Skip to main content
sharethis

'กองทุนราษฎรประสงค์' แจ้งปิดบัญชีบริจาคเดิมในนามบุคคล และเปิดบัญชีบริจาคใหม่ในนาม 'มูลนิธิสิทธิอิสรา' ด้วยเครื่องหมาย 'นกฟีนกซ์ที่กำลังบินออกจากกรงลวดหนามที่กักขัง' มุ่งส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยการจัดหาและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในการเข้าถึงและได้รับการปฏิบัติโดยเสมอภาคตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 

27 เม.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 เม.ย.65) เมื่อเวลา 18.33 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'กองทุนราษฎรประสงค์' โพสต์แจ้ง ราษฎรผู้บริจาคทุกท่าน ถึงคำแถลงของ ชลิตา บัณฑุวงศ์ และไอดา อรุณวงศ์ เรื่อง ขอแจ้งปิดบัญชีบริจาคเดิมในนามบุคคล และเปิดบัญชีบริจาคใหม่ในนาม มูลนิธิสิทธิอิสรา

โดยระบุว่า 

เราขอแจ้งข่าวดีแก่ทุกท่านว่า บัดนี้เราสองคนซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีบริจาคของทุกท่านในนาม กองทุนราษฎรประสงค์ ได้สามารถจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมา เพื่อเป็นองค์กรนิติบุคคลตามกฎหมายที่จะมาดูแลเงินบริจาคของทุกท่านต่อไป แทนการใช้บัญชีชื่อบุคคลธรรมดาของเราบัญชีเดิม ซึ่งไม่มีฐานะทางกฎหมายเป็นหลักประกันเพียงพอสำหรับการปกป้องดูแลเงินบริจาคจำนวนมหาศาลของทุกท่านให้ยั่งยืนและปลอดภัยได้ในระยะยาว

มูลนิธิที่เราจัดตั้งขึ้นมานี้ ใช้ชื่อว่า มูลนิธิสิทธิอิสรา ซึ่งรับกองทุนราษฎรประสงค์เข้ามาอยู่ในความดูแลภายใต้ชื่อบัญชีดังแสดงในภาพที่ 1 คือ

บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาศาลยุติธรรม บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 125-8-64752-8 ชื่อบัญชี มูลนิธิสิทธิอิสรา

โดยเราได้ปิดบัญชีเดิมที่เป็นชื่อบุคคลสองคนคือ ชลิตา บัณฑุวงศ์ และไอดา อรุณวงศ์ฯ ลงแล้วในวันนี้ (26 เม.ย. 65 ณ เวลา 14.16 น.) และได้โอนเงินทั้งหมดที่อยู่ในบัญชีเดิม จำนวน 9,949,740.45 บาท (เก้าล้านเก้าแสนสี่หมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบบาทสี่สิบห้าสตางค์) เข้ามาอยู่ในบัญชีมูลนิธิเรียบร้อยแล้ว ดังหลักฐานภาพที่ 2 และสลิปถอนเงินจากบัญชีเดิมกับสลิปฝากเข้าบัญชีใหม่ในภาพที่ 3

ส่วนหลักฐานยอดเงินสุดท้ายในบัญชีเดิม ดูได้ในภาพที่ 4 ซึ่งมียอดอยู่ ณ เวลา 14.15 น. จำนวน 9,943,525.85 บาท และเมื่อเราแจ้งปิดบัญชี ธนาคารได้โอนดอกเบี้ยมาให้อีกในเวลา 14.16 น. จำนวน 6,214.60 บาท ทำให้ยอดเงินเมื่อถอนปิดบัญชี ณ เวลา 14.16 น. จึงอยู่ที่ 9,949,740.45 บาท ดังหลักฐานในภาพที่ 5

บัญชีที่เปิดขึ้นใหม่ในชื่อมูลนิธิบัญชีนี้ จะเป็นบัญชีสำหรับเงินของกองทุนราษฎรประสงค์ ที่จะไม่มีการเบิกจ่ายไปใช้ในเรื่องอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากการวางประกันและชำระค่าปรับดังที่เคยเป็นมา และแม้เปลี่ยนฐานะเป็นมูลนิธิแล้ว แต่เราจะยังคงใช้หน้าเพจกองทุนราษฎรประสงค์แห่งนี้ เป็นพื้นที่รายงานการใช้จ่ายของกองทุนราษฎรประสงค์ทุกบาทสตางค์พร้อมแสดงหลักฐานแก่ผู้บริจาคทุกครั้งที่มีการเบิกจ่ายดังเช่นเคย กองทุนราษฎรประสงค์จะยังคงเป็นของทุกท่าน และการเปลี่ยนฐานะเป็นมูลนิธิก็เพื่อให้แน่ใจด้วยว่า แม้นหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคนในฐานะผู้เคยถือบัญชีมา ก็จะยังมีฐานะนิติบุคคลของความเป็นมูลนิธิ ที่จะดูแลรักษาให้เงินในกองทุนราษฎรประสงค์ยังคงเป็นของทุกท่านต่อไปภายใต้หลักการเดิม

อนึ่ง การจัดตั้งเป็นมูลนิธิ แม้มีข้อดีเรื่องความมั่นคงจากการได้รับการรับรองตามกฎหมาย แต่ก็ทำให้เกิดความจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรและการจัดการองค์กรรวมถึงสถานที่ ซึ่งเดิมไม่เคยมี รวมทั้งการทำกิจกรรมอื่นของมูลนิธิตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง แต่เราก็จะไม่นำเงินบริจาคเพื่อการประกันตัวมาใช้ในกิจการอื่นเหล่านี้ เราจะเปิดอีกบัญชีแยกต่างหากสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หากว่าท่านจะร่วมให้การสนับสนุนต่อไป โดยเราจะจำกัดการใช้จ่ายให้มีเฉพาะที่จำเป็น (และเราสองคนจะยังคงไม่รับค่าตอบแทนเช่นเดิม) เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ทุกท่าน และจะได้รายงานการใช้จ่ายและการดำเนินงานในนามมูลนิธิต่อสาธารณะ ผ่านทางเพจและเว็บไซต์ของมูลนิธิซึ่งจะได้จัดทำขึ้นต่อไป

สำหรับในวันนี้ เราเพียงต้องการมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบและช่วยกันกระจายข่าวถึงบัญชีที่เปลี่ยนไป และให้ทุกท่านได้บอกต่อกันไปด้วยความภูมิใจว่า ด้วยพลังแห่งเจตจำนงที่แสดงผ่านการลงแรงทุกบาททุกสตางค์ในยามยากที่ผ่านมา บัดนี้ทุกท่านได้มีมูลนิธิเพื่อสืบสานและรักษาประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อสิทธิและอิสรภาพของราษฎรแล้ว

เครื่องหมายของมูลนิธิเป็น 'นกฟีนกซ์ที่กำลังบินออกจากกรงลวดหนามที่กักขัง'

โดยก่อนหน้านั้น เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'มูลนิธิสิทธิอิสรา' โพสต์แจ้งด้วยว่า มูลนิธิสิทธิอิสรา (Siddhi-Issara Foundation) ได้รับอนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ 1) ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยการจัดหาและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในการเข้าถึงและได้รับการปฏิบัติโดยเสมอภาคตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 2) ส่งเสริมและเผยแพร่การศึกษาทางวิชาการ การสร้างสรรค์ทางศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการวิจัยและรวบรวมคลังวัตถุดิบทางประวัติศาสตร์ในประเด็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน

กรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ประกอบด้วย 1. ไอดา อรุณวงศ์ 2. ชลิตา บัณฑุวงศ์ 3. มุทิตา เชื้อชั่ง 4. นีรนุช เนียมทรัพย์ และ 5. เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว

เครื่องหมายของมูลนิธิ คือรูปนกฟีนกซ์ที่กำลังบินออกจากกรงลวดหนามที่กักขัง นกฟีนิกซ์คือนกที่ไม่มีวันตาย มันจะเผาไหม้ตัวเองและฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งจากกองเถ้าถ่านเสมอ เปรียบเสมือนเจตจำนงอันแน่วแน่ ที่แม้เผชิญอุปสรรคขวากหนามอันอยุติธรรม ซึ่งในที่นี้ใช้ภาพลวดหนามขดเป็นวงกลมล้อมไว้ ก็จะยังยืนหยัดในสิทธิและอิสรภาพของชีวิตต่อไป หางสามแฉกของนกฟีนิกซ์วางอยู่ตำแหน่งกึ่งกลางของวงกลมในรูปลักษณะของสัญลักษณ์สันติภาพ เป็นตัวแทนของเข็มมุ่งกำกับทิศทาง นั่นคือการไปสู่ปลายทางของการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติ

เครื่องหมายของมูลนิธิ ออกแบบโดย ชาตรี ประกิตนนทการ กราฟิกดีไซน์โดย บุญชนินทร์ สุทธสม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net