Skip to main content
sharethis

23 ส.ค.2565 ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยประชาชนจากมารวมตัวกันชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจาก กิจกรรมแรกที่มวลชนร่วมกันจัดพิธีสาปแช่งพล.อ.ประยุทธ์

17.30 น. "มิ้น นาดสินปฏิวัติ" รำในพิธีสาปแช่ง จากนั้นตามด้วยผู้ที่เข้ามากล่าวสาปแช่งพล.อ.ประยุทธ์ ผู้ที่เกี่ยวข้องและครอบครัวที่มีส่วนในการปล้นอำนาจไปจากประชาชนต้องพบกับความทรมานและพังพินาศไปก่อนกล่าวว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" พร้อมจุดไฟเผารูปพล.อ.ประยุทธ์

18.00 น. ธัชพงศ์ แกดำ กล่าวปราศรัยว่าถ้าปัญหาเชิงโครงสร้างไม่แก้ ชนชั้นนำยังมาแทรกแซงทางการเมือง ถ้าไม่มีประยทุธ์ก็ต้องออกไปตั้งแต่ปี 2563 ที่มีประชาชนออกมาขับไล่เพราะอำนาจนำหรือคนที่คุณก็รู้ว่าใครเป็นคนเลี้ยงพลงอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเอาไว้

ธัชพงศ์กล่าวว่าเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายไปที่ลานคนเมืองและยืนยันว่าเวทีนี้จะมีการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 และเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และจะไม่มีการลดเพดานในการพูดพร้อมกับชักชวนให้คนที่ต้องการพูดปราศรัยมาร่วมกันที่เวทีที่จะตั้งอยู่จนถึงเที่ยงคืน

จากนั้นเขาปราศรัยต่อว่าปัญหาของประเทศนี้จะพูดเพียงด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศแต่พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่งได้ก็เพราะสถาบันหลักของชาติที่มีอำนาจนำและไม่เคยฟังเสียงของประชาชน การพยายามจะพูดถึงปัญหาของประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานทรัพยากรของชาติ เรื่องการทุจริต หรือปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศก็ต้องเจอกับทางตัน

ธัชพงศ์ แกดำ

ธัชพงศ์ยกตัวอย่างการตรวจสอบการทุจริตของโครงการต่างๆ ที่จะไม่สาารถตรวจสอบต่อได้เมื่อเป็นโครงการในพระราชดำริ หรือมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเครือข่ายของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร การตรวจสอบหรือเรียกร้องความเป็นธรรมตำรวจหรือรัฐบาลก็แก้ไขไม่ได้เพราะเป็นโครงการพระราชดำริ

นอกจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้ามามีอำนาจได้จากการรัฐประหารถ้าไม่มีคนเซนรับรองแล้วจะทำรัฐประหารได้หรือไม่ ต้นตอของปัญหาจึงอยู่ที่คนเซนและประเทศนี้อำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน แต่ประเทศนี้จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ขึ้นกับผู้นำสูงสุดของประเทศ เราจึงต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ก็โดนมาตรา 112 แม้เพื่อนที่ไม่พูดเรื่องการปฏิรูปก็ยังถูกจับที่ดินแดง หรือเมื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหน้าสภาก็โดนจับเข้าคุกกว่า 30 คน แล้วใครเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่ผู้พิพากษาก็ต้องเคารพแล้วจะไม่เกี่ยวกันได้อย่างไร

“ประเทศพังพินาศมาถึงวันนี้เราจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับไม่เชื่อมโยงกันกับสถาบันหลักของชาติเป็นไปไม่ได้เพราะประยุทธ์อยู่ได้ก็เพราะเขา ถ้าเขาไม่เปิดทางให้ประยุทธ์อยู่ก็ออกไปตั้งนานแล้ว”

“ถ้าวันนี้ไล่ประยุทธ์แล้วก็ต้องพูดถึงต้นตอปัญหาทั้งหมดและสิ่งสำคัญเราจะต้องรักษากระบวนการประชาธิปไตยการเคลื่อนไหวของเราจะต้องธำรงอยู่บนเส้นทางประชาธิปไตย แล้วก็จะขอประกาศว่าเราไม่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านโดยการรัฐประหารหรือยึดอำนาจ เราต้องรักษาหลักการประชาธิปไตยเราต้องรักษาหลักการการต่อต้านยึดอำนาจรัฐประหารไม่ให้เกิดซ้ำรอยอีก ถ้าจะเปลี่ยนผ่านต้องอยู่บนเส้นทางประชาธิปไตยเท่านั้น ถ้ามีการรัฐประหารจริงๆ เราจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมไหนใช่หรือไม่ เราจะต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบใช่หรือไม่” ธัชพงศ์กล่าวเสร็จได้ขอให้คนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมและเห็นด้วยชู 3 นิ้ว

วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ “ตี้ พะเยา” กล่าวถึงปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศที่ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้มีชีวิตที่ดี คนทำงานหลายคนต้องทำงานหลายกะเพื่อให้มีเงินพอใช้ ทั้งที่เงินที่ประชาชนต้องจ่ายเป็นภาษีกลับถูกเอาไปใช้กับอย่างอื่นหมด 

ขบวนแรงงานไปทำเนียบ ไล่ประยุทธ์อยู่ 8 ปีนานพอแล้ว

ชวนมนุษย์ม็อบคุย

จั๊ด

จั๊ด อายุ 23 มาร่วมชุมนุมในวันนี้พร้อมกับคดีติดตัว 4 คดีจากการชุมนุมในอดีต หนึ่งในนั้นเป็นคดีประทุษร้าย ที่เธอเล่าว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหาจากการไปชุมนุมที่ท่าน้ำนนท์ในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปลงพื้นที่

จั๊ดเล่าว่าที่มาวันนี้เพราะไม่สามารถทนเห็นนายกฯ ที่อยู่ยาวมา 8 ปี จนประชาชนแร้นแค้น

เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ เธอตอบว่า ขอให้เอาเซลล์สมองที่บอกว่ามี 84,000 เซล ไปใช้คนเดียวแล้วก็ลาออก และเอา ครม. ออกไปด้วย

สุธิลา ลืนคำ

สุธิลา ลืนคำ จากเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน เล่าว่า  8 ปีของรัฐบาลประยุทธ์ทำให้รู้แล้วว่าการบริหารประเทศล้มเหลว เช่นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องวัคซีนโควืด-19 คนทำงานไม่มีกำลังซื้อ พรรคพลังประชารัฐที่สัญญาว่าจะขึ้นค่าจ้างเป็น 492 บาทก็ไม่ขึ้น ทำให้ชีวิตคนทำงานลำบากมาก ด้านคนทำงานแพลตฟอร์มรับส่งอาหาร รวมถึงแรงงานรายชอ้นหรือรายครั้ง ก็ยังไม่กฎหมายคุ้มครอง ไม่มีความมั่นคงในการทำงาน จะได้ค่าจ้างต่อเมื่อทำงานเป็นรายครั้งหรือรายชิ้น

เธอกล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา คนทำงานมีชีวิตที่ลำบากขึ้น แฃสมัยก่อนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท แม้คนโอดครวญ แต่ก็ทำให้แรงงานมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ 8 ปีนี้ คนทำงานก็ถูกเลิกจ้าง ค่าจ้าง 331 บาท วันนี้ไม่มีโอทีก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลอย่ามาสร้างภาพเรื่องสวัสดิภาพแรงงาน 

สุธิลามองว่า ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ประเทศก็ไปต่อได้ ก็ขอให้นายกฯเคารพกฎที่เขียนขึ้นมาด้วย 

"จะไปไหนก็ไป ไปอยู่ศรีลังกากับเพื่อนเขาก็ได้" สุธิลากล่าว

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net