Skip to main content
sharethis

ตำรวจเผยเจ้าหน้าที่เรือนจำไม่วิ่งติดตาม 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' เพราะคาดว่าจับกุมได้อยู่แล้ว ประกอบกับต้องเฝ้าอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำจึงไม่วิ่งตาม ขณะที่ โรม ส.ส.ก้าวไกล จี้ รมต.สมศักดิ์ ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ช่วยหลบหนี

 

23 ธ.ค.2565 ความคืบหน้ากรณีวานนี้ (22 ธ.ค.) ประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ วางแผนหลบหนีขณะออกไปศาลอาญาระหว่างพิจารณาคดีนั้น

ล่าสุดวันนี้ (23 ธ.ค.) เดลินิวส์ รายงานว่า ที่ สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.เอกชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยจากการสอบสวนผู้ต้องสงสัย 3 ราย ที่อาจมีส่วนช่วย ประสิทธิ์ ว่า มีผู้ให้การเป็นประโยชน์และรับสารภาพว่ามีส่วนช่วยเหลือประสิทธิ์หลบหนีจริง คือ สมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์ อายุ 56 ปี จึงแจ้งข้อกล่าวหา เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังในอำนาจของศาลหลบหนี โดยเมื่อช่วงเช้า ได้ส่งฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว ส่วนอีก 2 คน เลขาฯ ประสิทธิ์ และแฟนสาว ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานยังไม่แน่ชัดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดชัดเจนอย่างไร จึงปล่อยตัวไปก่อน แต่หากพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงจะเรียกมาสอบอีกครั้ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จะไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นายประสิทธิ์ ที่เรือนจำ ในข้อหาหลบหนีการควบคุมตามอำนาจของศาล

ไทยรัฐออนไลน์ รายงาน คำชี้แจงของ ผกก.สน.พหลโยธิน เพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนกุญแจที่นำมาไขที่ข้อเท้าประสิทธิ์ ยังไม่ชัดเจนได้มาอย่างไร อยู่ระหว่างสืบสวนร่วมกับทางเรือนจำด้วย และกรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำไม่วิ่งตาม ได้รับคำชี้แจงว่าสาเหตุที่ไม่วิ่งติดตามประสิทธิ์ไปเพราะตนคุมผู้ต้องขังมาเข้าห้องน้ำ 2 คน เห็นมีเจ้าหน้าที่วิ่งตามแล้ว และคาดว่าจับกุมได้อยู่แล้ว ประกอบกับต้องเฝ้าอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำจึงไม่วิ่งตาม

โรมจี้ รมต. สมศักดิ์ ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ช่วยหลบหนี

ด้านทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามต่อการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมหลังจากที่กรณีที่นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก สามารถไขกุญแจตรวนและพยายามหลบหนีในขณะถูกคุมตัวมาที่ศาล โดยรังสิมันต์ตั้งข้อสังเกตว่าในกระบวนการควบคุมตัวปกติ ราชทัณฑ์ไม่น่ามีโอกาสหลบหนีไปได้

“ตัวผมเองมีโอกาสใช้บริการจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์บ่อยครั้ง แนวทางการปฏิบัติในวันที่ผมถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีความเคร่งครัดมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี” รังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ รังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่าความหละหลวมที่เกิดขึ้นต้องดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ใน 2 ประเด็น คือ กุญแจโซ่ตรวนเป็นกุญแจที่ทำมาจากต่างประเทศ มีมาตรฐานสูง ซึ่งคนที่มีกุญแจสำรองมีแต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายประสิทธิ์ได้รับกุญแจมาได้อย่างไร อีกประเด็นคือการควบคุมตัวการควบคุมตัว เป็นไปได้อย่างไรที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ใส่สูท ซึ่งนี่เป็นสัญญาณนัยๆ หรือเปล่าที่ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักโทษคนอื่นๆ

รังสิมันต์กล่าวว่า สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็คือมีการสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่ภายในเรือนจำ ตั้งแต่การใส่ตรวจเท้า ซึ่งเกิดขึ้นที่เรือนจำ ว่าเป็นการใส่โซ่ที่ได้มาตรฐานหรือแอบให้กุญแจตั้งแต่ตรงนั้นหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวมาที่ศาลมีส่วนรู้เห็นไหมถ้าไม่มีกระบวนการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง แปลว่ากรมราชทัณฑ์มีส่วนรู้เห็นการหลบหนีในครังนี้ด้วย 

“หวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสมศักดิ์ เทพสุทิน จะลงมากำกับดูแลเรื่องนี้ เพื่อให้ป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการหลบหนีสามารถหลุดรอดไปได้” รังสิมัตน์กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ประสิทธิ์ เป็นประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” และแม่ทัพ IO หรือ information operation (IO) ของกองทัพ โดยเมื่อ ธ.ค. 63 พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทเอกชนของ ประสิทธิ์ ทำงานเป็นขบวนการ IO ของกองทัพ คอยประชาสัมพันธ์ด้านบวกของทหาร และโจมตีใส่ร้ายผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล จนต่อมา ประสิทธิ์ ระบุว่าตนอาจจะอยู่เบื้องหลัง IO ก็จริง แต่ก็เป็นการทำความดีเพื่อสถาบันฯ 

สำหรับ คดีโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” ที่ ประสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าเครือข่าย และถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” เมื่อ พ.ค. 64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีนี้ กล่าวถึงพฤติกรรมของประสิทธิ์ ที่ผ่านมานั้น ไม่เข้าข่ายผิด ม.112 เป็นเพียงทำทีเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเอง ยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ไม่ได้เป็นการระดมทุน จึงขอให้แยกแยะเรื่องการทำความดีกับการกระทำผิดไม่เกี่ยวข้องกัน

อย่างไรก็ตาม ส.ค. 64 พล.ร.อ.ปวิต รุจิเทศ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และผู้บัญชาการสำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน มีคำสั่งปลดประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้ที่เคยผ่านการอบรมโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904  โดยระบุในหนังสือว่าประสิทธิ์ได้กระทำการในสิ่งที่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและสถานภาพจิตอาสา 904 จากการเป็นผู้ต้องหาในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกับกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมเรียกคืนเครื่องแต่งกาย บัตรประจำตัว และใบประกาศนียบัตร

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net