Skip to main content
sharethis

ศาลขอนแก่นพิพากษา ‘เทพ’ อายุ 19 ปี ข้อหา ม. 217, 358 คดีวางเพลิงเผารูป ร.10 หน้าเทคนิคขอนแก่น รอกำหนดโทษ 2 ปี ให้โอกาสกลับตัวเป็น 'พลเมืองดี' นับเป็นคดีเผารูป ร.10 คดีที่ 3 ในพื้นที่ขอนแก่น ที่ไม่มีการสั่งฟ้อง ม.112

 

31 ส.ค. 2565 เว็บไซต์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานวันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาคดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 หน้าวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2564 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ฟ้อง “เทพ” (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นที่ปี 3 วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ในความผิดฐาน วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และทําให้เสียทรัพย์ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 217 และ 358 โดยวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ผู้เสียหาย เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 85,120 บาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพเหตุการณ์ไฟไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 หน้า วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เมื่อ 18 ก.ย. 2564 (ที่มา: ทวิตเตอร์ iLawFX)

การนัดคุ้มครองสิทธิและถามคำให้การเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 ‘เทพ’ ให้การรับสารภาพ วันเดียวกันนั้น ผอ.วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ได้ยื่นคำร้องขอให้ชดเชยค่าเสียหาย จำนวน 85,120 บาท หากจำเลยชำระก็จะไม่ติดใจเอาความในทางอาญาและทางแพ่ง เทพตกลงจะหาเงินมาทะยอยชำระค่าเสียหาย จากนั้นได้นำเงินมาวางต่อศาลรวม 2 งวด จนครบตามจำนวนดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา 

เทพ และเพื่อนเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ระหว่างรอศาลออกอ่านคำพิพากษา เทพ เล่าว่า ปัจจุบันเขาเข้าเรียนต่อระดับ ปวส.สาขาวิจิตรศิลป์ ที่วิทยาลัยแห่งใหม่ แม้จะเปลี่ยนสาขาไปจากช่างโยธาที่เรียนตอน ปวช. แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาอยากเรียนมาตั้งแต่เด็ก 

เทพ เช่าหอพักอยู่ลำพัง ทำงานหารายได้เลี้ยงตัวเองและเป็นค่าเทอม เนื่องจากพ่อเสียชีวิตได้หลายปีแล้ว ส่วนแม่แยกไปอยู่ที่อื่น มีญาติคือป้าที่บางครั้งก็ส่งค่าใช้จ่ายให้เขาบ้างตามกำลังของป้า การที่เขาเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ทำให้รายได้จากการทำงานและจากป้าเพียงพอแค่ใช้ชีวิตประจำวันและการเรียนเท่านั้น ค่าเสียหายในคดีก้อนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่สุดความสามารถ 

เทพ เคยเล่าว่า เขาเตรียมใจที่จะติดคุกไว้แล้ว เพราะคิดว่าคงไม่มีทางหาเงินมาชำระค่าเสียหายได้ทัน แต่ด้วยความช่วยเหลือของ ‘ครูใหญ่’ อรรถพล บัวพัฒน์ นักกิจกรรมกลุ่มขอนแก่นพอกันที ที่ระดมเงินช่วยเหลือจากประชาชนที่เห็นใจเทพ รวมทั้งขอความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ เมื่อรวมกับเงินเก็บเล็กน้อยของเขาทำให้เขาสามารถวางเงินค่าเสียหายต่อศาล เพื่อให้ทางวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่นมารับไปได้     

อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 ศาลนี้จะมีคำพิพากษาคดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ 2 คดี โดยให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี และในนัดฟังผลการชำระเงินในคดีนี้ล่าสุด ศาลก็กล่าวกับเทพ ว่าก็คงจะใช้บรรทัดฐานเดียวกับอีก 2 คดี เนื่องจากไม่มีประวัติกระทำผิด รู้สำนึก และพยายามบรรเทาผลร้ายโดยการชำระค่าเสียหายจนครบเช่นเดียวกับจำเลยในทั้ง 2 คดี แต่เทพ ก็เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า เขาเองก็ยังเผื่อใจไว้อยู่บ้างว่า คำพิพากษาอาจจะไม่ได้ออกมาเหมือนกับ 2 คดีแรก

ราว 10.00 น. สมเด็จ จุลราช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดขอนแก่น ออกนั่งอ่านคำพิพากษา รายละเอียดว่า พิพากษาว่าจําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217, 358 การกระทําของจําเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด

เมื่อพิจารณารายงานการสืบเสาะและพินิจจําเลยของพนักงานคุมประพฤติแล้ว ไม่ปรากฏว่าจําเลยได้รับโทษจําคุกมาก่อน จําเลยสํานึกผิดโดยให้การรับสารภาพ และพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น โดยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ร้องจนครบถ้วน ผู้ร้องไม่ติดใจเอาความจําเลยทั้งในทางแพ่งและทางอาญาอีกต่อไป และจําเลยอยู่ในวิสัยที่จะปรับปรุงแก้ไขให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ เห็นสมควรให้โอกาสจําเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี 

จึงให้รอการกําหนดโทษไว้ 2 ปี โดยกําหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติให้จําเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง ภายในกำหนดเวลา 2 ปี เพื่อพนักงานคุมประพฤติจะได้สอบถาม แนะนํา ช่วยเหลือ หรือ ตักเตือนจําเลยตามที่เห็นสมควรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกคุมประพฤติ และให้จําเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนําไปสู่การกระทําความผิดทํานองนี้อีก กับให้จําเลยทํากิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง 

ในช่วงปี 2564 มีเหตุวางเพลิงวางเพลิงเผาบรมฉายาลักษณ์ในจังหวัดขอนแก่นและตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยมาดำเนินคดีรวม 3 คดี ซึ่งทั้ง 3 คดี พนักงานสอบสวนและอัยการไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 เหมือนเช่นคดีที่มีการแสดงออกต่อพระบรมฉายาลักษณ์ในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งถือว่า เป็นการตีความมาตรา 112 โดยไม่ขยายขอบเขตให้เกินกว่าตัวบท  

นอกจากนี้ ทั้ง 3 คดี ศาลจังหวัดขอนแก่นยังมีคำพิพากษาให้รอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ได้ให้อํานาจและดุลพินิจแก่ศาลไว้ โดยระบุว่า ในคดีที่ศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ถ้าปรากฏว่าจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของจำเลย หรือสภาพความผิด หรือการรู้สึกความผิด และพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษหรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net