Skip to main content
sharethis

อัยการสูงสุดสั่งสอบเพิ่มคดี ม.112 ก่อนปล่อยตัวชั่วคราว ‘ทักษิณ’ นัดฟังคำสั่ง 10 เม.ย. ขณะที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ให้ประกัน ‘อานนท์’ คดี ม.112 ในการยื่นครั้งที่ 5 ระบุพฤติการณ์ร้ายแรง แม้ยืนยันไม่เคยหลบหนี-ต่อสู้คดีจนถึงที่สุด

19 ก.พ.2567 จากกรณีช่วงเช้า วันนี้ (19 ก.พ.)ที่สำนักงานอัยการสูงสุด มีรายงานข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการปล่อยตัวพักโทษ เดินทางมาพบอัยการด้วยตัวเองรายงานตัวในคดีที่ถูกกล่าวหาตามความผิดมาตรา 112 นั้น

ต่อมางานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ออกแถลงต่อสื่อมวลชนดังนี้ 

1. วันนี้ (19 ก.พ.67) เวลา 8.30 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดี ได้นำตัวทักษิณ  ผู้ต้องหา ส่งให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ โดยมีปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นผู้รับตัวจากพนักงานสอบสวน

2. ด้วยคดีนี้ ทักษิณ ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ผ่านพนักงานสอบสวนในขณะเข้าแจ้งข้อกล่าวหาตามที่งานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้เคยแถลงไปแล้ว เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้พิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้ว เห็นว่า คดีมีประเด็นให้สอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือที่ทักษิณ ร้องขอความเป็นธรรม อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม

3. งานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 ทักษิณ ผู้ต้องหาคดีนี้ ได้รับการปล่อยตัวจากกรมราชทัณฑ์ในคดีอาญาเรื่องอื่นเนื่องจากได้รับการพักการลงโทษ ซึ่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รับตัวทักษิณ ตามหนังสืออายัดตัว ลงวันที่ 28 ส.ค. 2566 และพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราวในวันเดียวกัน ต่อมาในวันนี้ พนักงานสอบสวนได้นำตัวทักษิณ มาส่งให้กับพนักงานอัยการ แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่สิ้นกระแสความ เนื่องจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว อัยการสูงสุดจึงยังไม่อาจลงความเห็นและมีคำสั่งทางคดีได้ในขณะนี้

อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้เป็น ผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีหลักประกัน และนัดให้มาพบพนักงานอัยการในวันที่ 10 เม.ย. 2567 เวลา 9.00 น. ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด

ศาลอุทธรณ์ยังไม่ให้ประกัน ‘อานนท์’ คดี ม.112 ในการยื่นครั้งที่ 5 ระบุพฤติการณ์ร้ายแรง แม้ยืนยันไม่เคยหลบหนี-ต่อสู้คดีจนถึงที่สุด

วันเดียวกัน (19 ก.พ.) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว 'อานนท์ นำภา' นักกิจกรรมและทนายความสิทธิมนุษยชน ต่อศาลอาญา ในคดีมาตรา 112 สองคดี ได้แก่ กรณีการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 และกรณีโพสต์ 3 ข้อความในเฟซบุ๊ก เมื่อเดือนมกราคม 2564 ซึ่งมีเนื้อหาเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยเป็นการยื่นประกันตัวเป็นครั้งที่ 5 หลังเขาถูกคุมขังในรอบนี้

ต่อมา วันที่ 18 ก.พ. 2567 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวอานนท์ในระหว่างอุทธรณ์ โดยระบุในคำสั่งว่า การกระทำของจำเลยกระทบกระเทือนและสร้างความเสียหายต่อการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี และนับโทษต่อ หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวมีเหตุเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี

 

สำหรับทั้งสองคดีนี้ อานนท์ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์เรื่อยมา และถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนถึงวันนี้ (19 ก.พ. 2567) เป็นเวลา 147 วันแล้ว

คำร้อง ‘อานนท์’ ระบุ จำเลยไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี ศาลเคยอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศและกลับมาต่อสู้คดีต่อ

โดยสรุปคำร้องในการยื่นครั้งนี้ จำเลยยืนยันว่าได้ต่อสู้คดีมาโดยตลอดตั้งแต่ชั้นสอบสวนจนถึงชั้นพิจารณา และไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้ง 2 คดี และจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาเพื่อต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด

อีกทั้งศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา จำเลยไม่เคยกระทำผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนด และไม่เคยถูกเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วครา ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า หากจำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยจะไปก่อเหตุพยันอันตรายประการอื่นหรือหลบหนีแต่อย่างใด ทั้งศาลนี้และศาลอาญากรุงเทพใต้ก็เคยให้จำเลยเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อร่วมงานรับรางวัลควังจูเพื่อสิทธิมนุษยชน (Gwangju Prize for Human Rights) ในระหว่างวันที่ 12-22 พ.ค. 2566 เมื่อจำเลยเดินทางกลับมายังประเทศไทยตามกำหนดก็ได้มารายงานตัวต่อศาล ไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด

กรณีนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงยืนยันและรับรองพฤติกรรมได้ว่าอานนท์ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี คดีนี้ยังไม่ปรากฏเหตุและพฤติการณ์ใด ๆ ของจำเลยที่เข้าเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ที่ศาลจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยแม้แต่น้อย

ศาลเคยให้ประกันในคดี ม.112 คดีอื่นที่มีอัตราโทษใกล้เคียงกัน

ศูนย์ทนายฯ ยังระบุว่า คำร้องยังระบุถึงคดีอื่นๆ ที่จำเลยได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ได้แก่ คดี “รัชนก ศรีนอก” ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 6 ปี และเป็นฐานความผิดเดียวกันกับจำเลยในคดีนี้ ศาลอาญาก็ยังอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ศาลจึงควรมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวเช่นเดียวกับคดีนี้ด้วย

คำร้องขอประกันตัวยังระบุ ขอให้ศาลใช้ดุลพินิจโดยยึดถือหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนศาลมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด และจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรคสอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่กระทบเสรีภาพของจำเลย

ในทั้ง 2 คดี ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จำเลยได้รับการประกันตัวมาตลอด จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ตามข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยตัวชั่วคราวและวิธีเรียกประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 เพื่อให้จำเลยได้รับการประกันตัวและออกมาสู้คดีได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Right-ICCPR) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี จะต้องปฏิบัติตามกติกาดังกล่าวว่าด้วยเรื่องทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญามีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่ามีความผิดตามกฎหมาย ดังนั้นการใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้จำเลยได้อนุญาตปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์จะทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศเป็นไปตามหลักความชอบธรรม และได้รับการยอมรับจากประเทศภาคีและสากล

‘อานนท์’ มีภาระทางครอบครัวและในฐานะทนายความ

ในส่วนสุดท้าย คำร้องระบุถึงการที่อานนท์มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน สามารถติดตามได้โดยง่าย การคุมขังตัวไว้เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ และเกินความจำเป็นแก่กรณี และจะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ เนื่องจากอานนท์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ถูกดำเนินคดีอาญาจากการใช้สิทธิและเสรีภาพการแสดงออกทางการเมืองเป็นจำนวนรวมกว่า 38 คดีในหลายศาล ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด

หากไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ทำให้จำเลยและลูกความในแต่ละคดีได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในการประกอบวิชาชีพทนายความนั้น มีความจำเป็นต้องจัดเตรียมพยานหลักฐาน วางแผนแนวทางการต่อสู้คดีร่วมกับลูกความ ตลอดจนการทำงานเอกสารและเดินทางไปศาลในนัดต่าง ๆ การที่จำเลยถูกคุมขังไว้ย่อมส่งผลกระทบต่อทุกคดีที่จำเลยเป็นทนายความอยู่อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ และส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ลูกความของจำเลย

นอกจากนี้อานนท์ยังมีบุตรผู้เยาว์วัยจำนวน 2 คนที่จำเลยต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู คือบุตรสาวอายุ 7 ปี และบุตรชายซึ่งเป็นทารกอายุเพียง 1 ปีเศษ และมีบิดามารดาซึ่งอยู่ในวัยชราที่จำเลยต้องส่งเสียเลี้ยงดู

อย่างไรก็ตาม หลังรับคำร้อง ศาลอาญาได้ส่งให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ก่อนเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 เวลา 13.46 น. ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวอานนท์ โดยระบุในคำสั่งว่า การกระทำของจำเลยกระทบกระเทือนและสร้างความเสียหายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี และนับโทษต่อ หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวมีเหตุเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ให้ยกคำร้อง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net