‘โรม’ จี้ 'รมว.ยุติธรรม-ราชทัณฑ์' ต้องมีคำตอบ ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ หนี 'แทนคุณ' เร่ง ปปง. สืบทรัพย์

‘โรม’ จี้ สมศักดิ์-กรมราชทัณฑ์ ต้องมีคำตอบ กรณี ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ หลบหนี เร่งหาตัวเจ้าหน้าที่ที่ร่วมมือให้ได้ก่อนหยุดปีใหม่ 'แทนคุณ' จี้​ ปปง. เร่งสืบทรัพย์หลังมีเครือข่ายร่วมดูแลธุรกิจ ขณะที่ชุดคลี่คลายคดีเร่งขยายผลหาตัวการช่วยเหลือ เชื่อคนในมีเอี่ยว

26 ธ.ค.2565 ความคืบหน้ากรณี เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ วางแผนหลบหนีขณะออกไปศาลอาญาระหว่างพิจารณาคดีนั้น

ล่าสุดวันนี้ (26 ธ.ค.) ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานงานต่อสื่อมวลชนว่า รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้เคยอ้างตัวเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อแผ่นดิน แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงความเสียหายรวมนับพันล้านบาท ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุพยายามหลบหนีระหว่างเข้าพิจารณาคดีที่ศาลอาญา

รังสิมันต์กล่าวว่า กรณีนี้ร้ายแรงและต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าการจะกระทำเช่นนี้ได้ต้องมีผู้ให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้ก่อเหตุได้รับกุญแจให้ไขโซ่ข้อเท้าออกไปได้ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์อ้างว่ากุญแจนี้มีแค่ 2 ชุดเท่านั้น ชุดหนึ่งอยู่กับเรือนจำ อีกชุดหนึ่งอยู่กับเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมตัว ดังนั้นแล้วงานนี้จะต้องมีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เองเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตามรายงานข่าว ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้กล่าวไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับดูแล้วก็คือภายในวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2565 ก่อนหยุดยาวปีใหม่พอดี

“ผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงคอยช่วยย้ำช่วยติดตาม ขอให้สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงทางกรมราชทัณฑ์ เร่งติดตามหาตัวเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมกระทำผิดและแถลงต่อสาธารณะให้ได้ภายในกรอบเวลาที่ตั้งไว้จริงๆ เพราะตอนนี้ผ่านมา 4 วันแล้ว เรายังไม่ได้เห็นความคืบหน้าการสอบสวนในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด หวังว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะไม่ใช่การเตะถ่วงแล้วปล่อยให้กระแสถูกกลบหายไปกับช่วงปีใหม่” โฆษกพรรคก้าวไกลระบุ

'แทนคุณ' จี้​ ปปง. เร่งสืบทรัพย์หลังมีเครือข่ายร่วมดูแลธุรกิจ

​เนชั่น รายงานว่า แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ อดีต​ส.ส. กทม.​ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ​เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบเครือข่ายที่ให้ความช่วยเหลือ ประสิทธิ์ ว่า ตนพบหลักฐานไลน์ที่บอกถึง​การเข้าเป็นกรรมการของของแกนนำ "กลุ่มศรัทธา" ในราวเดือนสิงหาคม​ 65 ในบริษัท​ที่อ่าวนาง​ จ.กระบี่​  โดยตนตั้งข้อสังเกต​ว่า​ มีการตอบแทนให้กลุ่มที่เคลื่อนไหว​ช่วยประสิทธิ์​ในนามกลุ่มศรัทธา​ โดยเฉพาะ​แกนนำที่มาช่วยกดดัน​ คุกคามฝ่ายโจทก์​ตลอดที่ผ่านมา​ จึงอยากให้ตำรวจขยายผลในการตรวจสอบว่าได้รับผลประโยชน์​อย่างไรบ้างและเกี่ยวข้อง​กับการสนับสนุน​ให้​ประสิทธิ์​แหกหักหนีศาลหรือไม่อย่างไร​

แทนคุณ กล่าวว่า อยากให้ ป.ปง.​ตรวจเส้นทางการเงินและความเชื่อมโยงของผลประโยชน์​ว่าได้มีการเกี่ยวข้องกับบริษั​ทของเครือข่ายประสิทธิ์​หรือไม่​ เพราะอยู่ดีๆ​คนที่เป็น​แกนนำหลักในการช่วยประสิทธิ์​มาตลอดทำไมถึงได้เป็น​กรรมการบริษัท​คือ​ บจก. อ่าวนาง ซีวิวคอนโด จ.กระบี่​ที่เป็นบ้านเกิดและแหล่งลงทุน​ของประสิทธิ์"

แทนคุณ ระบุอีกว่า หากจะขยายผลคนที่คอยช่วยประสิทธิ์​จากนอกเรือนจำ​รวมทั้งกลุ่ม​ทุนที่เกี่ยวข้อง​กับประสิทธิ์​เพื่อตามสืบทรัพย์มาคืนผู้เสียหาย​ในคดีฉ้อโกง​ประชาชนให้มากและเร็ว​ที่สุดต่อไป โดยหลังจากนี้​จะนำเอกสาร​หลักฐาน​ไปยื่น​ ปอศ.เพื่อให้ตามจับกุมคนที่เกี่ยวข้อง​ต่อไป

ชุดคลี่คลายคดีเร่งขยายผลหาตัวการช่วยเหลือ เชื่อคนในมีเอี่ยว

ขณะที่วานนี้ (25 ธ.ค.) ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ8) ปฎิบัติราชการสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า แนวทางการดำเนินการขณะนี้ ทางชุดสืบสวนทราบผู้มีส่วนร่วมทั้งหมดแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหา รวมทั้งนำตัวมาฝากขังเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนจากนี้ทางพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มอบหมายให้ชุดทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกมิติ เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมให้การสนใจและเป็นการกระทำที่อุกอาจ โดยจากนี้จะขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการในการช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อมูลการติดต่อระหว่างกลุ่มของผู้ให้การช่วยเหลือกับตัวของ ประสิทธิ์ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ทางชุดสืบสวนได้ตั้งสมมติฐานว่าอาจจะมีคนในให้การช่วยเหลือไม่เช่นนั้นจะไม่ออกมาในรูปแบบนี้

พล.ต.ท.สันติ กล่าวต่อว่า เนื่องจากขั้นตอนในการหลบหนีของ ประสิทธิ์ มีการตระเตรียมการมาเป็นอย่างดี มีการนำกุญแจมาปลดเครื่องพันธนาการ ซึ่งเรื่องกุญแจทางชุดทำงานได้สอบสวนร่วมกับทางกรมราชทัณฑ์ อีกทั้งทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกัน และอยู่ระหว่างการรอผลสรุปกับทางราชทัณฑ์ส่งมาให้กับทางเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนได้สืบสวนทางลับควบคู่ไปด้วย ซึ่งทาง ผบช.ก.ได้ประสานข้อมูลกับทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์อย่างใกล้ชิดถึงเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เกิดเหตุ เพื่อที่จะให้ได้ทราบข้อเท็จจริงโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมตัว มนัสนันท์ เลขา ประสิทธิ์ จึงได้นำตัวเข้ามาทำการสอบปากคำยัง สน.พหลโยธิน เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหารายดังกล่าวตลอดทั้งคืน เจ้าตัวยังคงให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเลขาของประสิทธิ์ และ รับรู้ว่าจะมีการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตามคำให้การของ น.ส.นัสนันท์ ยังมีบางส่วนที่ขัดแย้งกับคำให้การของ สมประสงค์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหารายแรกที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้หนักใจ เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน

อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนยังพบหลักฐานว่า ช่วงเช้าในวันเกิดเหตุ นัสนันท์ ได้เดินทางมาที่ศาลด้วยเช่นกัน ก่อนจะเดินทางกลับออกไป ทางพนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกเชิญตัวมาให้ปากคำ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ยอมมาพบ พร้อมทั้งยังมีพฤติกรรมหลบหนี จึงเป็นเหตุให้ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และนำมาสู่การจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท