เครือข่ายแรงงานภาคเหนือยื่นหนังสือเนื่องใน “วันกรรมกรสากล” ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของคนทำงาน และแก้ไขปัญหาปากท้อง พร้อมทั้งขึ้นค่าแรงให้แก่แรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
3 พ.ค. 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. เครือข่ายแรงงานภาคเหนือพร้อมด้วยตัวแทนแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติราว 50 คน เดินทางไปยื่นหนังสือเนื่องใน “วันกรรมกรสากล” ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานจัดหางานจังหวัด, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของคนทำงาน และแก้ไขปัญหาปากท้อง พร้อมทั้งขึ้นค่าแรงให้แก่แรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ข้อเรียกร้องเนื่องในวันกรรมกรสากล 2022
ด้วยวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันกรรมกรสากล” ซึ่งเป็นวันที่คนทำงานทั่วโลกได้รำลึกถึงการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมของคนทำงาน เป็นการยกย่องและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของคนทำงานในทุกสาขาอาชีพ สิทธิอันชอบธรรมที่คนทำงานสมควรได้รับในฐานะมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับประชาชนกลุ่มอื่น ๆในฐานะที่คนทำงานเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้าและทัดเทียมกับนานาประเทศ
แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันคนทำงานทุกสาขาอาชีพต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้วันทำงานน้อยลงส่งผลให้มีรายได้ลดลง บางส่วนตกงาน โดยรัฐบาลไม่มีมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเหมาะสมและทั่วถึง ประกอบกับค่าครองชีพที่สูง เนื่องจากสินค้าอุปโภคและบริโภคต่างปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับรายได้และค่าจ้างของคนงานที่ลดลงเนื่องจากได้ผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด 19 และทั้งนี้ในรอบสองปีที่ผ่านมาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งฐานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปัจจุบันแทบไม่พอสำหรับเลี้ยงดูตนเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ และนอกจากนี้ยังพบว่ามีกลุ่มคนงานเปราะบางได้รับค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และถูกละเมิดในเรื่องวันหยุดประจำสัปดาห์ ค่าจ้างในการทำงานในวันหยุดและวันลา ทำงานล่วงเวลาโดยไม่สมัครใจ รวมถึงไม่ได้เข้าสู่ระบบประกันสังคม
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมให้เห็นถึงคุณค่าความสำคัญของคนทำงาน เครือข่ายแรงงานภาคเหนือ ร่วมกับคนทำงานทุกสาขาอาชีพจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้
- รัฐบาลต้องควบคุมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคโดยด่วน
- ขอให้รัฐบาลนำหลักการการคำนวณค่าจ้างที่เป็นธรรมตามมาตรฐานแรงงานสากล มาใช้เป็นหลักการการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันโดยเสนอให้มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต้องไม่น้อยกว่า 492 บาทต่อวันและใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราเดียวกันทั่วทั้งประเทศ โดยให้ดำเนินการและประกาศอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราใหม่ภายในปี 2565
- ขอให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และเร่งดำเนินการรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการเจรจาต่อรอง และอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 189 ว่าด้วยงานที่มีคุณค่าสำหรับลูกจ้างทำงานบ้าน เพื่อส่งเสริมสิทธิของคนงานทำงานบ้าน
- ขอให้รัฐบาลปรับปรุงระบบประกันสังคมโดยเร่งด่วน ในกรณีดังต่อไปนี้
- ออกกฎกระทรวงกำหนดให้แรงงานทุกคน ทุกอาชีพเข้าสู่ระบบประกันสังคมอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
- ปรับปรุงเงื่อนไขการเกิดสิทธิในกองทุนประกันสังคม โดยให้ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิได้ทันทีหลังจากที่มีการเข้าสู่ระบบประกันสังคม
- แก้ไขกฎกระทรวงการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยให้แรงงานข้ามชาติในระบบประกันสังคมที่ต้องการกลับประเทศต้นทางและไม่ประสงค์ที่จะพำนักในประเทศไทยอีกต่อไปสามารถยื่นรับเงินจากกองทุนบำเหน็จชราภาพได้ทันที
- ขอให้รัฐบาลดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อแก้ไขนิยามของ “งาน” และ “แรงงาน” ให้ครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกวัย รวมถึงรูปแบบการทำงานที่มีความหลากหลายในการจ้างงาน อาทิ การจ้างงานแบบชิ้น (gig worker) เพื่อให้ แรงงานทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกวัย เช่น แรงงานภาคบริการ แรงงานนอกระบบ แรงงานข้ามชาติ แรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ ลูกจ้างทำงานบ้าน คนทำงานแบบชิ้น (gig worker) ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายกองทุนเงินทดแทน และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน
- ขอให้รัฐบาลกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบ ในระยาว เป็นแผน 5 ปี หรือ 10 ปี โดยให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และแก้ไขพระราชกำหนดการทำงานของคนต่างด้าว ปี 2561ในประเด็นต่อไปนี้
- ให้มีการจัดระบบการขึ้นทะเบียนของแรงงานข้ามชาติเป็นระบบดิจิทัล และเปิดขึ้นทะเบียนได้ตลอดเวลาเพื่อสะดวกต่อการดำเนินการของทั้งลูกจ้าง นายจ้าง และภาครัฐ ใบอนุญาตทำงานของคนงานควรปรับให้มีอายุคราวละ 4 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงานทั้งลูกจ้าง นายจ้างและภาครัฐ
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงานและเอกสารอื่น ทางภาครัฐควรกำหนดให้เหมาะสมกับรายได้ของแรงงานข้ามชาติ
- ให้แรงงานข้ามชาติทำงานได้ทุกอาชีพตามความสามารถของตน
- ขยายอายุของแรงงานข้ามชาติให้สามารถทำงานได้ถึงอายุ 60 ปี
- ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดแนวทางปฏิบัติให้มีการอบรมอาชีพแรงงานข้ามชาติ โดยระหว่างที่อบรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีค่าเบี้ยเลี้ยงตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และหลังจากที่จบการอบรมแล้วให้ออกใบรับรองการผ่านการพัฒนาฝีมือแรงงานที่สามารถนำไปใช้ในการปรับค่าจ้างตามระดับการพัฒนาฝีมือแรงงานได้
- เปิดขึ้นทะเบียนผู้ติดตามเด็กที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย รวมทั้งผู้ติดตามที่เป็นผู้สูงอายุ
- ขอให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และให้แก้ไข พรบ.คุ้มครองแรงงาน 2541 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมแรงงานภาคบริการ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)