Skip to main content
sharethis
  • ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีฟ้องเอาผิด 'สุเทพ-อภิสิทธิ์' สลายชุมนุม 53 และให้ยกฟ้องจำเลยอื่นอีก 3 คน ด้าน 'ประยุทธ์' ปัดไม่เกี่ยว หลัง 'ธาริต' อ้างทหารขู่ทำคดีจะรัฐประหาร ขณะที่ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้อง ระบุจำเลยทำตามกระบวนการ ไม่ได้จงใจกลั่นเเกล้งเเต่งข้อกล่าวหา
  • ย้อนรอยศาลสั่งตายจากกระสุนทหาร แต่ยังไม่มีใครถูกลงโทษ ฟ้องอาญา ศาลก็บอกให้ไปฟ้อง ป.ป.ช. ฟ้อง ป.ป.ช.ก็ตีตก

10 ก.ค.2566 สื่อหลายสำนักเช่นไทยพีบีเอส เดลินิวส์ ฯลฯ รายงานตรงกันว่า ศาลฎีกา ยืนตามศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยให้ความเห็นว่า ธาริต มีเจตนากลั่นแกล้ง ให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้ได้รับโทษทางอาญา จากนายธาริต ใช้อำนาจในฐานะอธิบดีดีเอสไอ สั่งฟ้องโดยไม่ผ่าน ป.ป.ช. และได้ยกคำร้องที่นายธาริต ยื่นคำร้องต่อศาล 3 ฉบับคือ ขอคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่ได้พิจารณาในคดีนี้ ฉบับที่ 2 ขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา

เนื่องจากการยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายมาตรา 157 และ 200 ที่ถูกยื่นฟ้องว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมทั้งการขอเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา และฉบับที่ 3 ขอเปลี่ยนคำให้การเดิม จากเดิมที่ให้การรับสารภาพ ขอกลับคำให้การเป็นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเหมือนเดิม

ส่วน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 2-4 ศาลยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าจำเลยไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง

ภายหลังจากมีการตัดสินในห้องพิจารณาคดีแล้วเจ้าหน้าที่ศาลได้นำตัวนายธาริต ส่งให้กับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ นำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ภายในวันนี้

'ประยุทธ์' ปัดไม่เกี่ยว หลัง 'ธาริต' อ้างทหารขู่ทำคดีจะรัฐประหาร

ผู้จัดการออนไลน์ รานยงานว่า วันนี้ (10 ก.ค.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามกรณี ธาริต  ออกมาระบุว่าสาเหตุที่มีการทำรัฐประหารเพื่อต้องการตัดตอนคดีสลายการชุมนุมปี 2553 ว่า "เรื่องนี้ไม่ตอบ เป็นเรื่องของศาล ไปดูหลักฐานแล้วกันไม่เกี่ยวกับผม"

เมื่อถามย้ำว่านายธาริตอ้างว่าถูกบิ๊กทหารข่มขู่หากทำคดี99 ศพ​ จะมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวกับผม" เมื่อถามอีกว่าแต่มีการพาดพิงคณะปฏิวัติ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวกับผม" พร้อมเดินออกจากวงสัมภาษณ์

เมื่อถามย้ำว่า ธาริตกล่าวอ้างว่ามีการเชื่อมโยงกับการรัฐประหารเมื่อปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า​ เชื่อมโยงอย่างไร ก็ใครจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เมื่อถามต่อว่านี่ถือเป็นการดิสเครดิตใช่หรือไม่​ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว​ว่า​ ไปคิดเอาเอง​ ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า​ ถามอยู่ได้​

ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้อง ระบุจำเลยทำตามกระบวนการ ไม่ได้จงใจกลั่นเเกล้งเเต่งข้อกล่าวหา

อยากไรก็ตามคดีนี้ หากย้อนไปเมื่อ 25 ก.ย.61 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ธาริต และทีม โดยครั้งนั้นศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักน้อย เป็นเพียงพยานแวดล้อมและความเห็นทางกฎหมาย ไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะนำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 จงใจกลั่นแกล้งโจทก์ในการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในการแจ้งข้อกล่าวหาทำในรูปของคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ มีจำเลยที่ 2-4 และอัยการเข้าร่วมเป็นเพียงคณะทำงาน โดยแต่งตั้งขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายของ พัน คำกอง ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ คณะกรรมการไม่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาต่อ พยานหลักฐานไม่พอฟังว่าจำเลยทั้ง 4 จงใจกลั่นเเกล้งเเต่งข้อกล่าวหาโจทก์ พฤติการณ์ไม่ได้เป็นการกระทำผิดตามฟ้อง ซึ่งบทบัญญัติแห่งกฎหมายมีการวางกรอบไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีอำนาจใช้อำนาจเกินเลย พิพากษายกฟ้อง

วอยส์ออนไลน์ รายงานรายละเอียดเพิ่มเติมว่า คดีนี้ศาลอาญา พิเคราะห์จาก พยานหลักฐาน และการนำสืบแล้ว พิพากษายกฟ้อง เนื่องจาก อภิสิทธิ์ และ สุเทพในฐานะโจทก์ ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้ง พยานหลักฐานมีน้ำหนักน้อย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ขณะเดียวกันพยานหลักฐานบางส่วน ที่โจทก์นำมากล่าวอ้าง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการ สั่งฟ้องของจำเลย เช่นการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหา และโจทก์เอง ไม่มีสิทธิ์สั่งการ นอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ ซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับเช่นการสั่งให้ใช้กระสุนจริง ในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าผู้ชุมนุมจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ตาม ขณะที่การแจ้งข้อกล่าวหา จำเลยมิได้ใช้ดุลพินิจเพียงลำพังแต่ทำในรูปของคณะกรรมการ ซึ่งมีมติตั้งคณะกรรมการคดีพิเศษ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการร่วมประชุม จึงมีมติสั่งคดี เพื่อส่งอัยการให้พิจารณา ตามกระบวนการ 

ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะโจทก์เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการนั้น เป็นเพียงมุมมองทางกฎหมาย เพราะฝ่ายจำเลยก็อ้างเช่นกันว่า คดีที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ แต่เป็นความผิดทางอาญาของบุคคล เข้าข่ายคดีฆาตกรรม

ส่วนกรณีที่อ้างว่าจำเลย ดำเนินการสั่งฟ้อง โดยสนองตอบต่อนโยบายของฝ่ายการเมือง จนนำมา สู่การได้ นั่งในตำแหน่ง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่ออีก 1 ปี เป็นเพียงความเห็นของโจทก์เท่านั้น เพราะการต่ออายุ นั่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการเป็นมติคณะรัฐมนตรี และมีบุคคลในหน่วยงานราชการจำนวนมาก ที่ได้ดำรงตำแหน่งเพิ่มเติม ไม่ใช่เฉพาะเพียงจำเลยเท่านั้น

ย้อนรอยศาลสั่งตายจากกระสุนทหาร แต่ยังไม่มีใครถูกลงโทษ

สำหรับการไต่สวนการตายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ในคดีสลายการชุมนุม เม.ย.-พ.ค. 2553 นั้น ศาลมีคำสั่งในหลายคดีว่ากระสุนมาจากฝ่ายเจ้าพนักงานเช่น กรณี 10 เม.ย.53  เกรียงไกร คำน้อย ที่ถูกยิงบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ข้างกำแพงกระทรวงศึกษาธิการช่วงบ่ายวันที่ 10 เม.ย.53  จรูญ ฉายแม้น และสยาม วัฒนนุกูล  ถูกยิงเสียชีวิตหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ วันที่ 10 เม.ย. เช่นกัน 

ช่วงเดือน พ.ค.53 เช่น พัน คำกอง และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ศาลได้มีคำสั่งแล้วว่าทั้งคู่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ชาญณรงค์ พลศรีลา ที่เป็นคลิปดังซึ่งถ่ายภาพจากมุมสูงศาลได้มีคำสั่งว่าเสียชีวิตจากกระสุนของ เจ้าหน้าที่ทหารเช่นกัน 6 ศพวัดปทุมฯ ศาลก็มีคำสั่งว่าทั้งหมด ถึงแก่ความตายเนื่องจากกระสุนปืนที่มาจากทหาร หรือแม้แต่ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ ที่ถูกยิงขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เขตบางเขน ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2553 ศาลก็มีคำสั่งในการไต่สวนการตายว่าถูกระสุนปืนความเร็วสูง ซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ โดยกระสุนถูกที่ศรีษะด้านซ้ายหางคิ้วผ่านทะลุกะโหลกศีรษะทำลายเนื้อสมองเป็นเหตุให้เสียชีวิต

ขณะที่พะเยาว์ อัคฮาด ผู้เป็นมารดาของ กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกทหารยิ่งเสียชีวิตที่บริเวณวัดปทุมวนาราม ได้แจ้งความเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดนายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าในวันนั้น (19 พ.ค.53)ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น นั้น เมื่อ 3 พ.ค.ปีที่แล้ว พะเยาว์ เปิดเผยว่าอัยการศาลทหารมีคำสั่งไม่ฟ้องนายทหารทั้ง 8 นาย โดยอัยการให้เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องว่าเพราะไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีพยานแวดล้อม และไม่มี พยานบุคคล ว่าทหารทั้ง 8 ได้กระทำการยิงปืนเข้าไปในวัดเพื่อฆ่าผู้อื่น 

ฟ้องอาญา ศาลก็บอกให้ไปฟ้อง ป.ป.ช. ฟ้อง ป.ป.ช.ก็ตีตก

ขณะที่ย้อนกลับไปดูความคืบหน้าคดีล่าสุดหลัง 31 ส.ค. 2560  ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องสำนวนคดีที่ อัยการ ฟ้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ กับสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ฐานร่วมกันก่อให้ฆ่าผู้อื่นเหตุสลายการชุมนุม นปช. โดยศาล เห็นว่าไม่ใช่การกระทำทางอาญาที่กระทำโดยส่วนตัวดังนั้นจึงเป็นการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นผู้มีอำนาจไต่สวน และหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก็ต้องยื่นฟ้องคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีอำนาจไต่สวนชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลนี้

สำหรับคดีนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องโดย ศาลพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนของ ป.ป.ช. ทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ต่อมาเมื่อวันที 29 ธ.ค.58 ป.ป.ช. ได้มีมติให้ คำร้องตกไป กรณีการขอให้ถอดถอนและคำกล่าวหา อภิสิทธิ์ สุเทพ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กับพวก ในข้อหา ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งใช้กำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ปี 53 ดังกล่าว

สำหรับประเด็นผู้สั่งการมีส่วนร่วมในการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ในอดีตประชาไทเคยนำเอกสาร “ศอฉ.” เผยแนวทางปฏิบัติการใช้อาวุธเพื่อรักษาที่ตั้งสำคัญ จุดตรวจ ด่านตรวจ ของช่วงสลายชุมนุม เม.ย. – พ.ค. 53 ระบุหากมีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธแล้วอยู่ปะปนกับผู้ชุมนุม ให้เจ้าหน้าที่งดใช้อาวุธยกเว้นถ้าในหน่วยมี “พลแม่นปืน” ให้ทำการยิงเพื่อหยุดยั้งการก่อเหตุได้ และหากไม่สามารถยิงได้ สามารถร้องขอ “พลซุ่มยิง (Sniper)” จาก ศอฉ. ได้  (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คำสั่งรักษาด่านศอฉ.ใช้ "พลแม่นปืน" หากผู้ก่อเหตุปะปนผู้ชุมนุม - หากยิงไม่ได้ให้ใช้ "สไนเปอร์")

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net