Skip to main content
sharethis

เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และเครือข่ายคนรุ่นใหม่บนทบุรี ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้อง 5 ข้อแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและเศรษฐกิจ ขณะที่ 'สมยศ' จี้รัฐบาลเก็บภาษีเงินได้อัตราก้าวหน้า ลด VAT เหลือ 5% งดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จะช่วยประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้

30 พ.ย. 2564 วันนี้ (30 พ.ย. 2564) เวลา 10.30 น. เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกับองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และเครือข่ายคนรุ่นใหม่บนทบุรี เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้แก้ใขความเดือดร้อนของประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยทั้ง 5 องค์กรมีข้อเรียกร้องร่วมกัน 5 ข้อ ได้แก่ เพิ่มเงินยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการแบบถ้วนหน้าเป็น 3,000 บาท/เดือน, เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรในระบบประกันสังคมเป็น 1,200 บาท/เดือน, ลดค่าเทอมให้นักศึกษา 50% เป็นระยะเวลา 3 ปี, ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะเหลือครึ่งราคา และลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เหลือ 5% รวมถึงลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อช่วยภาคขนส่ง

ตัวแทนนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าวปราศรัยถึงการสูญเสียโอกาสของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งเกิดจากการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาดของรัฐบาล สั่งปิดสถานศึกษา ไม่มีวัคซีนที่ดีและเพียงพอ ทำให้เด็กและเยาวชนหลายคนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา ผู้ปกครองขาดรายได้ ในขณะที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น

“อนาคตของชาติกำลังถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกท่าน แล้วรัฐบาลอย่างพวกท่านไม่คิดที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้หรือว่ารับผิดชอบพวกเราหน่อยเหรอ” ตัวแทนนิสิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าว

ตัวแทนนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 

ศรีไพร นนทรีย์ ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง กล่าวว่าการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เป็นเดือนละ 3,000 บาทนั้นไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับรัฐ เพราะเมื่อคิดเฉลี่ยแล้วเท่ากับว่าผู้สูงอายุได้รับเงินวันละ 100 บาท ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน เพราะอย่างน้อยๆ ก็สามารถซื้ออาหารได้ครบ 3 มื้อ ศรีไพรกล่าวต่อไปว่าข้อเรียกร้องให้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนี้เป็นคนละส่วนกับเงินประกันสังคม แต่เป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลจัดเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า หมายความว่าผู้ประกันตนที่เกษียณอายุก็จะได้รับเงินสวัสดิการส่วนนี้เพิ่ม หากข้อเรียกร้องของทางกลุ่มประสบผลสำเร็จ

ศรีไพร นนทรีย์
 

ด้าน สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กล่าวว่าภาษีสรรพสามิตหรือที่เรียกกันว่า ‘ภาษีบาป’ ควรเก็บเฉพาะสินค้ากลุ่มสุรา บุหรี่ หรือสินค้าฟุ่มเฟือย แต่น้ำมันไม่ใช่ทั้งสินค้าบาปและสินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสินค้าจำเป็นสำหรับการดำเนินเศรษฐกิจและชีวิต ดังนั้น รัฐบาลจึงควรงดเก็บภาษีสรรพสามิตรในน้ำมัน เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง และต้นทุนทางเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ นอกจากนี้ สมยศยังกล่าวอีกว่า การลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เหลือ 5% จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้หลังวิกฤตโรคระบาด เพราะจะทำให้ค่าครองชีพและค่าบริการต่างๆ ถูกลง เป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางมาเที่ยวในช่วงที่ไทยกำลังเปิดประเทศ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้แบบอัตราก้าวหน้า

สมยศ พฤกษาเกษมสุข
 

ก่อนที่พันศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน ศูนย์บริการประชาชน ซึ่งเป็นตัวแทนรับหนังสือจากผู้ชุมนุมระบุว่า จะนำข้อเรียกร้องส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรีและจะมีการเชิญผู้มายื่นหนังสือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป

หนังสือข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีให้แก้ใขความเดือดร้อนของประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการล็อกดาวน์ทําให้เศรษฐกิจพังทลาย ธุรกิจล้มละลาย คนว่างงาน และความยากจนขยายตัวมากขึ้น ในขณะที่ภาวะการครองชีพเพิ่มถึงใน นำมาซึ่งความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจยังตกต่ำต่อไปอีก ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น บรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเพิ่มกําลังซื้อเพื่อขยายการบริโภคและ ทําให้เศรษฐกิจขยายด้วยิ่งขึ้น กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน องค์การนิสิตเกษตรศาสตร์ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลด้วยมาตรการ “ลดทอนรายจ่ายเพิ่มรายได้" เร่งด่วนอันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะสามปีข้างหน้า (2565-2567) ดังต่อไปนี้

1. เพิ่มเงินยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการถ้วนหน้าจากเดิมเดือนละ 600 บาทเป็นเดือนละ 3,000 บาทสร้างหลักประกันการดำรงชีพของคนชราอายุ 60 ปีขึ้นไปและคนพิการกลุ่มเปราะบางให้สมศักดิศรีความเป็นมนุษย์ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าและชุมชนอันเป็นรากฐานความมั่นคงทางสังคมต่อไป

2. เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรในระบบประกันสังคมจากเดือนละ 800 บาทเป็น 1,200 บาทและขยายอายุเงินสงเคราะห์บุตรจาก 6 ปี เป็น 12 ปี

3. ให้มีการลดค่าบํารุงการศึกษาหรือค่าเทอมและค่าใช้จ่ายการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาลงอีก 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 3 ปี (2565-2567) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน พร้อมทั้งบรรจุครูอัตราจ้างและพนักงานสัญญาจ้างในระบบการศึกษาให้เป็นข้าราชการประจํา

4. ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะ (BTS/MRT) ครึ่งราคา ระบบขนส่งมวลชนพึงเป็นกิจการที่รัฐต้องดูแลประชาชนไม่ใช่เพื่อผลกําไรและควบคุมค่าไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม ครัวเรือน น้ำประปาไม่ให้มีราคาสูงเกินไปจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน

5. ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) จาก 7% เป็น 5% เพื่อให้สินค้าอุปโภคบริโภคและภาคบริการมีราคาถูกลง เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและลดทอนภาวะเงินเฟ้อ รักษากำลังซื้อของประชาชน รวมทั้งยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันทุกชนิดราคาถูกอีกลิตรละ 6 บาท เป็นการลดต้นทุนการผลิต การขนส่ง ทุกภาคส่วนให้ สามารถดําเนินธุรกิจต่อไปได้ อันจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีการฟื้นตัว

มาตรการดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม เพื่อให้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากเงินภาษีอากรของประชาชนได้นํามาสร้างรัฐสวัสดิการและความมั่นคงทางสังคมให้กับ ประชาชนต่อไป อันจะทําให้เศรษฐกิจมีอัตราการเจริญเติบโตได้ในระยะสามปีข้างหน้าทั้งนี้รัฐบาลจะต้องปรับลงบประมาณ ค่าไปจ่ายสิ้นเปลืองและขจัดการทุจริตโกงกัน เพื่อมีรายได้เพียงพอตอบสนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดศาเนินการเร่งด่วนเพื่อให้ปี 2565 เป็นปีของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ของประชาชนให้ดีขึ้น

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน
เพลง ทัพมาลัย นายกองค์การบริหารองค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เจษฎา ศรีปลั่ง เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net