ศบค. รายงานพบผู้ป่วยใหม่ 13,576 ราย สะสม 1,476,477 ราย รักษาหาย 12,492 ราย หายสะสม 1,330,238 ราย เสียชีวิต 117 ราย เสียชีวิตสะสม 15,363 ราย
19 ก.ย. 2564 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ โรค COVID-19 ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รวม 13,576 คน จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 12,048 คน ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,120 คน ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 395 คน
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 13 คน ผู้ป่วยสะสม 1,447,614 คน (ตั้งแต่ 1 เม.ย.) หายป่วยกลับบ้าน 12,492 คน หายป่วยสะสม 1,302,593 คน (ตั้งแต่ 1 เม.ย.) ผู้ป่วยกำลังรักษา 131,095 คน เสียชีวิต 117 คน
ขณะที่ เว็บไซต์ worldometers รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 แล้ว 228,897,177 คน เสียชีวิต 4,698,879 คน โดยสหรัฐอเมริกายังมีผู้ติดเชื้อสะสมมากสุด42,857,066 คน และเสียชีวิตแล้ว 205,494,888 คน รองลงมาคือ อินเดีย บราซิล สหราชอาณาจักร รัสเซีย
วันมหิดล สธ.ระดมฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ล้านโดส
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข เตรียมแผนระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกเข็มอย่างน้อย 1 ล้านโดส ในวันมหิดล ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ก.ย.2564 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย
จึงขอเชิญชวนประชาชน ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เข้ารับการฉีดได้ที่สถานบริการใกล้บ้าน โดยขณะนี้วัคซีนที่ไทยใช้มี 4 ชนิด คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตราเซเนกา และไฟเซอร์
สำหรับวัคซีนหลักที่ใช้ฉีดเข็มที่ 1 คือ ซิโนแวค และเข็มที่ 2 แอสตราเซเนกา ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ จากผลการศึกษาวิจัยในประเทศ พบว่า วัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้ เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาสั้นกว่าวัคซีนสูตรปกติ แต่หากรายใดพบปัญหาแพ้วัคซีนเข็มแรก ก็จะเปลี่ยนชนิด
ส่วนการกระตุ้นเข็ม 3 ให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. - พ.ค.ที่ผ่านมา จะได้รับแจ้งข้อความ SMS ผ่านทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือ ลงทะเบียนที่สถานพยาบาลเดิม และเข้ารับวัคซีนในพื้นที่กำหนด เช่น กทม. ที่สถานีกลางบางซื่อ
สำหรับกลุ่มนักเรียน 12-17 ปี ที่จะเริ่มฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 1 ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ จะคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และเป็นไปตามเจตจำนงของผู้ปกครองเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ บริหารจัดการระบบการฉีดให้รัดกุม และมีความปลอดภัยสูงสุด
ภาพรวมการฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 16 ก.ย. 2564 ฉีดวัคซีนรวม 43,342,103 โดส ฉีดครบ 2 เข็ม จำนวน 14,285,995 โดส และฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว จำนวน 28,436,015 โดส โดยเร่งรัดให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ได้ร้อยละ 50 ภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้
ขณะที่วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 13,576 คน ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 1,476,477 คน และมีผู้เสียชีวิตอีก 117 คน รวมมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้ว 15,363 คน ขณะเดียวกัน มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 12,492 คน เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 131,095 คน
ระดม CCR Team ค้นหาผู้ติดเชื้อ จ.ภูเก็ต สร้างเชื่อมั่นท่องเที่ยว
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนโครงการนำร่องเพื่อรองรับการเปิดประเทศที่ จ.ภูเก็ต Phuket Sandbox เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา โดยมีการเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับคนในจังหวัดจนเกิดความครอบคลุมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงเตรียมมาตรการทางด้านสาธารณสุขรองรับเพื่อการเปิดเมืองอย่างปลอดภัย ถึงขณะนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 30,000 ราย ยังไม่พบการแพร่ระบาดในกลุ่มนักท่องเที่ยว พบเพียงผู้ติดเชื้อจากระบบคัดกรอง 96 ราย อย่างไรก็ตามจากรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ของ จ.ภูเก็ต ที่เพิ่มขึ้นวันละกว่า 200 กว่าราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่และจากการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติมาทำงาน เช่นในวันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 242 ราย ในจำนวนนี้พบนักท่องเที่ยว 1 ราย อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไม่นิ่งเฉย ระดมสรรพกำลังบุคลากรทางการแพทย์ จากชมรมแพทย์ชนบทในเขตสุขภาพที่ 11 และ 12 เป็นหน่วยเชิงรุก CCR Team ลงพื้นที่ค้นหาผู้ติดเชื้อ ในชุมชนที่พบคลัสเตอร์ใน จ.ภูเก็ต จำนวน 9 ทีม ด้วยวิธีการตรวจโดย ATK ซึ่งหากพบผู้ติดเชื้อจะนำเข้าดูแลรักษาตามระบบ รวมฉีดวัคซีนโควิด 19 ในกลุ่มแรงงานและคนในชุมชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เร่งสร้างความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวของประเทศ
นายแพทย์ยงยศกล่าวต่อว่าการลงพื้นที่เชิงรุกของ CCR Team ครั้งนี้ ตั้งเป้าการตรวจจำนวน 25,000 คน ซึ่งหากพบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ จะนำเข้าระบบ Home Isolation รวมถึงจ่ายยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูแลตนเอง หรือหากมีอาการจะนำเข้ารักษาในโรงพยาบาลซึ่งยังมีเตียงทุกระดับเพียงพอในการดูแลผู้ติดเชื้อ โดย CCR Team ชุดนี้จะลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ถึง 23 ก.ย. 2564 นอกจากนี้ได้จัดตั้ง “คลินิกอุ่นใจ” ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังใหม่ ให้บริการครบวงจร มีการตรวจยืนยันผู้ที่อาจติดเชื้อจากการตรวจ ATK ด้วยตนเองเข้าระบบการรักษา มีเอกซเรย์เคลื่อนที่ และเปิดศูนย์ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ จำนวน 20 คู่สาย สำหรับให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเร่งดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
สปสช.ขอ ปชช.กลุ่มเสี่ยงรับ ATK แล้วตรวจโควิดทันที หลังรับกว่า 1.2 แสนชุด แต่ตรวจแค่ 6%
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ได้ดำเนินการนโยบายแจกชุดตรวจ “แอนติเจน เทสต์ คิท” (Antigen Test Kit : ATK) เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง โดยเริ่มแจกจ่าย ATK แล้วเมื่อวันที่ 16 ก.ย. เป็นวันแรก จากข้อมูลองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้แบ่งการตรวจรับ ATK เป็น 4 งวด งวดที่ 1 จำนวน 1.167 ล้านชุด ตรวจรับเรียบร้อยแล้ว และมีการกระจายไปที่ร้านยา และคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. รวมถึงหน่วยบริการในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เขตสีแดงเข้มที่จัดส่งแล้ว คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา สระบุรี นนทบุรี ตาก และอุตรดิตถ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จำนวน 2.155 ล้านชุด และ 1.4 ล้านชุด ตรวจรับแล้วเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย. และจัดส่งไปยังหน่วยบริการในเขต 4, 5, 6, 11 และเขต 12 เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ส่วนงวดที่ 4 จำนวน 3.778 ล้านชุด ที่เป็นล็อตสุดท้าย จะมีการตรวจรับอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยจะทยอยส่งให้กับหน่วยบริการในเขต 1, 2, 3, 8, 9 และเขตที่ 10 ต่อไป
โดยภาพรวมวันที่ 19 ก.ย. 64 ณ เวลา 15:05 น. มีประชาชนรับชุดตรวจ ATK แล้วทั้งสิ้นจำนวน 60,691 ราย รวมจำนวน 121,922 ชุด ในจำนวนนี้เป็นการขอรับผ่านแอปเป๋าตัง 60,944 ราย ส่วนอีก 17 ราย เป็นการแจกโดย อสม. และขณะนี้พบผลเป็นบวก 54 ราย ได้แก่ กทม. 34 ราย สมุทรปราการ 9 ราย นนทบุรี 5 ราย ภูเก็ต 3 ราย สระบุรี 2 ราย และอยุธยา 1 ราย ซึ่งเข้าสู่ระบบการรักษาตามขั้นตอนแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลรายงานการรับชุดตรวจ ATK พบว่า ประชาชนที่รับชุดตรวจ ATK มีการบันทึกผลตรวจเข้ามาในระบบเพียง 6,947 รายเท่านั้น หรือคิดเป็น 6% จากจำนวนชุดตรวจ ATK ที่แจกไป ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่รับ ATK ไปแล้ว ขอให้รีบตรวจหาเชื้อโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เข้าสู่ระบบติดตามและเฝ้าระวัง ที่จะมีผลต่อการลดการแพร่ระบาดในประเทศ
“ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่รับชุดตรวจ ATK ไปแล้ว ขอความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยเร็ว และรายงานผลการตรวจผ่านระบบเป๋าตัง เพื่อที่จะนำไปสู่การรักษาและลดการแพร่ระบาดต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
ที่มาเรียบเรียงจาก: Thai PBS [1] [2] | สำนักข่าวไทย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)