Skip to main content
sharethis

กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงมีพระราชประสงค์ ‘ลดงบสถาบันฯ’ โดยขอให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นำเงินจำนวน 1,000 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นกำไรจากโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานลมแห่งใหม่ทั้งหมด 6 แห่งที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ถือหุ้น ไปใช้เพื่อ ‘สาธารณประโยชน์’ หลังประชาชนในประเทศเผชิญกับวิกฤตพลังงานและค่าครองชีพอย่างรุนแรง

 

20 ม.ค. 2566 สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมาว่าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงมีพระราชประสงค์ให้นำเงินกำไรที่ได้จากโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานลมซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (Crown Estate) เป็นผู้ดูแล ไปใช้เพื่อ ‘ประโยชน์สาธารณะ’ แทนการนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสถาบันกษัตริย์

เว็บไซต์ The National News ระบุว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของอังกฤษเป็นเจ้าของโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานลมจำนวน 6 แห่ง ซึ่งทำสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัทเอกชนข้ามชาติด้านพลังงานหลายแห่ง อาทิ BP ของอังกฤษ, TotalEnergies ของฝรั่งเศส และ RWE ของเยอรมนี โดยควาซี ควาร์เทง (Kwasi Kwarteng) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุทธศาสตร์ธุรกิจ พลังงานและอุตสาหกรรม ในสมัยของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เป็นผู้อนุมัติให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทำสัญญาร่วมลงทุนในธุรกิจดังกล่าวเมื่อเดือน ก.ค. 2565

โรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้ง 6 แห่งที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของอังกฤษเป็นเจ้าของตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งในเขตนอร์ทเวลส์ คัมเบรีย แลงคาเซอร์ ยอร์กเชอร์ ลินคอล์นเชอร์ และทะเลเหนือ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 8 กิกะวัตต์ สามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าครอบคลุมกว่า 7 ล้านครัวเรือน สัญญาการลงทุนดังกล่าวระบุว่ากำไรที่ได้จากการผลิตไฟฟ้าจำนวน 1,000 ล้านปอนด์/ปี จะถูกส่งมอบให้กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผ่านทางกระทรวงการคลัง

ภาพจาก The Royal Family

สำนักข่าวบีบีซี ระบุว่า เงินรายปี (Sovereign Grant) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลอังกฤษจัดสรรและถวายให้แก่สถาบันกษัตริย์ ขณะนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ของกำไรที่ได้จากการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตามข้อตกลงในปี 2560 ที่รัฐบาลอังกฤษยินยอมเพิ่มส่วนแบ่งเงินรายปีให้แก่สถาบันกษัตริย์ชั่วคราวเป็นเวลา 10 ปีเพื่อนำไปใช้บูรณะพระราชวังบักกิงแฮม จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ สถาบันกษัตริย์อังกฤษได้รับเงินรายปี 15 เปอร์เซ็นต์ของกำไรจากการลงทุนของสำนักงานทรัพยสินส่วนพระมหากษัตริย์ สำหรับกำไรส่วนที่เหลือทั้งหมดจะเป็นของกระทรวงการคลัง โดยในปีงบประมาณ 2564-65 สถาบันกษัตริย์อังกฤษได้รับเงินรายปีจำนวน 86.3 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อนหน้า 400,000 ปอนด์

สำนักข่าวบีบีซีคาดว่าการลงทุนในธุรกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมทั้ง 6 แห่งจะทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีกำไรรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสวนทางกับแรงกดดันของสาธารณชนที่ต้องการลดงบสถาบันกษัตริย์ เพราะสัญญาการลงทุนระบุว่าบริษัทเอกชนผู้ร่วมลงทุนต้องมอบเงินกำไรจำนวน 1,000 ล้านปอนด์แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในระยะเวลา 3 ปีแรกเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้นอยู่ในโรงไฟฟ้าพลังงานลมรอบชายฝั่งสหราชอาณาจักรอยู่แล้วจำนวน 36 แห่ง

สำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้ประกาศว่าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชประสงค์ให้นำส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานลม 6 แห่งใหม่ออกจากเงินรายปี ซึ่งบีบีซีตั้งข้อสังเกตว่าในสุนทรพจน์วันคริสต์มาสปีที่แล้ว สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับวิกฤตค่าครองชีพที่ประชาชนชาวสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญอยู่ และทรงมีท่าทีพยายามลดแรงกระทบกระทั่งจากกรณีที่เงินรายปีของสถาบันฯ เพิ่มสูงขึ้นซึ่งสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศและพระราชดำรัสของพระองค์ ขณะที่เซอร์ไมเคิล สตีเฟนส์ ผู้อำนวยการพระคลังข้างที่ (Privy Purse) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเงินส่วนพระองค์ของกษัตริย์อังกฤษได้ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขอให้ “ตัดลบงบในสัดส่วนที่เหมาะสม” เพราะในขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ในระหว่างการหารือกับสำนักงานทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อจัดทำงบสถาบันฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำงบประมาณประจำปีของประเทศ

 

เรียบเรียงจาก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net