Skip to main content
sharethis

กลุ่มปกป้องสถาบันฯ 'ศปปส.' นัดรวมตัวร้องเพลงชาติ-เพลงสรรเสริญฯ หน้าศาลาว่าการกรุงเทพหลังเก่า ชวนชัชชาติร่วมกิจกรรม แต่ไร้วี่แวว พร้อมให้สัมภาษณ์กรณี 'นิวส์' จตุพร ถูกจำคุก 2 ปี คดี ม.112 ใส่ชุดไทยร่วมชุมนุมปี'63 ชี้ศาลดูที่ 'เจตนา' ไม่ใช่ใส่ชุดไทยแล้วผิด ขอฝ่าย ปชต.อย่าบิดเบือน ไม่ต้องเทียบกับต่างประเทศ

 

13 ก.ย.2565 เวลา 16.30 น. ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพ ผู้สื่อข่าวติดตามการทำกิจกรรมร้องเพลงชาติ และสรรเสริญพระบารมี แสดงออกถึงความเทิดทูนและจงรักภักต่อชาติ และพระมหากษัตริย์ ของศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. กลุ่มปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 18.00 น.

 

ชมบรรยากาศการทำกิจกรรม

ระหว่างที่กิจกรรมยังไม่เริ่ม ทีมงาน ศปปส.ได้นำรถเครื่องเสียง มาจอดที่ลานคนเมือง และกล่าวปราศรัยประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ว่าราชการจัดหวังกรุงเทพมหานคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และประชาชนมาร่วมขับขานเพลงด้วยกัน และมีการเปิดเพลง กูล่ะเว้ย เฮ้ย ของวงบรรพชน 2020

สำหรับกิจกรรมร้องเพลงชาติ และสรรเสริญพระบารมี จะเริ่ม 18.00 น. วันที่ 13 ของทุกเดือน ซึ่งเป็นวันที่ ร. 9 เสด็จสวรรคต

เจี๊ยบ อายุ 50 ปี

เจี๊ยบ อายุ 50 ปี หนึ่งในคนที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ บอกว่าตัวเองพื้นเพเดิมเป็นคนสุรินทร์ แต่ก็เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แล้วเกือบ 40 ปี ที่มาร่วมร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญเพราะวันที่ 13 คือวันที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต ซึ่งอานนท์ กลิ่นแก้วก็เป็นคนที่ตั้งกลุ่มมานัดร้องเพลงชาติทุกวันที่ 13 ของเดือนตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมาแล้วก็จัดไม่ซ้ำสถานที่ วันที่ไปจัดที่พระบรมมหาราชวังบังเอิญตรงกับวันที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 สเด็จผ่านก็ร้องเพลงตรงนั้น

“พอถึงวันที่ 13 มันเหมือนเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรำลึกสำนึกถึงพระคุณของพ่อ ร.9 แล้วก็บูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ แต่ที่นี้เราเกิดในรัชกาลที่ 9 ก็เลยยึดวันที่ 13 เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอทุกวันที่ 13 เราไม่เคยไม่มาร่วมงานจัดรอบไหนเราไปหมดเพราะมันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ระลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ มันอยู่ที่จิตใต้สำนึกของแต่ละคนเราก็ว่าใครไม่ได้ สำหรับเราแล้วบูรพกษัตริย์และพ่อของแผ่นดินเหนืออื่นใดเราต้องจงรักภักดี”

เจี๊ยบ บอกว่า เรื่องความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องที่ประเมินไม่ได้แต่ทุกวันก็รักในพระมหากษัตริย์รักในสถาบันฯ เราเป็นคนไทยหน้าที่หลักคือการทำนุบำรุงให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลานแต่ที่มาวันนี้เพราะเวลาอยู่บ้านก็ไม่ได้แสดงออกแต่พอมาก็ได้แสดงพลัง บางที่อยู่บ้านถึงจะร้องเพลงเหมือนกันก็ไม่มีใครได้ยิน

“เหมือนวันนี้มาก็ได้เจอน้อง(ผู้สื่อข่าว) เราทำด้วยใจไม่มีใครบังคับเรา เรารู้หน้าที่ว่าวันที่ 13 เราเป็นพสกนิกรใต้ร่มพระบารมี”

“ครั้งนี้ที่มาตรงศาลาว่าการฯ คือจะมาถามท่านผู้ว่าฯ แล้วก็ชวนมาร้องเพลง ท่านจะมาไม่มาแล้วแต่ท่าน แต่เราเชิญแล้ว ก็จะถามท่านด้วยว่าพระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่หน้าศาลาว่าการฯ หายไปไหน ไม่ใช่เพิ่งมีผลุบๆ โผล่ๆ นะ แต่มันมีมาตลอด พวกเรามาทำกิจกรรมเรารู้ เรามีรูปยืนยันว่ามันมีอยู่” เจี๊ยบแสดงความสงสัยว่าทำไมรูปที่เคยมีถึงหายไปและถูกนำไปไว้ที่ใดที่ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่มาตอบเพราะเห็นว่าสถานที่ราชการไม่ควรจะเงียบไม่มีการแจ้งในเรื่องนี้แล้วสถานที่ราชการอื่นๆ ก็มีรูปของบุคคลในสถาบันกษัตริย์ทุกที่ แต่ก็ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าไปแล้วแม้จะยังไม่ได้คำตอบ แต่ทุกคนก็จะได้กลับบ้านอย่างมีความสุขที่ได้มา

เจี๊ยบ บอกว่า ที่มานี้ไม่ได้ต้องการจะมาหาเรื่องอะไร แต่มาแสดงออกถึงความจงรักภักดีและภูมิใจที่ได้มา การแสดงออกเป็นเรื่องดีไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ต่อให้เหลือเธอคนเดียวก็จะมากล้าที่แสดงออกในเรื่องที่ดีความรัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์นั้นอยู่ในสายเลือดของเธอไม่ได้ถูกบังคับ แม้ว่าจะมีคนอีกกลุ่มไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรอยุ่ด้วยกันก็คิดต่างได้แต่ไม่แตกแยกมาคุยกันดีๆ

หลังการร้องเพลงชาติ อานนท์ กลิ่นแก้วกล่าวถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วมของชัชชาติที่ฝนตกแค่วันเดียวก็ทำกรุงเทพน้ำท่วม และแสดงออกถึงความรู้สึกไม่ชอบต่อนักการเมืองที่เผาบ้านเผาเมืองรวมถึงทนายความคนหนึ่งที่ได้มีการย้ายไปอยู่กับพวกดังกล่าวด้วย หลังจากนั้นกลุ่มยังคงมีการร้องเพลงต่อเนื่องไป อย่างไรก็ตามชัชชาติไม่ได้มาปรากฏตัวร่วมกิจกรรม

จากนั้น อานนท์ ปราศรัยผ่านรถเครื่องเสียง ระบุว่าในโซเชียลมีเดียมีการถามว่าพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่เคยติดที่หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครหลังเก่าหายไปไหน และหากมีการปลดลงมา จะขอทราบเหตุผลที่ปลดพระบรมฉายาลักษณ์ลงมาด้วย

ภาพป้ายกระดาษเขียนข้อความถึงชัชชาติ ต่อกรณีปลดพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ อานนท์ ระบุว่า ทุกๆ 15 วัน เขาจะพาประชาชนมาที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯ เพื่อติดตามทวงถามรูปในหลวงไปไหน และเมื่อไรจะกลับมา 

ด้าน นพดล พรหมภาสิต ที่ปรึกษาของ ศปปส. ระบุด้วยว่า การที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ติดพระบรมฉายาลักษณ์แค่วันเฉลิมชนพรรษา เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  

จากนั้น ตัวแทนกลุ่มนักรบองค์ดำ-สองคาบสมุทร กล่าวว่า วันนี้พวกเขามาดูแลประชาชนที่มาทำกิจกรรม และฝากถามถึงผู้ว่าฯ กทม. ทำไมต้องเอาพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ออกไป และถามว่าที่ไม่มาร่วมกิจกรรมวันนี้เป็นเพราะต้องการหลบหน้าประชาชนหรือไม่

เวลา 18.12 น. เป็นการร้องเพลง 'สรรเสริญพระบารมี' และเพลง 'ล้นเกล้าเผ่าไทย' ก่อนยุติการทำกิจกรรม

มองคดีใส่ชุดไทยโดน ม.112 ที่เจตนา

หลังจบกิจกรรม อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. และเลขาธิการ ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคม (ศชอ.) และ นพดล พรหมภาสิต หรือ 'รอยตุ๊' ประธาน ศชอ. และเป็นที่ปรึกษา ศปปส. ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ต่อกรณี 'นิวส์' จตุพร แซ่อึง ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ ตัดสินจำคุก 2 ปี และปรับเงิน 1,000 บาท ข้อหา ม.112 จากการใส่ชุดไทย เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง เมื่อ 23 ต.ค. 2563 ที่ถนนสีลม ล่าสุด 'นิว' ถูกคุมตัวที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างรอศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ประกันหรือไม่ 

อานนท์ กลิ่นแก้ว (ชายใส่เสื้อโปโลสีกรมท่า) และ นพดล พรหมภาสิต (ซ้ายมืออานนท์)

อานนท์ ระบุว่า เรื่องชุดไทยใครๆ ก็แต่งได้ แต่ศาลเล็งเห็น 'เจตนา' ของคุณ และมีการตะโกน และเลียนแบบกิริยาท่าทางของพระราชินี แต่ฝ่ายประชาธิปไตยเอาไปตีความว่าแต่งชุดไทยผิด

นพดล กล่าวเสริมว่า ศาลพิจารณาจากเจตนา พยาน และหลักฐาน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ศาลเชื่อว่ามีเจตนาล้อเลียน และขอให้ฝ่ายประชาธิปไตยอย่าบิดเบือน 

"คุณอย่าไปปรักปรำว่าฝ่ายประชาธิปไตยโดน 112 อย่าบิดเบือน" นพดล ระบุ

จากกรณีที่มีการแชร์ข่าวบนโลกออนไลน์เทียบระหว่างเด็กหญิงชาวสหรัฐฯ วัย 1 ขวบ แต่งกายเลียนแบบ 'พระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2' แห่งสหราชอาณาจักร ในวันฮัลโลวีน เมื่อปี 2564 และได้รับจดหมายชื่นชมจากทางพระราชวัง และคดีของนิวส์ จตุพร ใส่ชุดไทย โดนมาตรา 112 นั้น

อานนท์ มองว่า ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เอาแค่ในประเทศไทยพอ และระบุว่าต้องอย่าลืมว่าประเทศไทยมีอัตลักษณ์สวยงามตั้งแต่โบราณกาล พระมหากษัตริย์เองเป็นอัตลักษณ์ของชาติ อยากให้เยาวชนรักษาไว้ 

"ฝากเตือนน้องๆ ฝ่ายประชาธิปไตย น้องเรียกร้องความเท่าเทียม น้องด่ารัฐบาล ไล่พลเอกประยุทธ์ เราไม่ได้ไปยุ่งกับน้อง เราไม่ได้ยุ่งกับฝ่ายประชาธิปไตย นั่นคือหลักประชาธิปไตยมีมุมมองเห็นต่าง แต่ทุกครั้งที่ออกไป ก็ไปหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน จับตาดูทุกกลุ่ม และจะแจ้งความจนกว่าพวกคุณจะหยุด" อานนท์ กล่าว

นอกจากนี้ ประธาน ศปปส. ระบุเพิ่มว่าไม่มีการฟ้องแจ้งความดำเนินคดี ม.112 กลั่นแกล้งใครแน่นอน กฎหมายทุกมาตราไม่เคยทำร้ายใคร ถ้าไม่ไปฝืน และถามว่าทำไมต้องเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียม และต้องไปหมิ่นสถาบันกษัตริย์

ประธาน ศปปส. กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยที่จะเรียกประชาชนที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ว่าเป็นนักโทษการเมือง แต่คนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายความมั่นคง ไม่ใช่เรื่องการเมือง 

แจงไม่เคยรับเงินมาดำเนินคดี ม.112

กรณีที่มีนักกิจกรรมบางรายตั้งข้อสงสัยต่อกลุ่ม ศปปส. รับเงินมาแจ้งความดำเนินคดีต่อนักกิจกรรมนั้น ประธาน ศปปส. ชี้แจงว่าเขามีกิจการของตัวเอง และเวลาไปแจ้งความไม่ได้ใช้เงินเยอะ แค่เติมน้ำมัน 400-500 บาท ค่าข้าวคนละกล่อง หรือเจ้าหน้าที่บางโรงพักเขาก็เลี้ยงข้าว ไม่ได้ยากจน และต้องเปิดรับบริจาค

"ไม่เคยไปเปิดบัญชีขอรับบริจาค ใช้น้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ผมมีเวลาสั่งทำงานเสร็จ มีเวลาก็ไปโรงพัก มีเวลาเป็นวันถึงเที่ยงคืน ผมจะทำยังไงก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญในประเทศไทย ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้ เขาก็ต้องทำ ไม่ทำเขาก็โดน 157 (หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่)" อานนท์ กลิ่นแก้ว ระบุ

ที่มาของกิจกรรม 'ร้องเพลงสรรเสริญฯ'-ทวงคืนรูป ร.10 หน้าศาลาว่าการ กทม. (หลังเก่า)

นพดล พรหมภาสิต ที่ปรึกษา ศปปส. และประธาน ศชอ. ระบุว่ากิจกรรมร้องเพลงเป็นแนวคิดของอานนท์ กลิ่นแก้ว โดยจัดขึ้นทุกวันที่ 13 เป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยเริ่มทำตั้งแต่ต้นปีนี้ (2565) และสถานที่จัดกิจกรรมจะเวียนกันไปตามสถานที่สำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์

ส่วนที่วันนี้มาจัดที่ลานคนเมือง ประธาน ศปปส. ระบุว่าเนื่องจากเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ผู้ว่าฯ กทม. เข้ารับตำแหน่ง กลุ่ม ศปปส. จึงอยากชวนมาร่วมกิจกรรมร้องเพลงด้วย แต่ตอนนั้นผู้ว่าฯ ชัชชาติ ติดภารกิจร่วมงานรับปริญญาของลูกชายที่ต่างประเทศ วันนี้กลุ่ม ศปปส.เลยมาจัดอีกครั้ง พร้อมยื่นหนังสือเชิญผู้ว่าฯ มาร่วมกิจกรรมล่วงหน้าราว 4 วัน แต่ปรากฏว่าผู้ว่าฯ ชัชชาติไม่ได้มาร่วมงาน และไม่ได้มีการส่งตัวแทนมาร่วมด้วย ทั้งที่เวลาฝั่งประชาธิปไตยจัดงาน ชัชชาติไปร่วมงานตลอด

อีกหนึ่งจุดประสงค์ที่มาวันนี้ อานนท์ ระบุว่าต้องการมาถามแทนประชาชนด้วยว่า พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (หลังเก่า) หายไปไหน และทำไมต้องปลดพระบรมฉายาลักษณ์ออก

นพดล กล่าวเสริมว่า ผู้ว่าฯ กทม.อย่าทำอะไรออกนอกลู่นอกทางดีกว่า สถานที่ราชการควรจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ กรุงเทพมหานคร ก็ถือเป็นหน่วยงานราชการ ไม่ใช่บริษัทเอกชน 

"มันเป็นกาลเทศะ ข้าราชการทำงานภายใต้พระปรมาภิไทยนู่นนี่นั่น คุณต้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ติดสิ ถ้าเป็นเอกชนก็เรื่องของคุณ แต่นี่เป็นสถานที่ราชการ"

"ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ เรายังรักท่านอยู่นะครับ ถึงเราจะแซะตราหน้าตามโซเชียลมีเดีย เราก็แซะอย่างแบบว่า อยากให้ทำงานมีกำลังใจ คนชมท่านเยอะมาก แต่เราอยากจะเป็นเสียงส่วนน้อยที่วิจารณ์ท่าน ท่านต้องฟังเราบ้าง พวกสลิ่ม อย่าเลือกปฏิบัติ ท่านเป็นพ่อเมือง ลานคนเมืองเป็น public forum เปิดให้ทุกคนมา ท่านเป็นเจ้าบ้าน ประชาธิปไตย ท่านก็มาแวะทักทายกับพวกเราก็ถือว่าใจดำไปนิดหนึ่ง" นพดล ทิ้งท้าย 

สำหรับศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. เป็นกลุ่มปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อตั้งเมื่อปี 2563 ปัจจุบัน ทำคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 และคดีความมั่นคง

หมายเหตุ - มีการปรับพาดหัว และอัปเดตความคืบหน้า เมื่อ 13 ก.ย. 2565 เวลา 23.23 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net