Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เงิดสะพัดแน่ๆ  ถ้ายาบ้าแค่หนึ่งเม็ดจะกลายเป็นการผิดกฎหมายจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าคนคนนั้นเป็นแค่ผู้เสพ เอ๊ ทำยังไงดีน๊าที่จะกลายเป็นผู้เสพได้ตั้งแต่ชั้นโรงพัก ตัวเลือกแรกคือตรวจเจอฉี่ม่วง สอง ไม่มีการล่อซื้อหรือเบอร์แบงค์ สาม ยัดเงินให้ตำรวจปัดเบอร์แบงค์ออก ตัดการล่อซื้ออก ให้เหลือแค่ฉี่ม่วง 

เงินสะพัดในท้องถิ่นแน่นอน 

เอาเข้าจริงฉันแทบจะไม่ต้องสนใจเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำเพราะสุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนี่อยู่ดี เพียงแต่ในฐานะของลูกสาวอดีตผู้ค้ายาเสพติดระดับจังหวัดแถมตัวเองยังเคยอยุ่ในคุกที่กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของนักโทษล้วนเป็นคดียาเสพติดหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งนั้น ฉันเลยว่าจะเขียนอะไรสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ อ่อ ที่อ่านมาไม่ผิด พ่อฉันเคยค้ายาเสพติดและไม่ใช่รายย่อย ก็ขนาดที่ว่าติดคุกอยู่เกือบสิบปีเลยทีเดียว ดังนั้นฉันว่าฉันพอจะรู้จักวงจรนี้อยู่บ้างแม้ว่าตอนนั้นฉันจะยังเด็กมากก็ตามแต่พอโตขึ้นพ่อออกจากคุกแล้วฉันก็เสาะแสวงหาข้อมูลและความคิดเห็นต่างๆ จากพ่ออยู่ตลอด ก็การผจญภัยหนีตำรวจของพ่อมันน่าสนุกจริงๆ นี่นา เผื่อว่าวันหนึ่งฉันจะได้เอามาเขียนให้พวกคุณได้อ่านกันบ้าง

เอาละ อย่างแรกที่เราต้องเข้าใจกันก่อนก็คือฉันจะเริ่มจากมุมมองของคนเสพก่อนก็แล้วกัน ประมาณยี่สิบปีที่แล้วลูกค้าของพ่อส่วนใหญ่ก็เป็นชาวไร่ชาวนาที่แสวงหายาม้า หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็นยาบ้ามากินเพื่อกระตุ้นการทำงานของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการทำงานกลางไร่กลางนาอากาศร้อนและใช้แรงงานเยอะจนเอ็มร้อยห้าสิบเอาไม่อยู่ แถมยังต้องเร่งมือทำให้ทันกับฟ้าฝนและการขึ้นลงของราคารับซื้อที่หน้าโรงสีอีกด้วย ชาวบ้านหลายคนก็ใช้ยาม้านี้เพื่อให้ตัวเองมีกำลังในการทำงานมากขึ้นเพื่อจะได้มีรายได้มาทันใช้หนี้ ธกส และหนี้นอกระบบอื่นๆ  

“ยาสมัยนั้นมันดีลูก กินแล้วมันคึก กินแล้วมันทำงานได้ ยาสมัยใหม่ๆ นี่เหมือนมันผสมยาฆ่าหญ้าลงไปด้วยมันแค่ทำให้มึนๆ ไปอย่างนั้นเอง” พ่อเล่าให้ฟังถึงข้อสังเกตุของแก ฉันเองไม่มีความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์มาอธิบายให้คุณเข้าใจหรอกว่ายาบ้ายาม้ามันทำให้คนติดงอมแงมได้ยังไง และฉันเชื่อว่ามีความรู้และข้อมูลมากมายในอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถไปหาอ่านเอาเองได้ และฉันแค่จะบอกว่าพ่อฉันก็กลายเป็นคนติดยาคนหนึ่งเหมือนกัน มันออกจะกลับตาลปัตรสักนิด โดยทั่วๆ ไปคนเสพจะกลายเป็นคนขายแต่พ่อฉันหนะจากคนขายมากลายเป็นคนเสพด้วย อาจจะเพราะต้องทดสอบคุณภาพของสินค้าหรือต้องเข้าสังคมแต่พ่อก็ติดยาจริงๆ  

พ่อกลายเป็นคนขี้โมโห โกรธง่ายและเริ่มทำร้ายร่างกายแม่ พวกเราฉันที่อายุเก้าขวบและน้องสาวที่อายุสี่ขวบไม่เคยเห็นมันกับตาเพราะพ่อไม่อยากให้ลูกๆ เห็นมัน แต่พวกเราได้ยินเสียงและสัมผัสถึงร่องรอยของความรุนแรงนั้นแน่ๆ  จนกระทั่งพ่อถูกจับในฐานะคนขายและคนเสพ 

ในฐานะคนขายพ่อต้องรับโทษตามกฎหมายคือต้องเข้าไปรับกรรมในคุกเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ในฐานะคนเสพพ่อแทบไม่ได้รับการรักษาอะไรเลย หลังจากการต้องเข้าไปอยู่ในคุกสามสี่เดือนแม่ก็วิ่งเต้นประกันตัวพ่อออกมาสู้คดีข้างนอกแต่พ่อก็กลับมาเสพยาเหมือนเดิม ไม่ต้องถามหรอกว่าพ่อไปเอายามาจากไหน ก็จากเครือข่ายเก่าๆ ของพ่อนั่นแหละ เพราะยิ่งแม่เสียเงินมากมายไปกับการประกันตัวพ่อมากเท่าไหร่ ค่าเทอมโรงเรียนเอกชนของลูกสาวสองคนแพงมากเท่าไหร่ พ่อก็ยิ่งต้องรีบหาเงินชดเชยสิ่งที่เสียไปมากขึ้นเท่านั้น และทางที่จะง่ายที่สุดในการเรียกคืนเงินที่เสียไปก็คือการค้ายาอีกสักรอบสองรอบแต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นพอขายไม่ได้ เครียด ทุกข์ และยาม้านี่ก็สามารถทำให้พ่อคลายความกังวลได้ชั่วคราว เมื่อค้ายาเหมือนเดิมไม่ได้เพราะตำรวจจับตาดูอยู่พ่อก็ต้องกลับไปทำไร่และตัวช่วยที่จะทำให้เกษตรกรคนหนึ่งทำไร่ได้ผลผลิตทีละมากๆ แบบไม่ต้องหยุดพักได้ก็คือการกินยาม้า การกลับมาเป็นผู้เสพอีกก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรมากนัก 

ข้อดีของเรื่องนี้ก็คือฉันกับน้องสาวรับรู้ว่าต่อให้ครอบครัวเราจะตกระกำลำบากแค่ไหนพ่อกับแม่ก็เลือกที่จะไม่ลดคุณภาพการศึกษาของพวกเรา  

บางทีต่อให้มีการบำบัดในระหว่างที่พ่อติดคุกจริงๆ  ก็อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะสุดท้ายชีวิตในโลกข้างนอกมันก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมายนัก บำบัดแล้วยังไงเหรอ เลิกยาได้ตอนนั้นแล้วยังไงเหรอ ตอนอยู่ในคุกแบบไร้การบำบัดเป็นเรื่องเป็นราวนักโทษก็มีชีวิตอยู่ได้แต่ทันทีที่พวกเขาออกมา ยาม้าก็เป็นสิ่งแรกๆ ที่พวกเขาวิ่งเข้าหา หรืออาจจะมีคนตระเตรียมเอาไว้ให้พร้อมสำหรับการเสพชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปในคุก


ฉันไม่ได้จะบอกพวกคุณว่าควรจะเห็นใจคนค้ายาหรือติดยาหรอกนะ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำอาจจะไม่ใช่ความจำเป็นในชีวิตแต่อาจจะเป็น “ความทะเยอทะยาน” 

“ความทะเยอทะยาน” ที่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแบบที่พวกคุณทุกคนต้องการมีนั่นแหละ พวกคุณรู้นี่ว่าความทะเยอทะยานมันมักไม่ค่อบเลือกวิธีการหรอกโดยเฉพาะกับคนที่มีต้นทุนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน 

จนเมื่อฉันต้องมาเข้าคุกด้วยตัวเองในคดีการเมือง ไม่แปลกหรอกที่ฉันไม่รู้สึกรังเกียจเดียจกลัวพวกที่มาอยู่ในคุกด้วยคดียาเสพติดเลยสักนิด เพราะฉันเข้าใจไง ฉันเข้าใจความทะเยอทะยานนั้น เข้าใจความจำเป็นนั้น รวมทั้งความเขลาเหล่านั้นด้วย 

“จับไปเยอะๆ  น่าจะมีแผนสร้างคุกเพิ่ม” พ่อพูดขึ้นขณะดูข่าวทีวีเรื่องการเปลี่ยนกฎหมายให้ยาบ้าหนึ่งเม็ดนับเป็นจำหน่าย 

“มันจะเอาคนไปไว้ตรงไหนกัน ถ้าจับขนาดนี้ แล้วไอ้พวกที่รณรงค์ไม่ให้นักโทษล้นคุกมันไปไหนกันหมด” ฉันสะอึกกับคำพูดพ่อ เพราะฉันเองก็เคบเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์นี้ เพียงแต่ฉันไม่เห็นถึงความคืบหน้าหรือความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะผลิตนักโทษน้อยลงไปเลยสักนิด

ถ้าหากกฎหมายเปลี่ยนจากห้าเม็ดเป็นหนึงเม็ด แน่นอนว่าคำด่าประนามพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรครัฐบาลและหมอชลน่านจะน้อยลงแน่นอน ก็เพื่อไทยน่ะมีบาดแผลกับนโยบายยาเสพติดมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทยแล้วไงล่ะ ความเปราะบางนี้ย่อมทำให้ยาห้าเม็ดกลายเป็นหนึ่งเม็ดได้เลย  

เรามาดูกันดีกว่าว่าไอ้ยาห้าเม็ดกับยาหนึ่งเม็ดมันจะมีผลทางการปฏิบัติจริงๆ ได้ยังไง 

สมมติว่าคุณไปติดคุกคดียา คุณจะเจอเพื่อนและคำถามแรกที่เพื่อนๆ จะถามคุณก็คือ “มาคดีอะไร” และแม้บางคนจะไม่รู้ว่าจริงๆ ตัวเองมาคดีอะไรห็เถอะแต่มันจะมีสิ่งที่เรียกว่าบัตรประจำตัว แต่บางเรือนจำอาจจะไม่มีอาจจะเป็นรหัสแทน แต่การจำแนกคดีของผู้ต้องหาผ่านระบบบัตรประจำตัวเป็นสิ่งที่จะช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น


ครอบครอง คือ มียาเสพติดไว้ในครอบครองแต่ไม่ได้เสพและไม่มีการล่อซื้อ 

ครอบครองเพื่อจำหน่าย คือ มียาเสพติดไม่ว่าจะกี่เม็ดก็ตามและมีการล่อซื้อมีเบอร์แบงค์ 

จำหน่ายและจำหน่าย คือ มียาเสพติด มีการซัดทอด และมีการล่อซื้อ จำหน่ายแรกมาจากมียาเกินกว่าจำนวนที่เสพตามกฎหมายกำหนด และมีเบอร์แบงค์จากการล่อซื้อ

ขับเสพ คือ ถูกจับขณะขับขี่ยานพาหนะและเจอฉี่ม่วง 

ครอบเสพ คือมียาเสพติดไว้ในครอบครองและเจอฉี่ม่วง

พวกที่จะอยู่ในคุกสั้นที่สุดคือสองพวกสุดท้าย เพราะโดยมากจะมียาไว้ในครอบครองเล็กๆ น้อยและ
ร่วมกับมีฉี่ม่วงก็จะถูกตัดสินให้จ่ายค่าปรับ จำคุกไม่เกินเก้าสิบวัน แล้วก็ออกไปเสพกันใหม่ วนเวียนอยู่แบบนี้เพราะว่าในคุกมันก็แค่คุก คุกมีไว้ลงโทษคนทำผิดไม่ได้มีหน้าที่ในการบำบัดรักษาคนติดยา เชื่อไหมว่าคนในคุกอดยาได้ตอนติดคุกแต่เมื่อไหร่ที่พ้นโทษออกมาแล้วพวกเขาจะวิ่งเร่งออกไปหายามาเสพเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

ดังนั้นการต่องานกันในคุกจากรายใหญ่สู่รายย่อยจึงค่อยๆ ขยายเครือข่ายผู้ค้าให้ทวีความยิ่งใหญ่มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะการเอาคนเสพไปขังรวมกับคนค้า เพราะเมื่อเรามีน้อยๆ  เราติดคุกน้อยวันพวกรายใหญ่ก็จะเอาเงินเอายามาล่อให้เราไปต่องานข้างนอกหลังจากเราออกไป ทีนี้แหละความกว้างขวางของการค้ายาก็ขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ  

กลับมาคุยกันถึงกฎหมายยาบ้าห้าเม็ดของหมอชลน่าน คนมียาบ้าห้าเม็ดหรือมากกว่าในครอบครองจะถือว่าเป็นผู้ค้า แต่ถ้ามีต่ำกว่านั้นจะไม่ถือว่าเป็นผู้ค้า จะเป็นแค่ผู้เสพที่จะต้องเข้าไปรับการบำบัด แต่มันก็ไม่ใช่ทุกกรณีที่จะเป็นอย่างนั้นเพราะถ้าหากมีแค่เม็ดเดียวแต่แต่ดันมีเบอร์แบงค์ มีการล่อซื้อก็ถือว่าเป็นผู้ค้าได้เหมือนกัน ก็ต้องไปเข้ากระบวนการพิจารณาคดีในฐานะของผู้ค้า  แบบนี้คนจะเข้าไปอยู่ในคุกก็จะน้อยลงจริงไหม เพราะพวกเขาจะต้องเข้าไปอยู่ในสถานบำบัดแทน

แต่กฎหมายที่กำลังจะแก้อีกครั้งเพราะระบบศีลธรรมท่วมท้นที่จ่อคอพรรคเพื่อไทยอยู่ทั้งมรดกแผลเก่าเรื่องฆ่าตัดตอน และภาวะที่ยาเสพติดราคาถูกลงจนลูกเด็กเล็กแดงเข้าหาได้ง่ายดายจนเกิดภาวะความกลัวว่าคนทั้งประเทศจะติดยากันไปหมด จนทำให้เกิดข้อกำหนดจำนวนยาจากห้าเม็ดเป็น หนึ่งเม็ด และจะถูกนิยามทันทีว่าเป็นผู้ค้าจนกว่าผู้ต้องหาจะหาข้อพิสูจน์มาพิสูจน์ให้ได้ว่าตนเองเป็นแค่ผู้เสพ เออ เอาสิ ระบบกล่าวหานี่นะ มันก็ผลักภาระให้จำเลยแบบนี้นี่แหละ 

อย่างที่พ่อฉันบอกไงยาบ้าสมัยนี้มันไม่ดีแบบเมื่อก่อนแล้ว หรือเพราะมีคนติดยาลุกขึ้นมาไล่ฆ่าคนในครอบครัวเพื่อเอาเงินไปซื้อยามาเสพ แต่ว่ามันก็ใช่ว่าเหตุการณ์พวกนี้เพิ่งจะมาเกิดขึ้นในรัฐบาลเพื่อไทยนี่หว่า มันเกิดมาทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าเพิ่งมีในยุคที่ยาม้าต่ำกว่าห้าเม็ดเท่ากับเป็นคนเสพเสียเมื่อไหร่     
 
ปัญหาของการลดจำนวนยาบ้าเป็นหนึ่งเม็ดนั้นน่าจะนำมาซึ่งการสร้างคุกเพิ่มอย่างแน่นอน เพราะกว่าจะสู้คดีได้ว่าตัวเองเป็นผู้เสพก็อาจจะติดคุกไปครึ่งหนึ่งของโทษแล้วเพราะอาจจะไม่มีเงินประกันตัว แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ ตอนที่กำหนดให้ยาบ้าห้าเม็ดต้องติดคุกนั้นทำไมไม่มีใครออกมาพูดเรื่องการลดลงของจำนวนนักโทษอย่างจริงจัง ตอนที่กฎหมายยาบ้าห้าเม็ดออกมามีแต่ฝ่ายด่าว่าว่าจะทำให้คนเสพยาเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ไม่มีใครพูดถึงขั้นตอนการบำบัดและลดจำนวนคนติดคุกไปจนถึงตัดตอนวงจรการต่องานในคุกของพวกขาใหญ่สู่ผู้เสพตัวจ้อย

ที่เขียนมาทั้งหมดจนถึงตอนนี้ก็เพราะฉันเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรนักหนากับยาห้าเม็ดวะ ทั้งๆ ที่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากคุกมาใหม่ๆ  หลายต่อหลายองค์กรพยายามชวนฉันและเพื่อนๆ ชาวคดียาฯ ไปให้ข้อมูลเพื่อนำเสนอนโยบายลดจำนวนคนติดคุก เพื่อไม่ให้คนล้นคุก เพื่อสร้างโอกาสให้อดีตนักโทษได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีได้

หนทางที่จะทำให้คนไม่ล้นคุกมีอยู่ไม่กี่ทางในหัวที่มีมันสมองอันน้อยนิดของฉัน นั่นก็คือ สร้างคุกเพิ่มให้ใหญ่ๆ ไปเลย ทีนี้คนก็จะไม่ล้นคุกละ จะยาบ้าครึ่งเม็ดก็จับติดไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย หรือ ลดจำนวนคนติดคุก ให้คนที่ติดเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปทำอย่างอื่น ไปบำบัดไปฝึกอาชีพที่เป็นอาชีพจริงๆ  ที่ใช้ได้จริง เหมือนกับไปเข้าโรงเรียนใหม่อีกครั้งมีทักษะกลับไป ถ้าใครโทษสูงเกินสามปีค่อยเข้าไปอยู่คุกใหญ่จริงๆ  แล้วก็ต้องถูกลงโทษด้วยการให้เรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะเรียนได้ เชื่อเถอะการเรียนหนังสือเป็นการลงโทษที่โหดร้ายอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน จริงๆ นะ

ยากเย็นแค่ไหนที่จะแก้ปัญหายาเสพติดจากสังคมไทย ฉันเองก็ไม่รู้ มีแค่ความสงสัยวามันจะอะไรนักหนากับยาบ้าห้าเม็ดวะ ต่อให้จะไปบำบัด ไปเข้าคุก ถ้าคนออกมาแล้วก็ต้องพบเจอกับสภาพสังคมแบบเดิม ไม่มีทักษะทางการทำมาหากินที่อัพเดทให้เข้ากับยุคสมัย ไม่มีทุน ไม่มีความรู้ ไม่มีงานทำ เศรษฐกิจพังพินาศ คนก็จะกลับไปหาเพื่อนยากอย่างยาม้าเหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วยิ่งออกมาแล้วมีประวัติอาชญากรติดตัวไม่ว่าจะเป็นคนเสพหรือคนขาย  ไปสมัครงานสุจริตที่ไหนใครเขาจะรับ มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะกลับมาใช้ชีวิตแบบคนดีย์ แบบไม่มีราคีแปดเปื้อน คิดดูสิว่าถ้ามีประวัติอาชญากรรมเพราะยาแค่เม็ดเดียวเนี่ยมันจะน่าช้ำใจมากแค่ไหน 

ทำยังไงให้การบำบัดมีประสิทธิภาพ ทำยังไงให้คนที่เข้าไปแล้วหายจากการติดยา มีทักษะที่ดีในการดำเนินชีวิตไม่ใช่แค่ปลูกฝังความกตัญญู ร้องไห้เพราะสำนึกในบุญคุณแม่? ทำยังไงให้คนที่ออกมาสามารถทำงานได้อย่างปกติ? ทำยังไงไม่ให้นายจ้างไปค้นเอาประวัติอาชญากรรมของลูกจ้างโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า? ทำยังไงให้สถานประกอบการต่างๆ เปิดใจยอมรับและให้โอกาสคนเหล่านั้นได้? ทำยังไงให้ตัดต้นตอการค้ายาเสพติดที่มีผู้มีอิทธิพลในวงการราชการอยู่เบื้องหลังและมีผลประโยชน์มหาศาลเป็นตัวขับเคลื่อน? ยากส์ ยากส์มาก และขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลทุกรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศกันต่อไป 

สิ่งที่น่าตามต่อก็คือ กระแสศีลธรรมที่ค้ำคอจะกลายเป็นมีดจ่อคอหอยเพื่อไทยเรื่องยาเสพติดไปอีกมากแค่ไหน ถ้าหากว่าการกำหนดว่ายาบ้าเม็ดเดียวเท่ากับผู้ค้าแล้วยังมีคดีลูกเสพยาฆ่าแม่ต่อไป กฎหมายมันจะต้องเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนกัน

หรือจริงๆ แล้วเราควรจะกำหนดคุณภาพและราคากลางของยาบ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่สิ นี่มันยังผิดกฎหมายอยู่นะ แฮร่

   

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net