ฮาร่า ชินทาโร่ ‘ผู้เชี่ยวชาญภาษามลายู’ แปลเอกสาร BRN ระบุ การเจรจายุคใหม่กับไทยภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตย จำเป็นต้อง “ถอยหลังคนละก้าว” เพื่อทบทวนการเจรจาสันติภาพที่ผ่านมา แม้จริงจัง แต่อุปสรรคยังมากมายและถูกมองข้ามตลอด รัฐบาลประชาธิปไตยเป็นพลวัตสำคัญ แต่ยังหวั่นบางหน่วยงานรัฐ ดำเนินคดีนักกิจกรรมทำลายบรรยากาศพูดคุย ทั้งที่การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นปัจจัยความสำเร็จ ขอ 3 ข้อ เปิดทางสันติภาพปาตานี ‘ออกกฎหมายรองรับกระบวนการสันติภาพ - ตั้งคณะ กมธ.ถาวร – พร้อมพูดคุยที่ปัญหารากเหง้า’
ต้อง “ถอยหลังคนละก้าว” เพื่อทบทวนกระบวนการที่ผ่านมา
ฮาร่า ชินทาโร่ นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามลายู ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว ระบุว่า ฝ่ายคณะพูดคุยของ BRN ติดต่อและส่งคำกล่าวเปิดการพูดคุยครั้งที่ 7 (วันที่ 6 – 7 กุมภาพันธ์ 2567) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นภาษามลายูมาให้ จึงได้ทำการแปลเอกสารดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญที่แสดงถึงจุดยืนของคณะพูดคุยฝ่าย BRN ต่อกระบวนการสันติภาพ สภาพปัญหา และแนวทางแก้ไข
เอกสารดังกล่าวระบุว่า “กระผม อนัส อับดุลเราะห์มาน หัวหน้าคณะพูดคุยเจรจาสันติภาพของแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) ก่อนริเริ่มการเจรจาในยุคใหม่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลไทยชุดใหม่ที่เกิดจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย พวกเราจำเป็นต้องถอยหลังคนละก้าวเพื่อพิจารณาและทบทวนการเจรจาสันติภาพที่ดำเนินมาก่อนหน้านี้
แม้จริงจัง แต่อุปสรรคยังมากมายและถูกมองข้ามตลอด
พวกเราได้เห็นพองต้องกันว่า การเจรจาสันติภาพเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและถูกต้องเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขเพื่อนำไปสู่สันติภาพอันแท้จริงและยั่งยืน ความพยายามเพื่อสร้างสันติภาพที่ปาตานีได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ โดยเฉพาะระหว่าง BRN กับคณะพูดคุยของรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม กระบวนการสันติภาพมักจะพบกับทางตันที่เกิดจากปัจจัยบางอย่างที่เป็นอุปสรรคสำหรับความคืบหน้าในกระบวนการเจรจา เช่น
1. ยังไม่มีจุดร่วมที่มีนัยสำคัญระหว่าง BRN กับคณะพูดคุยของรัฐบาลไทย
2. รัฐบาลทหารไทยก่อนหน้านี้พยายามจะหลีกเลี่ยงการพูดคุยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้งที่แท้จริง ทั้ง ๆ ที่ BRN ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงจังมาหลาย ๆ ครั้งในรูปแบบการหยุดยิงหลาย ๆ ครั้งก็ตาม เช่นการหยุดยิงฝ่ายเดียวในเดือนเมษายน 2560 เพื่อแสดงถึงความจริงจังในการสร้างสันติภาพให้แก่ประชาชนปาตานีและสังคมนานาชาติ และการหยุดยิ่งฝ่ายเดียวในช่วงโรคระบาด Covid-19 ถึงแม้ว่าฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลทหารในขณะนั้นฉวยโอกาสหลายครั้งเพื่อโจมตีนักต่อสู้ปาตานี จนหลายสิบคนเสียชีวิตเป็นชะฮีด แต่ BRN ใช้ความอดทนเพื่อแสดงถึงความจริงจัง
3. ข้อเสนอแนะสำหรับแนวทางแก้ไขความขัดแย้งจากฝ่ายนักต่อสู้ปาตานีถูกมองข้ามตลอด และไม่เคยได้รับความสนใจอย่างจริงจัง
4. จุดอ่อนหลายอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในการเจรจาควรได้รับการแก้ไข เช่นวิธีการดำเนินการเจรจา กลไกการนำปฏิบัติข้อตกลงและความสอดคล้องกับมาตรฐานการเจรจาสากลที่ถูกนำมาใช้อยู่ในสังคมนานาชาติ
รัฐบาลประชาธิปไตย พลวัตสำคัญในการสร้างสันติภาพ แต่ยังหวั่นบางหน่วยงานรัฐ
ประเด็นเหล่านี้ควรเป็นบทเรียนสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาให้มีความคืบหน้าต่อไป และการจัดตั้งรัฐบาลผ่านวิธีการประชาธิปไตยหลังการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นพลวัตสำคัญในการสร้างสันติภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาคมปาตานีทั้งปวงรอคอยและคาดหวังมานาน และ สังคมนานาชาติก็อยากเห็นว่า สันติภาพอันแท้จริง หรือสันติภาพเชิงบวก (positive peace) เกิดขึ้นที่ปาตานี
อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคจากบางฝ่าย โดยเฉพาะยังมีหน่วยงานของรัฐบาลไทยเองที่สร้างบรรยากาศที่คุกคาม และขีดกั้นกระบวนการสันติภาพ และอาจจะทำลายความน่าเชื่อถือของโต๊ะเจรจาที่กำลังเกิดขึ้นได้ด้วย
ดำเนินคดีนักกิจกรรม ทำลายบรรยากาศพูดคุย
ตัวอย่างเช่น ณ ตอนนี้ก็มีการกดขี่ การคุกคามและการข่มขู่นักกิจกรรมภาคประชาสังคมที่ปาตานีโดยใช้วิธีการที่เรียกว่า “การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจการสาธารณะ (Strategic Lawsuit Against Public Participation, SLAPP)” ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย ที่กดดันและยังขัดขวางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมการปรึกษาหารือกับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสารัตถะที่ได้รับการบันทึกไว้ในหลักการทั่วไปก่อนหน้านี้ และยังบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สมควรเพื่อข่มขู่ ควบคุม ปิดปากและจำกัดพื้นที่ทางการเมืองสำหรับนักกิจกรรมภาคประชาสังคมที่ปาตานี
การกระทำเช่นนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจรจาสันติภาพที่กำลังเกิดขึ้น และอาจจะทำให้ประชาชนปาตานีไม่มั่นใจและไม่เชื่อมั่นในการสร้างสันติภาพที่ดำเนินโดยรัฐบาลไทย
การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นปัจจัยความสำเร็จ
... การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการเจรจาสันติภาพเป็นปัจจัยสำคัญและยังเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของกระบวนการสันติภาพ จึงต้องได้รับความเคารพและการพิจารณา
รัฐบาลประชาธิปไตยที่นำโดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน และข้าราชการในรัฐบาลไทยทั้งหลายในยุคประชาธิปไตยนี้ ควรสร้างความมั่นใจในหมู่ประชาชนปาตานี ประชาชนไทยและสังคมนานชาติว่า การแก้ไขความขัดแย้งที่ปาตานีด้วยแนวทางทางการเมือง เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อยุติความขัดแย้งในพื้นที่นั้นอย่างมีศักดิ์ศรี ยั่งยืนและอย่างแท้จริง
ขอ 3 ข้อ เปิดทางสันติภาพปาตานี ‘กฎหมายรองรับ-กมธ.ถาวร-พูดคุยรากเหง้า’
ทั้งนี้ เพื่อแสดงความจริงจัง BRN ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการประเด็นต่อไปนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกฝ่าย ได้แก่
1. รัฐบาลไทยต้องบัญญัติกฎหมายฉบับหนึ่งเพื่อรองรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสันติภาพปาตานีทุกประเด็น
2. รัฐสภาไทยจำเป็นต้องจัดตั้งคณะกรรมาธิการถาวรชุดหนึ่งตามกลไกรัฐสภา ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อกระบวนการสันติภาพปาตานี
3. เพื่อแก้ไขความขัดแย้งที่ปาตานีอย่างยั่งยืนและมีศักดิ์ศรี รัฐบาลไทยต้องพร้อมที่จะพูดคุยในประเด็นรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อนี้ และแสวงหาแนวทางแก้ไขที่ตรงจุดและสอดคล้องกับความใฝ่ฝันและความต้องการของประชาชนปาตานีในประชาคมปาตานี
ดังนั้น พวกเราคาดหวังว่า ในการประชุมครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถพูดคุยประเด็นเกี่ยวกับทิศทางของกระบวนการเจรจาสันติภาพได้ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการพูดคุยรอบก่อนหน้านี้ เป็นก้าวไปข้างหน้า และประสิทธิภาพกับประสิทธิผลในการแลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการพูดคุย กลไกในการนำมาปฏิบัติข้อตกลง และรายละเอียดของหลักการทั่วไปและแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม”
อ่านต้นฉบับภาษามลายู : Link
เอกสารแปลฉบับนี้ ยังได้ระบุรายชื่อผู้เข้าร่วมการพูดคุยครั้งนี้ ประกอบด้วย
ตัน ศรี ดาโต๊ะ ศรี พล.อ. ฮัจญี ซุลกิฟลี บิน ฮัจญี ไซนัล อาบีดิน หัวหน้าผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุย ฝ่ายมาเลเซีย
นายฮาฟีซู อิสลาอีล หัวหน้ากองเลขาธิการการเจรจาสันติภาพ
นายฉัตรชัย บางชวด หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทย (PEDP/RTG)
ส่วนคณะพูดคุยฝ่าย BRN ได้แก่
- นายอนัส อับดุลเราะห์มาน หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่าย BRN
- นายคาลิล บิน อับดุลเลาะห์ (E.Khalil Bin Abdullah)
- นาย มูฮัมหมัด ซัมซูล บิน ซัมซุดิน (En. Muhammad Samsul Bin Samsudin)
- นาย มะมุน อับดุลการิม (En. Makmun Abdulkarim)
- นาย นิมะตุลลา บิน ซือรี (En. Nikmatullah Bin Seri)
- นาย อาหมัด นูร อับดุลเลาะห์ (En. Ahmad Nur Abdullah)
- นาย มูฮัมหมัด ฮานิฟ อับดุลมาญิด (En. Muhamad Hanif Abdulmajid)
รวมทั้ง นาง Siri Skare และ รศ. ดร. มารค ตามไท ในฐานะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)