถนนนิมมานเหมินท์ พรรควิฬาร์ ประชาคมมอชอ และ We, The People จัดกิจกรรม Con Mob (คอนเสิร์ตม็อบ) ในชื่อ “The Renegades” ปิดถนนนิมมานเหมินท์ย่านเศรษฐกิจสำคัญของเชียงใหม่ที่ตอนนี้ร้างนักท่องเที่ยวมาเกือบ 2 ปีนับตั้งแต่มีโควิด-19 ตั้งเวทีปราศรัยไล่รัฐบาลทรยศที่ไม่รับใช้ประชาชนออกไป มีประชาชนมานั่งฟังการปราศรัยครั้งนี้กว่า 500 คน

เวลา 15.30 น. ผู้จัดงานและประชาชนได้มีการจัด Car Mob วนรอบคูเมืองเชียงใหม่ 1 รอบ โดยมีลูกนัท - ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย และไบร์ท - ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ร่วมขบวน Car Mob ครั้งนี้ด้วย

ก่อนที่ในเวลา 16.30 น. ขบวน Car Mob จะเคลื่อนเข้าสู่ถนนนิมมานฯ เริ่มกิจกรรม Con Mob ครั้งแรกของเชียงใหม่ โดยปิดทางเข้าตั้งแต่บริเวณแยกเมญ่าด้านหน้าถนนนิมมานฯ ไปจนถึงนิมมานฯ ซอย 7 เปิดพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาตั้งร้านขายของ และนักดนตรีอิสระร่วมขึ้นแสดงบนเวที

เวลา 17.00 น. กลุ่ม We, The People ได้จัดกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” บริเวณทางเข้าถนนนิมมานฯ เป็นเวลา 1 ชั่งโมง 12 นาที เรียกร้องให้คืนสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องหาทางการเมืองทั้งหมด โดยมีสมยศ พฤกษาเกษมสุข ร่วมยืนหยุดขังด้วย

หลังจากนั้นภายในงานได้มีการผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยของประชาชนกลุ่มต่างๆ อาทิ ไบร์ท ชินวัตร, ลูกนัท ธนัตถ์ , ตัวแทนคนเสื้อแดง, เยาวชนจากกลุ่มชาติพันธุ์ ฯลฯ

ไบร์ท ชินวัตร

ไบร์ท ชินวัตร ขึ้นปราศรัยฝากถึงกลุ่มศักดินาทั้งหลาย หากยังไม่ยึดติดกับประชาชนสักวันย่อมต้องถึงกาลล่มสลายของศักดินาอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงความเดือดร้อนของประชาชนภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์

“ที่นั่งอยู่กันตรงนี้ มีใครไม่เดือดร้อนจากการบริหารงานของรัฐบาลแบบนี้บ้าง เดือดร้อนกันทั้งประเทศ เดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน ประชาชนออกมาเรียกร้องอนาคตของเขา ออกมาเรียกร้องรัฐสวัสดิการที่รัฐต้องดูแลประชาชนตั้งแต่แรกเกิดยันเชิงตะกอน…พอเยาวชน ประชาชน ออกมาเรียกร้องตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 1. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก 2. ต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ คุณก็หาว่าเขาเป็นพวกล้มเจ้า…การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มิใช่เป็นการล้มล้างแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับปรุงให้อยู่ได้อย่างสง่างาม จะได้ไม่ยุ่งกับการเมือง” ไบร์ท ชินวัตร กล่าว

ลูกนัท ธนัตถ์

ลูกนัท ธนัตถ์ กล่าวขอโทษคนเลื้อแดงก่อนการปราศรัย หลังจากนั้นลูกนัทเริ่มพูดถึงแกนนำฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ, ประณามการใช้ความรุนแรงของผู้มีอำนาจต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทะลุแก๊ส, วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในสภา และการลงทุนในบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ของรัฐบาล รวมไปถึงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชาชนของรัฐบาล

“หลายคนบอกว่า ดวงตาข้างขวาคือการเสียสละ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับการเสียสละของพ่อแม่พี่น้องคนเสื้อแดงทุกคน เพราะตราบใดที่กรุงเทพมหานครยังเป็นทุ่งสังหารที่เผด็จการใช้เข่นฆ่าประชาชนที่เห็นต่าง เราทุกคนยังคงเป็นทาส เพราะฉะนั้นต้องลุกออกมาไล่เผด็จการให้สิ้นซาก มิฉะนั้นที่นี่ก็จะเป็นเพียงแค่คุกใหญ่ๆ คุกหนึ่ง”

“พ่อแม่พี่น้องคนไทยต้องตายเพราะรัฐบาลเลือกซื้อซิโนแวค เลือกแทงม้าตัวเดียวกับแอสตร้าเซนเนก้า สุดท้ายไม่มีวัคซีน ใครจะต้องรับผิดชอบ ใครที่คิดลงทุนในสยามไบโอไซเอนซ์ต้องชดใช้กับชีวิตคนไทย พวกที่คิดสั่งซื้อซิโนแวคแล้วไม่สั่งวัคซีนชนิดอื่นขึ้นมาต้องรับผิดชอบต่อชีวิตคนไทย…ตั้งแต่มีโควิด-19 มา มีแต่รัฐบาลที่รวยขึ้นๆ ประชาชนจนลงๆ ทั้งนั้น…จำเอาไว้ครับ ใครที่ไม่เห็นคนเท่ากับคน ใครที่ย่ำยีศักดิ์ศรีประชาชน ใครที่ไม่สนใจประชาชนที่กีดร้องขอความช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจ คนนั้นแหละที่จะไม่มีแผ่นดินอยู่อีกต่อไป เมื่อประชาชนแข็งแกร่ง เมื่อประชาชนตาสว่าง เมื่อประชาชนฉลาด ใครที่คิดเป็นศัตรูกับประชาชนจะต้องพังพินาศ เราจะไม่หยุดจนกว่าชัยชนะจะเป็นของประชาชน อย่าลืมเรื่องเมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะนี่คืออาวุธร้ายแรงที่สุดที่เผด็จการทุกคนกลัว” ลูกนัท ธนัตถ์ กล่าว

ลูกนัท : ในดินแดนที่คนตาเดียวคือ “เพื่อนของเรา”

สำหรับ ลูกนัท ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางหลังเขาออกมายอมรับอย่างเปิดอกว่าเป็น “สลิ่มกลับใจ” จากอดีตคนที่เคยออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. ร่วมเป่านกหวีดไล่ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปลายปี 2556 และยังเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส. เขตของกรุงเทพมหานครในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่ลูกนัทจะตัดสินใจลาออกหลังพรรคการเมืองที่เขาไว้ใจ หลังประชาธิปัตย์หันมาสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ต้องยอมรับว่าลูกนัทเป็นคนหนึ่งมีความชัดเจนทางการเมือง ไม่ว่าจะเลือกอยู่กับฝ่ายใด เขาไม่เคยปิดบังความคิดของตัวเอง เมื่อคิดจะกลับใจเขาก็ออกมาชูป้ายขอร่วมกับขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยในนามของสลิ่มกลับใจจากการ “บริหารโง่” ของรัฐบาล พร้อมทั้งขอโทษคนเสื้อแดงทุกคนที่เขาเจอ มีคนเคยพูดว่า พอเขาตาสว่าง ก็ตาบอดเลย…ลูกนัทถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตาจนตาบอด จากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามสลายการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าใน “ม็อบ 13 สิงหา” ที่ต้องการเดินทางไปยังบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งลูกนัทเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมวันนั้น หลังรอดชีวิตมาได้โดยสูญเสียดวงตาข้างขวาไป เขายังถูกกลุ่มปกป้องสถาบันฯ หรืออาจถูกเรียกว่า 'สลิ่ม' พยายามดำเนินคดีด้วยเหตุผลที่อ้างว่าลูกนัทแต่งกายล้อเลียนรัชกาลที่ 9 จากการใส่สูทสะพายกล้องไปร่วมการชุมนุม

หลายอย่างในดินแดนนี้ประดังเข้ามาในชีวิตของลูกนัทอย่างยากที่ใครจะตั้งรับทัน การสูญเสียดวงตาของเขาชวนให้เรานึกถึงข้อความหนึ่งจากวรรณกรรมดิสโทเปียเรื่อง “The Country of the Blind” หรือ “ดินแดนคนตาบอด” ของ H. G. Wells ที่ว่า “...ในดินแดนคนตาบอด คนตาเดียวคือพระราชา...”

แล้วในดินแดนนี้คนตาเดียวอย่างลูกนัท - ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย คือใคร ?

ลูกนัท : ผมก็เป็นแค่เพื่อนๆ ของทุกคนที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อที่จะเรียกร้องความยุติธรรม อิสรภาพ เสรีภาพ และประชาธิปไตยกลับมา

คุณมองเห็นความแตกต่างระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลืองกับการชุมนุมของฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้าร่วมอยู่ตอนนี้อย่างไรบ้าง?

ลูกนัท : ความแตกต่างใหญ่ที่สุดก็คือความจริงใจและการดูแลกันอย่างพี่น้อง เพื่อนฝูง ด้วยความเป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริง ทุกคนมาด้วยอุดมการณ์เดียวกันคือต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างที่สุดจริงๆ

คุณคิดว่า การใช้ความรุนแรงอย่างบ้าคลั่งของเจ้าหน้าที่ คฝ. จะนำไปสู่อะไร?

ลูกนัท : ผมเชื่อว่า มันมีเจตนาที่ชั่วร้ายแฝงอยู่ในเชิงนโยบายของการปฏิบัติการของ คฝ. ในกรุงเทพ เขาพยายามจี้จุดให้ความรุนแรงไม่ยุติ และถ้าความรุนแรงไม่ยุติลงไปเรื่อยๆ เขาก็จะถือโอกาสที่จะประกาศกฎอัยการศึก แล้วเมื่อนั้นกฎหมายก็จะไม่ใช่กฎหมายอีกต่อไป ศาลก็ต้องขึ้นศาลทหาร หมายจับไม่ต้องมีใช้ วันนี้เราต้องพยายามที่จะไม่หลงกลอุบายนั้น และเราก็ต้องดูแลน้องๆ เพื่อนๆ ของเราทุกคนอย่างดีที่สุด เราต้องไม่ตกหลุมพรางของความรุนแรงครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังต้องสู้ จะหยุดก็ไม่ได้

 

ประมวลภาพบรรยากาศเพิ่มเติม : 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net