Skip to main content
sharethis

เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการยื่นข้อเรียกร้องให้นายกฯ เศรษฐาเซนรับรองร่างกฎหมายบำนาญถ้วนหน้าของภาคประชาชนเพื่อให้กฎหมายได้ถูกนำเข้าพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร

27 ก.พ.2567 เวลา 10.48 น. เพจขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมมีถ่ายทอดสดการยื่นหนังสือถึงเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายสวัสดิการผู้สูงอายุเปลี่ยนเบี้ยยังชีพเป็นบำนาญถ้วนหน้าเพื่อเป็นหลักประกันรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ ท่ามกลางสภาวะสังคมไทยเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุแต่ผู้สูงอายุจำนวนมากขาดรายได้หลังเกษียณ

ตัวแทนของเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการได้อ่านแถลงการณ์ที่เป็นหนังสือยื่นถึงนายกฯ โดยสรุปได้ว่า ในปีนี้ 2567 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุกว่า 13 ล้านคน หรือ 20% ของประชากร ทำให้ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้วแต่ยังมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่หมดวัยทำงานแล้วด้วยสภาพร่างกายพละกำลังหายไปจากการใช้แรงงานหนักในวัยหนุ่มสาวและไม่มีหลักประกันความมั่นคงที่ทำให้มีรายได้หลังเกษียณ หรือไม่มีระบบรองรับการเก็บรายได้ในวัยทำงานพอรองรับในวัยแก่ชรา ที่ผ่านมารัฐบาลมีเพียงการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุเป็นเบี้ยยังชีพอัตรา 600-1000 บาทที่เป็นเกณฑ์จ่ายมาตั้งแต่ 2554 เป็นจำนวนเงินที่ไม่สามารถทำให้วัยเกษียณดำรงชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพได้

ตัวแทนกล่าวต่อไปว่า จนมาถึงการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมามีพรรคการเมืองร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านที่ให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ แต่ประชาชนไม่อยากเห็นนโยบายที่แค่แก้ปัญหายอดภูเขาน้ำแข็ง แต่อยากเห็นการสร้างระบบใหม่ที่อยู่บนสิทธิขั้นพื้นฐานและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การปฏิรูปสังคมใหม่ที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ

ภาคประชาชนยื่น 43,826 รายชื่อ เสนอร่าง กม. เพิ่มเงินบำนาญถ้วนหน้า เป็น 3 พันบาท

แถลงการณ์ยังระบุถึงข้อเรียกร้องที่มาครั้งนี้มาเพื่อเสนอกฎหมาย ให้เปลี่ยนเบี้ยยังชีพเป็นบำนาญถ้วนหน้า เพื่อให้ผู้สูงอายุทุกคนมีหลักประกันรายได้ตามแนวทางในร่างกฎหมายของภาคประชาชนที่เสนอต่อรัฐสภา เป็นเจตนารมณ์ของประชาชน 43,826 คน ร่วมกันลงชื่อแล้วแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำรับรองจากนายกรัฐมนตรีแม้ตามรัฐธรรมนูญจะกำหนดให้นายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์พิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินว่าจะเห็นชอบเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาหรือไม่ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการเห็นว่าการเสนอกฎหมายของประชาชน นายกรัฐมนตรีที่มีฐานะเป็นตัวแทนรัฐบาลและตัวแทนของประชาชน ต้องเปิดโอกาสให้กฎหมายที่มีเจตนารมณ์ของประชาชนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเซนชื่อรับรองกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญและให้รัฐบาลได้มีโอกาสพิจารณาสร้างหลักประกันรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุและหวังให้รัฐบาลนี้เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งนี้ของประเทศ

หลังจากตัวแทนของเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการอ่านแถลงการณ์จบได้มีการมอบหนังสือให้แก่ มงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลออกมารับข้อเรียกร้องไป จะเร่งดำเนินการนำเรื่องส่งถึงนายกฯ เพื่อพิจารณาหนังสือที่ยื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าร่างกฎหมายที่ทางเครือข่ายกล่าวถึงคือ “ร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุและบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ พ.ศ. …” ที่มีภาคประชาชนหลายกลุ่มยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้บรรจุเป็นวาระพิจารณาไปตั้งแต่ 21 ธ.ค.2566

สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้จะเป็นการแก้ไขมาตรา 11 (11) จากเดิมที่เขียนว่า ผู้สูงอายุจะได้เงินสงเคราะห์เพียงพอต่อการยังชีพ โดยแก้ไขเป็น “ผู้สูงอายุต้องได้บำนาญถ้วนหน้า 3,000 บาท บนเส้นความยากจนที่เพียงพอ และจะขอให้มีการปรับเรทบำนาญทุกๆ 3 ปี” เพื่อให้เท่ากับเส้นความยากจนที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2,997 บาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net