ชาวบ้านในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จ.ขอนแก่น เร่งให้ถอนกลักหมุด

ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนจากอุทยานฯ ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ปักแนวเขตล้ำที่ทำกิน วัด โรงเรียน เร่งให้รื้อถอนหลักหมุดออกทั้งหมด ก่อนฤดูกาลผลิตจะมาถึง หากหน่วยงานรัฐไม่ยึดตามข้อตกลงในมติที่ประชุม อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่บานปลาย ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาระยะยาว

หลังจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย 2566 ตัวแทนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน เช่น ชุมชนชำผักหนาม ชุมชนหนองจาน บ้านโคกยาวน้ำหนาว บ้านห้วยซ้อและห้วยม่วง ได้เข้าประชุมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทแนวเขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน (อช.ภูผาม่าน) ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) หัวหน้า อช.ภูผาม่าน พร้อมด้วยหน่วยงานราชการ เช่น นายอำเภอชุมแพ ปลัดอำเภอชุมแพ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุม ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ที่ประชุมมีมติให้ขาวบ้านผู้เดือดร้อนลงชื่อว่ามีจำนวนกี่ราย เพื่อได้ดำเนินการสำรวจตรวจสอบความถูกต้องของแนวเขตป่าที่ล้ำเข้ามาในพื้นที่ดินทำกินของชุมชนให้เป็นข้อยุติ

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2566 สุรางคนาง ฐานเจริญ ตัวแทนชาวบ้านซำผักหนาม ม.11 ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น แจ้งว่า กรณีเจ้าหน้าที่เข้ามาปักหมุดเวนคืนพื้นที่อุทยานฯ เป็นเขตบริหารเพื่อการอนุรักษ์ทับบนพื้นที่ดินทำกินของคนในชุมชน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าทำประโยชน์เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างปกติสุข ในวันนี้ (5 เม.ย. 2566) หัวหน้า อช.ภูผาม่าน ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เดินทางมายังศาลาประชุมกลางบ้านบ้านซำผักหนาม เพื่อรับหนังสือจากผู้ได้รับความเดือดร้อนที่ได้ร่วมลงชื่อรวมจำนวนกว่า 50 ราย เพื่อนำส่งต่อไปยังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น)

ตัวแทนชาวบ้านซำผักหนาม เพิ่มเติมด้วยว่า จากนี้จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งให้รื้อถอนหลักหมุดทั้งหมดออกจากพื้นที่ทำกิน ก่อนฤดูกาลผลิตที่จะมาถึงนี้ เพราะหลังการประชุม เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ยืนยันชัดเจนในการลงมาตรวจสอบตามที่ชาวบ้านเสนอในที่ประชุมให้ถอนหลักเสาแนวเขตรอบนอกที่ทางอุทยานฯ ออกทั้งหมดเมื่อไร ซึ่งได้รับคำตอบเพียงว่า ต้องรอให้คณะกรรมการ (สำนักอนุรักษ์ 8) พิจารณาและลงมาตรวจสอบในแต่ละประเด็น เพื่อประชุมทำแผนร่วมกันอีกครั้ง

นายสวาท อุปฮาด ผู้ประสานงานเครือข่ายไทบ้านไร้สิทธิสกลนครและผู้ประสานงานกรณีชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจาก อช.ภูผาม่าน บอกว่า การปักหมุดเส้นเขตแดนอุทยานฯ ล้ำเข้ามายังแนวเขตพื้นที่ทำกินที่ชาวบ้าน ส่งผลให้เกิดความไม่สบายใจ และกระทบต่อการทำมาหากิน หรืออาจเกิดข้อพิพาททางกฎหมาย ที่ผ่านมาได้มีการประชุมหารือเพื่อสำรวจแนวเขตรอบ โดยมีข้อตกลงว่า ทางอุทยานฯ ยังคงใช้พื้นที่หลักเขตเดิมในการปักหมุด แต่เมื่อไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งระยะหลังไม่เป็นไปตามกรอบเดิม และดูเหมือนว่าเป็นการดำเนินการของเเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว

"จึงได้นำมาสู่การรวมตัวของชาวบ้าน และเมื่อได้รับข่าวว่า ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (นายจตุพร บุรุษพัฒน์) จะเดินทางมาสำรวจราชการยังที่ทำการอุทยานฯ ภูผาม่าน ในวันที่ 28 มี.ค. 2566 นั้น จึงได้ร่วมประชุมกับชาวบ้าน เพื่อเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อปลัดกระทรวงทรัพย์ ต่อมาในวันที่ 31 มี.ค. 2566 ได้เข้ายื่นหนังสือต่อที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้มอบหมายให้รองฯ ผจว.ขอนแก่น เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา"

สวาท เพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการกำหนดรูปแบบในการทำงานร่วมกัน โดยมีตัวแทนฝ่ายชาวบ้านและหน่วยงานรัฐ แต่ในทางปฏิบัติต้องรอดูว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง หากเจ้าหน้าที่ยึดตามแนวทางที่หารือตามข้อตกลงก็จะสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ แต่หากไม่ทำตามมติในที่ประชุม เชื่อได้ว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่บานปลาย ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาระยะยาว

ด้านนายแก้ว วงค์ไกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการชุมชนซำผักหนาม (เครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน คปอ.) ระบุว่าปัญหาเรื่องเวนคืนที่ดินอุทยานภูผาม่าน เกี่ยวเนื่องจากหัวหน้าอุทยานฯ ได้แจ้งกับชาวบ้านและคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ (PAC) ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/66 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2565 นายประสิทธิพร เสนาสุทธิพร (หัวหน้าอุทยานฯ ) ได้แจ้งเรื่องเพื่อทราบระเบียบวาระที่ 3 ข้อที่ 3.3 ต่อที่ประชุมว่ามีการฝังหลักจัดทำแนวเขตบริหารเพื่อการอนุรักษ์ตามมาตรา 64 เพื่อประกอบแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาในปีงบประมาณ 2566 ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน

แก้ว ต่อด้วยว่า ในการฝังหลัก หัวหน้าอุทยานฯ ยังบอกด้วยว่า ไม่ได้มีการฝังทุกหลัก จะฝังเฉพาะบริเวณที่ติดเขตป่าอนุรักษ์รอบนอกเขตผ่อนปรนตามมติเดิมของคณะกรรมการ PAC และในการประชาคม ก็ย้ำบอกแบบนั้นเช่นกัน แต่เมื่อหลักที่ฝังนั้นกลับกินแนวเขตเข้ามาในพื้นที่ของชาวบ้านหลายสิบราย รวมถึงพื้นที่วัด โรงเรียน และลำห้วย หนอง คลอง บึงต่างๆ นี่คือปัญหาที่เกิดและเป็นเหตุที่ชาวบ้านลุกขึ้น ให้ทำการรื้อถอนหลักหมุดแนวเขตออก เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดินทำกินของชุมชนเป็นข้อยุติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท