ผอ.รพ.สะบ้าย้อย หวัง ‘30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ ถูกสถาปนาให้เป็นจริงในสังคมไทย พร้อมฝากโจทย์ 'คิวเต็ม ปิดบัตร ถือบัตรประชาชนไปทุกที่ก็อาจไม่ได้ตรวจ นี่คือคอขวดที่น่าห่วง' ย้ำกลไกสำคัญคือยกระดับพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนและระบบการแพทย์ปฐมภูมิ ที่ยังไม่ชัดและยังไม่ได้การสนับสนุนจริงจัง

11 ม.ค.2567 จากเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม Kick Off โครงการ ‘บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่’ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการดำเนินนโยบาย ‘30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ อย่างเป็นทางการครั้งแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมกับอีก 3 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส ณ ลานสาเกตนคร อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมระบุด้วยว่าเดือนมีนาคม 2567 จะมีการขยายจังหวัดนำร่อง 30 บาทรักษาทุกที่ อีก 8 จังหวัด เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ หนองบัวลําภู อํานาจเจริญ นครราชสีมา สิงห์บุรี สระแก้ว และพังงา นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "30 บาทรักษาทุกที่ อยากให้ไปให้รุ่ง" โดยระบุว่า คิวเต็ม ปิดบัตร ถือบัตรประชาชนไปทุกที่ก็อาจไม่ได้ตรวจ นี่คือคอขวดที่น่าห่วง

"นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นนโยบายที่มีความหมายมาก และท้าทายมากด้วย เป็นขั้นก้าวหน้าของ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ตรงตามความต้องการประชาชน" ผอ.รพ.สะบ้าย้อย กล่าว พร้อมระบุด้วยว่า บัตรประชาชนใบเดียวไปได้ทุกที่ เป็นสุดยอดความฝันของทุกฝ่ายทุกคน ใครๆ ก็อยากรับการรักษากับหมอที่เก่งที่สุด เฉพาะทางด้านนั้น แต่อุปสรรคสำคัญ ณ วันนี้คือ โรงพยาบาลใหญ่ คิวเต็ม ปิดบัตร ไม่รับผู้ป่วย walk in แล้ว รับแต่ผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวมา แม้มีบัตรประชาชนใบนั้นก็อาจจะไม่สามารถเข้าถึงบริการได้

หรือแม้จะพยายามจัดคิวว่างสำหรับผู้ป่วย walk in สักวันละ 10-30 คิว เชื่อว่าคงเต็มตั้งแต่ห้านาทีแรกที่เปิดรับคิว และคนที่ได้คิวอาจป่วยน้อยกว่า บ้านอยู่ใกล้โรงพยาบาล ส่วนคนที่ป่วยมาก บ้านไกลแต่มาช้า คิวอาจจะหมด ความพอดีของการรับผู้ป่วยไว้ในระบบ ตามหลักการ 30 บาทรักษาทุกที่จะเป็นอย่างไรที่จะส่งเสริมการเข้าถึงบริการสำหรับคนป่วยที่แท้จริง คำถามเบื้องต้นเหล่านี้ อาจต้องช่วยกันตอบ เพื่อออกแบบระบบที่ลงตัวที่สุด สำหรับตนคิดว่า 30 บาทรักษาทุกที่จะได้ผล ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนและการแพทย์ปฐมภูมิ ให้ดูแลดี ทันสมัย มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลัก เร็ว และใส่ใจ จนประชาชนเชื่อมั่นที่จะขอรักษาใกล้บ้าน จะมาโรงพยาบาลใหญ่ก็ให้คุณหมอเขาส่งต่อมาตามช่องทางด่วน เช่นนี้การเข้าถึงบริการจึงจะสร้างความหวังและความสุขกับทุกคน

"วันนี้นโยบายการยกระดับพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนและระบบการแพทย์ปฐมภูมิยังไม่ชัดและยังไม่ได้การสนับสนุนจริงจัง ด้วยความหวังที่จะให้ 30 บาทรักษาทุกที่ ถูกสถาปนาให้เป็นจริงในสังคมไทย" นพ.สุภัทร ทิ้งท้ายในโพสต์ดังกล่าว