พปชร.เปิดตัว 12 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน-ใต้ หนุน 'นิพิฏฐ์' ลุยใต้ ชน 'ภูมิใจไทย'

พปชร. เปิดตัว 12 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน-ใต้ ดัน ‘นิพิฏฐ์’ อดีต ส.ส.พัทลุง 8 สมัย ย้ายจากพรรคสร้างอนาคตไทย ดูแลเลือกตั้งภาคใต้ ชนพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ตั้งเป้ากวาดที่นั่งเท่าไร มอง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่ ไม่กระทบหาเสียงภาคใต้

 

13 ธ.ค. 2565 เว็บไซต์ ‘ข่าวสด ออนไลน์’ และพรรคพลังประชารัฐ รายงานวันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่สำนักงานพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พื้นที่ภาคอีสาน และภาคใต้ โดยมีแกนนำคนสำคัญอย่าง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ ส.ส.พัทลุง 8 สมัย ย้ายจากพรรคสร้างอนาคตไทย มาเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐ

โดยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ในครั้งนี้ แบ่งเป็นแบบบัญชีรายชื่อพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ได้แก่ ณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ซึ่งได้ลำดับที่ 2 ในครั้งที่ผ่านมา จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ สุภาพ ขุนศรี และสุธรรม จริตงาม

พื้นที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ได้แก่ ประพิศ นวมโคกสูง, อรทัย พลวิเศษ, ตติรัฐ รัตนเศรษฐ, อรัชมน รัตนเศรษฐ, วิรัตน์ วาริชอลังการ, พจน์ เจริญสันเทียะ ในส่วน จ.ชัยภูมิ ได้แก่ จิตราภรณ์ กล้าแท้, กาญจนา จังหวะ, สนั่น พัชรเตชโสภณ

สันติ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคน ขอขอบคุณนิพิฏฐ์ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะจังหวัดทำภาคใต้ ที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นด้ามขวานทองของประเทศไทย ที่จะต้องมีตัวแทนของประชาชนชาวใต้ในการดูแลพัฒนาจังหวัดที่มีทรัพยากรต่างๆ มากมาย และยังรอที่จะพัฒนาจากนโยบายของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน หรือการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะไปดูแลพืชผลสินค้าทางการเกษตรเช่นยางพารา ปาล์ม ก็กำลังรอผู้ที่มีความรู้ความสามารถ

"ท่านนิพิฏฐ์เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริง ผมต้องขอขอบคุณท่านเป็นกรณีพิเศษ เพราะท่านห่วงใยพี่น้องชาวใต้ เฉกเช่นเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนาภาคใต้ของเราให้มีความเข้มแข็ง และเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชน และคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะขึ้นมาดูแลจังหวัดต่อไป" เลขาฯ พรรค พปชร. กล่าว

ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัครฯ ดังกล่าว ล้วนเป็นบุคลากรที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี และมีทีมงานที่มีฐานเสียงเข้มแข็ง และกว้างขวางในพื้นที่ภาคใต้ ที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นปากเสียงแทนในการเข้าไปเป็นตัวแทนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

นิพิฏฐ์ กล่าวว่า การตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ขอให้อย่าคิดว่า ตนมาในฐานะขุนพล เพราะตนตั้งใจมาทำงานร่วมกันกับสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ ไม่ได้มาเป็นผู้นำใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้รับมอบหมายจากท่านหัวหน้าพรรค ต้องการให้เข้ามาช่วยดูแลภาคใต้ โดยยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในพรรคอย่างเช่น นายอภิชัย เตชะอุบล มาช่วยงานด้วย รวมไปถึงนายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ยังปิดเงื่อนไขทางกฏหมายการเว้นวรรคทางการเมืองจาก ส.ว.อยู่ ก็จะมาให้คำปรึกษาในส่วนที่ไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สิ่งใดที่ผมสามารถทำได้เพื่อชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ ผมพร้อมที่จะทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้พื้นที่ภาคใต้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ และกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ให้เกียรติผมมาร่วมงานกันในวันนี้" นิพิฏฐ์ กล่าว

ในวันเดียวกัน ด้านเว็บไซต์มติชน ออนไลน์ รายงานว่า นิพิฏฐ์ ให้สัมภาษณ์หลังเปิดตัวกับพรรค พปชร. เมื่อ 15.30 น. โดยอดีตรองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยว่าคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บ้างแล้ว โดยพรรค พปชร. จะให้เขาเข้ามาดูแลภาคใต้ จากเดิมที่ พล.อ.ประวิตร ดูแลอยู่ก่อน โดยเข้ามาช่วยรูปแบบคณะกรรมการที่ พล.อ.ประวิตร ตั้งขึ้นมาดูแลภาคใต้ โดยมีอภิชัย เตชะอุบล แกนนำพรรค มาช่วยพื้นที่ภาคใต้

เมื่อสื่อถามว่า การไม่มีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นผลดีกับการหาเสียงพื้นที่ภาคใต้หรือไม่นั้น นิพิฏฐ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกพรรคมีคะแนนนิยมใกล้เคียงกันมาก ไม่ใช่เฉพาะภาคใต้ ซึ่งตนพยายามบอกผู้สมัครมาตลอดว่าต้องทำให้ตัวเองแข็งแรง ได้รับการยอมรับจากประชาชน ตอนนี้คะแนนใกล้เคียงกันหมดแล้ว ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ อยู่ที่ตัวผู้สมัครมากกว่า

สื่อถามกรณีกระแสภาคใต้ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ หากไม่อยู่พรรค พปชร.แล้ว จะสามารถดึงดูดคะแนนจากประชาชนได้หรือไม่ นิพิฏฐ์ กล่าวว่า ยอมรับกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ในภาคใต้ดี แต่ก็มีเงื่อนไขหลายประการ ซึ่งตนคิดว่า อาจไม่ดีเหมือนกับการเลือกตั้งปี 2562 อีกต่อไป อย่างเช่นวาระการดำรงตำแหน่ง ถ้าเลือกไป 2 ปีก็ต้องเลือกนายกฯ ใหม่ นอกจากนี้ พรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพรรคที่เหมือนสร้างขึ้นมาใหม่เลย เพราะฉะนั้น ไม่ง่ายไปแข่งกับพรรคที่มี ส.ส.อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คิดว่าไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม

เมื่อสื่อถามว่าตั้งเป้ากวาด ส.ส.ภาคใต้เท่าไหร่ นิพิฏฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้พรรคตั้งเป้าไว้เท่าไหร่ แต่จะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าเพิ่งอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ไม่นานก็ย้ายมาพรรค พปชร. ประชาชนจะสับสนหรือไม่ นิพิฏฐ์ กล่าวว่าคงไม่ เพราะมันมีเหตุจำเป็น ส่วนเหตุจำเป็นเกิดจากอะไรนั้น ขอให้พรรค สอท. เป็นคนพูดเอง การที่ตนเดินออกมาไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะคุยกันมาไม่ต่ำกว่า 3 เดือนแล้ว

เมื่อสื่อถามว่า เป็นปัญหาขัดแย้งภายในพรรคสร้างอนาคตไทยหรือไม่ นิพิฏฐ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ความขัดแย้ง เพราะร่วมตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยกับสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค มีหลักการที่นำอยู่ 2 เรื่องคือ 1.ไม่สุดขั้วทางการเมือง ไม่แดงจัด ไม่เหลืองจัด ไม่ซ้ายจัด ไม่ขวาจัด 2.เราจะเป็นพรรคที่มุ่งเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่าปัญหาทางการเมือง แต่พอพรรคเดินมาได้ระยะหนึ่งก็มีแนวคิดในการควบรวมพรรค ซึ่งตนไม่ได้ขัดข้องหากการควบรวมพรรค จะทำให้พรรคมีตัวตนในทางการเมือง มีที่ยืนในทางการเมือง โดยเฉพาะเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคโตยาก แต่การควบรวมต้องไม่ขัดหลักการ 2 ข้อนี้

“แต่ปรากฏว่าการควบรวมมีการเบี่ยงเบนไปบางส่วน อย่างเช่น มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคจากนายอุตตม เป็นคนอื่น และที่สำคัญคือ มีการเปลี่ยนแปลงแคนดิเดตนายกฯ จากนายสมคิด ไปเป็นบุคคลอื่น โดยนายสมคิด จะเป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ไป ซึ่งผมคิดว่าหลักการตรงนี้มันถูกเปลี่ยนแปลงไป และผมได้ยืนยันแล้วว่าหากรวมพรรคลักษณะแบบนี้ ผมคงไม่สามารถทำงานในพรรคได้ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจไม่ได้มีความขัดแย้ง” นิพิฏฐ์ กล่าว

เมื่อสื่อถามว่า มีการมองกันว่า การที่มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคต้องการให้มาชนกับพรรคภูมิใจไทยในภาคใต้โดยเฉพาะ นาที รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้ พรรคภูมิใจไทย  นิพิฏฐ์ กล่าวว่า “ไม่หรอก ผมอยู่ที่ไหนก็ชนได้ ผมก็ชนเจ๊นาทีกระเด็นไปแล้ว ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไป 3 ปีแล้ว ไม่มีปัญหาผมชนได้ทั้งนั้น”

เมื่อสื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะต้องชนกับนาที จะเป็นการทวงคืนพื้นที่เขต 2 พัทลุงหรือไม่ นิพิฏฐ์ กล่าวว่า ไม่ชนลักษณะนั้น ขอเป็นตัวเลือกใหม่ก็แล้วกัน ไม่ถือว่าชนกันเป็นศัตรูขนาดนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า การย้ายมาพลังประชารัฐ มีลูกทีมตามมาหรือไม่ นิพิฏฐ์ กล่าวว่า มาเยอะ และยอมรับว่าเป็นปัญหา เพราะมีพื้นที่ทับซ้อนกัน ความจริงกว่า 30 คนที่วางไว้มาทั้งหมด แต่เมื่อพื้นที่ทับซ้อนกันก็ต้องมาคุยกันใหม่อีกที

เมื่อสื่อถามว่า ในพื้นที่ จ.พัทลุง คิดว่าจะสู้กับ นาที กับ นริศ ขำนุรักษ์ ได้หรือไม่ นิพิฏฐ์ กล่าวว่า คิดว่าได้ การเมืองต้องเลือกความหวัง ใครมีความหวังมากกว่า มีโอกาสเป็นรัฐบาลมากกว่าก็ได้รับเลือกไป ใครไม่มีความหวังก็ไม่ได้รับเลือกหรอก อย่าง ส.ว.เขาดูเบื้องหลังเวลาเลือก แต่ผู้แทนราษฎรหรือพรรคการเมืองเขาดูข้างหน้า ซึ่งตนคิดว่าสู้ได้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท