Skip to main content
sharethis

พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) และเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมโพสต์คลิปเสียงประชุมตำรวจหลายฝ่ายในการเตรียมแผนรับมือ #ม็อบ7สิงหา เผยเตรียมใช้ ม.113 ข้อหาล้มล้างการปกครองเอาผิดแกนนำและผู้ชุมนุม คู่ขนานกับ ม.112 และ ม.116 พร้อมเฝ้าระวังจุดเสี่ยงพระบรมฉายาลักษณ์ หากพบผู้ทำลายให้เก็บหลักฐานและจะเอาผิดทันที ทั้งยังกำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเต็มที่ แม้ต้องใช้ 'ความสัมพันธ์ส่วนตัว' กับอัยการและศาลก็ตาม

6 ส.ค. 2564 วานนี้ (5 ส.ค. 2564) เวลา 18.20 น. พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักกิจกรรมจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฺและการชุมนุมโพสต์คลิปเสียงความยาว 7.43 นาที พร้อมข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak โดยระบุว่า ตนได้รับคลิปเสียงของตำรวจที่เข้าประชุมเรื่องแผนการรับมือม็อบวันที่ 7 ส.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งของคลิปดังกล่าวมีการพูดถึงการตั้งข้อหากบฏล้มล้างการปกครอง (มาตรา 113) ให้กับผู้จัดกิจกรรมชุมนุมและประชาชนที่เข้าร่วม

ต่อมาเวลา 21.00 น. เพจเฟซบุ๊กของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้เผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวตามที่พริษฐ์โพสต์ไปก่อนหน้านี้ แต่คลิปของเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ มีความยาว 10.38 นาที โดยระบุว่าในเนื้อหาคลิปเสียงมีการกล่าวถึงการเตรียมการดำเนินคดีและจับกุมผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก โดยจะใช้ทั้ง ม.116, ม.112 จนกระทั่งม.113(กบฏ ล้มล้างการปกครอง) ในการดำเนินคดีกับประชาชน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอัตราโทษสูงทั้งสิ้น และเป้าหมายหลักของตำรวจคือการคุ้มกันซุ้มและรูปกษัตริย์ในบริเวณที่ชุมนุม

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 เพจไม่ได้ระบุว่าตำรวจผู้พูดในคลิปดังกล่าวอยู่ในสังกัดใด แต่จากการฟังคลิปเสียงทั้งหมด ประชาไทพบว่ามีผู้พูดอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ คนแรก เป็นตำรวจไม่ระบุสังกัด คนที่สองมีนามสมมติว่า 'หนุ่ม' คาดว่าเป้นตำรวจสังกัดตำรวจนครบาล และคนที่สามมีนามสมมติว่า 'โอ๋' คาดว่าเป็นตำรวจสังกัด ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี โดยเนื้อหาทั้งหมดในคลิปเสียงของเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ มีข้อความดังนี้

"(ตร.คนแรก) ...ตามรัฐธรรมนูญอะไรก็เรื่องของเขา สำหรับข้อหาที่จะพ่วงมาด้วยในกรณีอื่นๆ เช่น 112 หรือ 116 ในอนาคต อาจจะมีถ้าหากว่า...เหตุการณ์วันที่ 1 ที่ผมดูแล้วเนี่ยมันก็ยังไม่เข้า 116 ถ้าเกิดภาพรวมทั่วประเทศตามที่รายงาน เพราะมันยังไม่ถึงขนาดก่อให้เกิดการจลาจลหรือความวุ่นวาย นอกจาก 2 จุดที่...ที่ของ น. (นครบาล) แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตเช่นวันที่ 7 หรือวันที่ 10 ที่เขานัดกันอีกมันมากกว่ามันเกิดความวุ่นวายที่มันมากกว่าที่ดินแดง อาจจะต้องมีการดำเนินคดีในเรื่อง 116 หรือ 113 หรืออะไรก็ตาม ตามที่ผู้ที่คิดว่าผู้ที่คิดว่าประเทศมันเสียหายแล้วมาร้องทุกข์ในส่วนกลางที่ ตร. ทานก็ต้องเตรียมสำนวนเหล่านี้ที่มันเกิดขึ้นเนี่ยเอามารวมที่ ตร.แต่ทานก็ต้องมีตัวพนักงานสอบสวนของแต่ละ สภ. แต่ละจังหวัดเตรียมเอาไว้ นี่คิดเผื่อไว้นะครับ แล้วก็สั่งให้เตรียมไว้ก่อน อนาคตต่อไปมันไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้เตรียมเอาไว้สำหรับแนวนโยบายของท่าน ผบ.ตร. เกี่ยวกับเรื่องรถเครื่องเสียงที่ใช้ในการชุมนุมท่านผบ.ตร. มีนโยบายว่าตามยึดรถเป็นของกลาง เป็นรถที่ใช้ในการกระทำผิด ดำเนินการตามนโยบายที่สั่งไว้ด้วยมันก็เข้ากับ ป.วิอาญาได้เหมือนกัน ส่วนการไปต่อสู้ว่า เอ๊ะ! มันไม่น่าใช่ เดี๋ยวค่อยไปว่ากัน อันนี้เป็นแนวคิดของนักกฎหมาย 2 ฝ่ายที่ไม่ตรงกัน แต่ผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องทำตามที่สั่ง แล้วก็มันไปได้ ขอให้ดูเรื่องรถที่ใช้เป็นรถเครื่องเสียงแต่ละจุดด้วย

สำหรับผู้ที่โฆษณาให้มาร่วมชุมนุมทั้งเพจออนไลน์ ออนกราวนด์ (on ground) ให้แจ้งข้อหา พ.ร.ก. แล้วเนี่ยให้ใส่มาตรา 85 เป็นการโฆษณายุยงเข้าไปในฐานความผิดของคนที่ยุยงด้วย ที่ระบุทราบตัวตนที่ชัดเจน ภาพของพระบรมฉายาลักษณ์แต่ละจุดที่ล่อแหลมต่อการชุมนุม ลองหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ หากเกิดเหตุควรจะมีภาพจับได้ว่าใครก่อเหตุแล้วตามจับให้ได้ในภายหลัง ก็ขอบคุณที่อุดรนะครับที่ดำเนินการได้โดยเร็ว แต่ข้อหาหลักสำหรับจะแจ้งให้เป็นข้อมูล ก็คือ กรณีที่มีการทำลายหรือเผาก็อยากให้ตั้งข้อหาประธานหลักไปก่อนคือเรื่องการวางเพลิง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับ 112 ขอให้เว้นไว้ก่อน เพราะวางเพลิงมันก็โทษหนักกว่า 112 อยู่แล้ว ก็ขอให้ทราบเป็นนโยบาย ผบ.ตร. ท่านมีแนวคิด แล้วก็เห็นตามด้วยกับผมนี่แหละ มันจะได้ไม่เกิดเป็นกระแสก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อพวกเราภายหลัง

คดีความมั่นคงที่ยังค้างอยู่ในมือพนักงานสอบสวนก็ถูกเร่งรัดมาเมื่อวานซืน ก็เลยถือโอกาสวันนี้มากำชับท่านให้เร่งรัดสอบสวนให้พ้นมือเรา ให้ไปถึงมืออัยการโดยเร็ว แต่พยานหลักฐานต้องรอบคอบ รัดกุม และประสานอัยการตลอดเวลาว่าที่ส่งไปให้ขาดตกอะไรไหม จะต้องสอบอะไรเพิ่มเติม จะปล่อยช่องไปจนกระทั่งอัยการเขาสั่งไม่ฟ้อง โดยที่เราไม่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสหรือว่าไปทำความเข้าใจกับเขา อะไรที่ไม่แน่ใจในข้อกฎหมายต้องใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวคุยกับอัยการในจังหวัดในพื้นที่หรือศาลในพื้นที่ ผมเชื่อว่าคุยกันได้ แล้วถ้าไม่ได้ก็ติดต่อมาที่ยังกองคดีของเราใก้เป็นเรื่องเป็นราวมา ทางกองคดีก็จะตอบโดยหลักการของข้อกฎหมายจริงๆ ว่าอะไรมันจะผิดหรือไม่ผิด ถ้าจะผิดมันขาดอะไรให้เติมอะไร ผมเชื่อมั่นในกองคดีตำรวจที่ท่านผู้การกองคดีก็อยู่ในที่นี้ด้วย ที่ย้ำเน้นวันนี้นะครับการสืบสวนก่อน-ขณะ-หลัง ที่จะเกิดขึ้นวันที่ 7 เนี่ย สืบจังหวัดสืบภาคต้องเร่งไปทำแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีคำพูดที่ตอบมาว่า '3 วันแล้วเนี่ยยังไม่รับคดีเพราะว่าอยู่ระหว่างการสืบสวน' การรับคดีการทำคดีก็จะไปได้เร็วขึ้น ตามนี้เลยไหมผมมีเท่านี้"

ต่อมา ผู้พูดคนที่สองซึ่งมีนามสมมติว่า 'หนุ่ม' ตามที่ผู้พูดคนแรกได้เรียกในคลิปเสียง กล่าวเพิ่มเติมว่า "ก็จะแนะนำในเรื่องที่เป็นห่วงในเรื่องของของกลางในการยึดรถเครื่องเสียง ซึ่งได้สอบถามกับนักกฎหมายก็ถือว่าสามารถนำมาใช้เป็นของกลางในกรณีที่เป็นเรื่องของการจัดให้มีการชุมนุม ในเรื่องของ พ.ร.ก. ได้ แต่ว่าในกรณีที่อัยการจะฟ้องริบหรือไม่นั้นอีกส่วนหนึ่ง แต่ถามว่าสามารถจับกุมและยึดรถของกลางได้ครับ แต่ในส่วนของการดำเนินคดีตามพระราชกำหนด ผู้ที่มีส่วนในการจัดกิจกรรมก็จะเป็นตัวหลักสำคัญที่จะต้องถูกดำเนินคดี ก็อาจจะยังต้องใช้การสืบสวนก่อนเกิดเหตุร่วมด้วย เช่น มีการโพสต์เชิญชวน รวมถึงในวันเกิดเหตุได้เข้ามาร่วมกันในกิจกรรม หรือผู้ที่ทำกิจกรรมเป็นตัวหลัก เช่น มาเล่นดนตรี มากล่าวปราศรัยก็ถือว่าค่อนข้างชัดเจน ไม่น่ากังวลครับ ส่วนผู้เข้าร่วมนั้นเราก็ต้องสืบสวนต่อไปว่าถือว่าเป็นผู้จัดกิจกรรมในการชุมนุมด้วยหรือไม่ ซึ่งก็ต้องดูกันในรายละเอียดต่อไป แต่ว่าในเบื้องต้นผมว่าการสืบสวนก็จะเอาพวกนี้เป็นหลักก่อน ในของนครบาลครับก็เป็นข้อแนะนำครับ"

หลังจากนั้น ผู้พูดคนที่สาม ซึ่งมีนามสมมติว่า 'โอ๋' ได้พูดต่อ โดยฝากถึงตำรวจรายอื่นๆ ที่เข้าประชุมในครั้งนี้ 3 ประเด็น ได้แก่ "หนึ่ง ก่อนมีกิจกรรมที่คิดว่าจะจับกุมกลุ่มบุคคลจำนวนมากที่คาดว่าจะเอามายึด ตชด.ภาค 1 กรุณาโปรดแจ้งที่ตำรวจภูธรภาค 1 ผ่านทางผู้บัญชาการหรือผมก็ได้ครับ เราจะได้เตรียมกำลัง เนื่องจากกำลังตอนนี้ก็ตั้งด่านมั่นคง โรงพยาบาลสนามอยู่ ที่ผ่านมาผู้ต้องหามาถึงแล้วถึงได้รู้ ข้อที่สอง ในห้อง[สอบสวน]ขอให้ใช้กำลังของ น. (นครบาล) ตามมาด้วย เพราะว่าเราไม่ทราบว่าใครเป็นใคร ไม่รู้คนไหนนักสืบ ไม่รู้คนไหนผู้ต้องหา สามครับ (ได้ยินเสียงไม่ชัดเจน) ...ร่วมปฏิบัติภารกิจด้วยครับ มี 4 ข้อที่ภูธรภาค 1 ประสานไปหลายครั้งแล้วไม่ตรงเป้าสักครั้งเลยขอบคุณมากครับ"

เมื่อ 'โอ๋' พูดจบ ตำรวจซึ่งเป็นผู้พูดคนแรกได้ตอบกลับข้อกังวลของเขา โดยระบุว่า "เรียนทางพี่โอ๋นะครับ สำหรับสถานการณ์วันที่ 7 ผมได้คุยกับนครบาลแล้ว จะไม่ใช้กำลัง คฝ. ของปทุมธานี 2 กองร้อย จะให้รักษาการอยู่ที่ ตชด.ภาค 1 รองรับสถานการณ์เลย ท่านผู้บัญชาการกับผู้การยอดทราบแล้ว เพราะฉะนั้นการจัดการวางเครื่องกีดขวางกรณีมีผู้มาชุมนุมเพื่อจะเรียกร้องให้ปล่อยตัวก็ต้องมี 1 กองร้อยรองรับพร้อมเครื่องกีดขวาง อีก 1 กองร้อยการจัดระเบียบภายในก็ช่วยดำเนินการให้ด้วยอาจจะมีผู้หญิงมาเพิ่มด้วย"

ด้าน 'โอ๋' ตอบกลับว่าตอนนี้ได้รับการประสานจากตำรวจนครบาล ขอกำลัง คฝ. จำนวน 4 กองร้อย จากตำรวจภูธรภาค 1 จ.ปทุมธานี ซึ่งตนได้จัดสรรไว้ที่ ตชด.ภาค 1 แล้วทั้ง 4 กองร้อย พร้อมวางจุดประจำการเสร็จสิ้นแล้ว แต่ตำรวจซึ่งเป็นผู้พูดคนแรกชี้แจงว่า คฝ. จำนวน 4 กองร้อย ให้แบ่งไว้ที่ ตชด.ภาค 1 จำนวน 2 กองร้อย เดี๋ยวตนจะไปพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อีกครั้ง

ก่อนจบคลิป ตำรวจผู้พูดคนแรกกล่าวทิ้งท้ายว่า "ผมขอขอบคุณภาค 1 และก็ที่ปทุม อดหลับอดนอนกันทำงานจนบรรลุ ส่วนจะบรรลุสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ผลของการจับกุมที่ ผบ. คงได้มอบหมายไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ทราบว่ายังไม่...โอกาสยังน้อยอยู่ ก็ขอช่วยให้เร่งรัดและติดตามด้วย ผมคุยกับคนติดตามตัวอยู่ ยังห่างมาก มีเวลาอีก 2 วัน สำหรับที่อุบลที่เพนกวินกับโตโต้ (ปิยรัฐ จงเทพ) เป็นผู้ต้องหา แล้วทีมภูไทผู้กำกับสอบสวนขยายผลจากคดีปกติ จนกระทั่งไปติดต่ออัยการเป็น 112 จนได้ แล้วก็ส่งฟ้องศาลได้ ซึ่งข้อเท็จจริงมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ ถือเป็นความเอาใจใส่ของพนักงานสอบสวน มีหลายคนที่ทำเช่นนี้ ที่ยกตัวอย่างให้ดูก็คือหนึ่งในนั้นที่ผมชื่นชม ก็ขอบคุณทุกคนคงเหนื่อยกันอีกนาน ก็ต้องเหนื่อยกันอีกนานเว้นแต่คนใกล้เกษียณซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน ขอให้สู้ต่อเป็นกำลังใจให้ ลูกน้องที่เป็นโควิดก็ไปช่วยกันดูแลก็แล้วกันผมก็พยายามจะสนับสนุนลูกน้องเท่าที่ทำได้ ก็มีบอกแล้วว่าทำอะไรบ้างก็ยอมเสียสละเท่าที่ตัวเองมีอยู่แต่คงไม่หมดตัวนะครับหมดตัวไม่ได้ลูกเมียไม่มีกิน"

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เฟซบุ๊กเพจเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีได้โพสต์ข้อความระบุว่า วันเสาร์ที่ 7 ส.ค. ที่จะถึงนี้ เวลา 08.00 น. สื่อมวลชนที่ต้องเข้าทำข่าวหลังแนวปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คฝ. และให้ลงทะเบียนได้ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้ถูกลบไปแล้ว

 

ทั้งนี้ ยังไม่มีการแถลงข่าวใดๆ จากทางตำรวจเกี่ยวกับทั้ง 2 กรณีนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net