‘หมอสมิทธิ์’ ชี้ข้อมูลศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี พบผู้ป่วยจากการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่า หลังปลดล็อค

นพ.สมิทธิ์ ชี้ข้อมูลศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี พบหลังปลดล็อคให้กัญชาเสรีมีผู้ป่วยจากการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่า ระบุโดยปกติมีผู้ป่วยประมาณ 20 กว่าคนต่อเดือน กลายเป็น 68-75 คนต่อเดือนในเดือน มิ.ย.-ส.ค. ส่วนใหญ่ใช้กัญชาเพียงอย่างเดียวไม่มีสารอื่น และส่วนใหญ่ใช้เพื่อสันทนาการหรือทดลองใช้

22 ธ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ธ.ค.) ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เผยแพร่ข้อมูลผู้เจ็บป่วยที่มีประวัติสัมผัสกัญชา และปรึกษามายังศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม 2565 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีจำนวนผู้ป่วยจากการสัมผัสกัญชา ทั้งสิ้น 212 คน โดยมีการปรึกษามาในช่วงเดือนต่างๆ ดังนี้

  • เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 จำนวน 68 คน (ข้อมูลในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 และ มิถุนายน พ.ศ. 2563 มีจำนวนผู้ป่วย 21 คน และ 15 คน ตามลำดับ)
  • เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 จำนวน 75 คน (ข้อมูลในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 และ กรกฎาคม พ.ศ. 2563 มีจำนวนผู้ป่วย 26 คน และ 20 คน ตามลำดับ)
  • เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 จำนวน 69 คน (ข้อมูลในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 และ สิงหาคม พ.ศ. 2563 มีจำนวนผู้ป่วย 20 คน และ 27 คน ตามลำดับ)

ในจำนวนนี้เป็นผู้ได้รับกัญชาเพียงสารเดียว 161 คน (ร้อยละ 75.9) มีผู้ป่วยได้รับสารอื่นร่วมจำนวน 51 คน (ร้อยละ 24.1) สารที่พบร่วมด้วยบ่อยได้แก่ กระท่อม 19 คน สุรา 13 คน และ สารในกลุ่มแอมเฟตามีน 8 คน ผู้ป่วยร้อยละ 35.4 (75 คน) เป็นผู้ไม่เคยใช้หรือได้รับกัญชามาก่อน

ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ระบุด้วยว่า ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาของตนเองและบุคคลรอบตัว ควรใช้ในทางการแพทย์อย่างถูกต้องเท่านั้น และไม่สนับสนุนการใช้ด้วยวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการแพทย์

ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Smith Fa Srisont ของ นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์อธิบายเพิ่มเติมจากข้อมูลดังกล่าวว่า หลังปลดล็อคให้กัญชาเสรีมีผู้ป่วยจากการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่า ส่วนใหญ่ใช้กัญชาเพียงอย่างเดียวไม่มีสารอื่น และส่วนใหญ่ใช้เพื่อสันทนาการหรือทดลองใช้

พร้อมสรุปเป็น 7 ประเด็นดังนี้

1. มีผู้ป่วยจากกัญชาเพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 เท่า คือมีผู้ป่วยจากการใช้กัญชา แล้วมาปรึกษาศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังปลดล็อคกัญชาเสรีในเดือนมิถุนายน (เก็บข้อมูลสามเดือน มิ.ย.-ส.ค.) โดยปกติมีผู้ป่วยประมาณ 20 กว่าคนต่อเดือน กลายเป็น 68-75 คนต่อเดือน

2. ร้อยละ 76 ใช้กัญชาอย่างเดียว ขอเน้นเรื่องนี้ด้วยครับเพราะชอบมีคนอ้างว่าเกิดจากการใช้ร่วมกับสารเสพติดตัวอื่น

3. ร้อยละ 68 ใช้เพื่อสันทนาการหรือทดลองใช้ แต่มีเพียงร้อยละ 7.5 ใช้เพื่อรักษาโรค แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ใช้เพื่อสันทนาการ ไม่ได้ใช้เพื่อการแพทย์ตามจุดประสงค์ที่รัฐบาลอ้าง

4. เจอผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 18 ปีจำนวน 39 คน (ร้อยละ 18) และเป็นการใช้เสพเพื่อนันทนาการ 21 คน แสดงให้เห็นว่าป้องกันการเข้าถึงกัญชาในเด็กยังไม่ดีพอ ซึ่งกัญชามีผลต่อสมองโดยเฉพาะในเด็ก จึงมีผลกระทบมาก

5. มีคนต้องแอดมิดทั้งหมด 126 คน (ร้อยละ 59) แสดงให้เห็นชัดว่า มีผู้ป่วยที่รุนแรงเกินครึ่ง

6. มีคนเจ็บป่วยหนักจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 7 คน โดยหนึ่งรายเป็นเด็กอายุ 14 ปี ใช้กัญชาอย่างเดียวจนง่วงซึมไม่รู้สึกตัว จนต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อช่วยชีวิต

7. มีคนตาย 1 คน เกิดจากการใช้กัญชาร่วมกับสารเสพติดอื่น ซึ่งจะเสริมฤทธิ์กันได้

"เห็นชัดเจนแล้วนะครับว่าการปล่อยให้กัญชาเสรีโดยไม่มีการควบคุม ทำให้แพทย์ต้องทำงานหนักมากขึ้น สูญเสียทรัพยากรในทางการแพทย์มากขึ้นชัดเจน และอย่าอ้างว่าเพื่อการแพทย์ เพราะส่วนใหญ่ใช้เพื่อสันทนาการ อีกเรื่องหนึ่งคือข้อมูลนี้ควรออกมาเป็นทางการจากทางรัฐบาล ประเทศอื่นที่ให้เสรีก็จะมีข้อมูลแบบนี้ให้ประชาชน เพื่อเตือนประชาชนถึงโทษของกัญชา ไม่ใช่บอกแต่ข้อดีแบบปัจจุบันนี้" นพ.สมิทธิ์ ระบุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท