Skip to main content
sharethis

ชาวห้วยหินลาดใน ย้ำต้องรับผิดชอบมากกว่าขอโทษ หลัง ‘สำนักป่าไม้ที่ 2 เชียงราย’ แจงเป็นการตรวจสอบแปลงทำกินไร่หมุนเวียน พร้อมตั้ง คกก.สอบภายในเหตุ จนท.เข้าทำลายข้าวของไร่หมุนเวียน ด้านชุมชนเผยไม่ไว้วางใจ ‘ป่าไม้ตรวจสอบกันเอง’ เสนอควรเป็น คกก.ระดับจังหวัด มีสัดส่วนชุมชน


วานนี้ (12 มิ.ย.) คงศักดิ์  สร้อยเสนา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่เชียงราย 3 (แม่เจดีย์ใหม่) พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่จัดเวทีประชุมในชุมชนห้วยหินลาดใน หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เพื่อชี้แจงกระบวนการในการตรวจสอบแปลงทำกินในพื้นที่ หลังกรณีเจ้าหน้าที่ชุดดำบุกรุกเข้าทำลายทรัพย์สินในไร่หมุนเวียนของชุมชนห้วยหินลาดใน  และในช่วงบ่าย คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจสอบภายในของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บบันทึกข้อมูลจากทางชุมชน โดยมีขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก และนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมสังเกตการณ์

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

การจัดเวทีประชุมเพื่อชี้แจงขั้นตอนและกระบวนการในการตรวจสอบแปลงทำกินในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการยื่นหนังสือของชุมชนห้วยหินลาดในถึงผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ในวันที่ 7 มิ.ย. 2567 หลังมีเจ้าหน้าที่ชุดดำบุกรุกเข้าทำลายทรัพย์สินในไร่หมุนเวียนของชุมชน ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบทั้งทางทรัพย์สิน และความมั่นคงทางจิตใจ ซึ่งข้อเรียกร้องของทางชุมชนมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามข้อ คือ 1. หน่วยงานป่าไม้ต้องตรวจสอบและจัดเวทีชี้แจงกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นแก่ชุมชนอย่างเร่งด่วน 2. ให้ตั้งคณะทำงานสอบระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน โดยให้มีสัดส่วนของชุมชนห้วยหินลาดในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัดส่วนที่เท่ากัน และ 3. ให้เร่งหามาตรการในการเยียวยาผลกระทบของชาวบ้านในพื้นที่ไร่หมุนเวียนที่ รวมถึงเยียวยาผลกระทบต่อความมั่นคงทางจิตใจของชาวบ้าน และยืนยันว่าชาวบ้านจะยังสามารถทำกินอยู่ในพื้นที่ไร่หมุนเวียนทุกแปลงได้โดยเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการนัดหมายเวทีประชุมเป็นช่วงเช้าของวันที่ 12 มิ.ย. แต่ทางชุมชนแจ้งว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา จีระ ทรงพุฒิ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้แจ้งให้ทางชุมชนทราบก่อน เมื่อมาถึงแล้วได้พูดคุยกับทางผู้นำชุมชนด้วยท่าทีที่พยายามโน้มน้าวให้กรณีพิพาทยุติในระดับพื้นที่ และทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้ลงบันทึกข้อความในสมุดเยี่ยมชุมชนโดยระบุข้อความส่วนหนึ่งว่า "การพูดคุยและให้คำปรึกษากรณีข้อพิพาทดังกล่าวลุล่วงและผ่านไปด้วยดี" ทั้งที่เป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการร่วมกับผู้นำชุมชนเพียงเท่านั้น

'หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชร.3' แจงขั้นตอนการตรวจสอบแปลงทำกิน พร้อมขอโทษต่อกรณีพิพาท ด้านชุมชน ย้ำ 'หน่วยงานต้องรับผิดชอบมากกว่าการขอโทษ'

เวลา 09.00 น. ก่อนการเริ่มประชุม นิราภร จะพอ ตัวแทนชุมชนห้วยหินลาดใน ได้อ่านแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยมีเนื้อหาในเชิงตำหนิการกระทำของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ที่ยังมีลักษณะพฤติกรรมในการลงมาในชุมชนคล้ายเดิม คือไม่แจ้งให้ทางชุมชนทราบล่วงหน้าว่าทางหน่วยงานจะเข้ามาในพื้นที่ แม้จะมีการรับปากกับทางชุมชนแล้วก็ตามว่า ทางหน่วยงานจะแจ้งผู้นำชุมชนทุกครั้งที่มีการเข้ามาในพื้นที่ ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ได้ยืนยันถึงข้อเรียกร้องของทางชุมชน และกล่าวย้ำว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นชุมชนใดพื้นที่ใดในประเทศไทยก็ตาม

คงศักดิ์ สร้อยเสนา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่เชียงราย 3 (แม่เจดีย์ใหม่) ได้ชี้แจงถึงที่มาที่ไปของการลงพื้นที่ในชุมชนเพื่อตรวจสอบของหน่วยงานว่าเป็นไปตามภารกิจของกรมป่าไม้ที่มีคำสั่งให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่า ซึ่งมีคำสั่งมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2567 และต้องตรวจสอบเพื่อบันทึกข้อมูลใน “ระบบพิทักษ์ไพร” ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ โดยขั้นตอนในการตรวจสอบแปลงทำกินในพื้นที่จะพิจารณาควบคู่กับการตรวจสอบข้อมูลแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง 3 ช่วงปี คือปี 2544-2546 ปี 2561 และปี 2566 หากพบว่ามีกรณีแปลงที่เป็นปัญหาหรือเข้าข่ายการบุกรุก ทางหน่วยงานต้องลงมาตรวจสอบในพื้นที่ว่าเป็นพื้นที่ทำกินดั้งเดิมหรือเป็นพื้นที่บุกรุกเพิ่ม หากทางคณะกรรมการชุมชนสามารถรับรองได้ว่าเป็นแปลงทำกินเดิม หน่วยงานก็จะยืนยันข้อมูลในระบบว่าไม่ได้เป็นแปลงบุกรุก

สำหรับกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นในพื้นที่ คงศักดิ์ ยอมรับว่าอาจเกิดจากที่เจ้าหน้าที่ขาดความเข้าใจในวิถีของทางชุมชน ประกอบกับภาระงานที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้การเข้ามาในพื้นที่เป็นไปด้วยความเร่งรีบ จึงอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นายกระทำผิดจริง ทางหน่วยงานจะดำเนินการลงโทษทางวินัยอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งยืนยันว่าในการเข้ามาในพื้นที่หลังจากนี้จะประสานผู้นำชุมชน เพื่อแจ้งให้ทราบก่อน แต่ถ้ามีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นแปลงบุกรุกจริง ทางหน่วยงานจำเป็นต้องบุกเข้าในพื้นที่เพื่อตรวจสอบโดยทันที

"ขอน้อมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนี้จะทำงานให้รัดกุมมากขึ้น ขอให้ชุมชนเชื่อมั่นว่าถ้าเป็นที่ทำกินเดิมตามวิถีของชุมชน ทางชุมชนไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหนี เวลาที่เจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบในพื้นที่ โดยปกติทางหน่วยงานไม่ได้มีกระบวนการคืนข้อมูลให้ชุมชนหลังการตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าชุมชนสามารถขอตรวจสอบได้หากต้องการยืนยันข้อมูล เป็นข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้ ไม่ได้เป็นความลับทางราชการ" คงศักดิ์ กล่าว

นิราภร จะพอ ตัวแทนชุมชนห้วยหินลาดใน กล่าวย้ำว่า การที่ทางหน่วยงานชี้แจงว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่เป็นไปตามคำสั่งจากทางกรมป่าไม้ แต่การทำลายทรัพย์สินของชุมชนไม่ได้เป็นคำสั่ง ทางชุมชนไม่ได้ต้องการเพียงคำขอโทษจากหน่วยงาน แต่ต้องการเห็นการแสดงความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เหมาะสมมากกว่าการขอโทษ เพราะหลังจากนี้ทางหน่วยงานก็ต้องเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ทุกปี ชุมชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก รวมถึงควรมีกระบวนการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำเดิมอีก

"สุดท้ายแล้วการที่บอกว่าหน่วยงานไม่ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่มาทำลายข้าวของของชุมชน แต่ในเมื่อเหตุมันเกิดจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดพวกท่าน ฝั่งหน่วยงานก็ควรมีคำตอบและแนวทางที่ยืนยันกับชุมชนได้ว่า หลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์ขึ้นอีก จริงๆ สิ่งนี้มันสะท้อนคุณภาพของคนทำงานของหน่วยงาน พวกคุณรับคนแบบไหนเข้ามาทำงาน มีความรู้ความเข้าใจเรื่องพื้นฐานกฎหมาย สิทธิมนุษยชนไหม" นิราพร กล่าว

'สำนักป่าไม้ที่ 2 เชียงราย' ตั้ง คกก.ตรวจสอบภายใน เหตุ จนท.ทำลายข้าวของไร่หมุนเวียน ด้านชุมชนย้ำ 'ต้องมีสัดส่วนจากชุมชน' ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เวลา 14.00 น. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพิพาท ตามคำสั่งแต่งตั้งโดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน จำนวน 3 ราย คือ นิวัติ มีวรรณสุขกุล, เสือ ปรุงธัญญพฤกษ์, และทองคำ ธรรมสละ พร้อมคณะอีกกว่า 20 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้เชิญตัวแทนชุมชนจำนวน 3 ราย คือ ดวงดี ศิริ (ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7), ประสิทธิ์ ศิริ (ผู้เห็นเหตุการ และผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ความเสียหาย) และนิราพร จะพอ (ตัวแทนผู้เห็นเหตุการณ์) มาให้ถ้อยคำและข้อมูลประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง

คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ชี้แจงกระบวนการในการสอบสวนตัวแทนชุมชนเพื่อบันทึกถ้อยคำ และข้อมูลเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้วจะสอบสวนแยกเป็นรายบุคคล แต่ในกรณีนี้ เมื่อทางชุมชนยืนยันว่าให้ชาวบ้าน และผู้ร่วมสังเกตการณ์ ได้สังเกตการณ์กระบวนการสอบสวนในครั้งนี้ด้วย ทางคณะกรรมการฯ ก็ยินดีที่จะเปิดเผยกระบวนการตรวจสอบทั้งหมด

ก่อนเริ่มกระบวนการตรวจสอบ ทางตัวแทนชุมชนได้ยืนยันว่า คณะกรรมการชุดนี้ถือว่าเป็นกระบวนการตรวจสอบภายในที่ทางหน่วยงานราชการต้องทำตามหน้าที่อยู่แล้ว ไม่นับว่าเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ต้องมีสัดส่วนของชุมชน ซึ่งทางชุมชนย้ำว่าจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบภายนอกร่วมด้วย

กระบวนการสอบสวนและบันทึกข้อมูลจากตัวแทนชุมชนใช้ระยะเวลาถึง 3 ชั่วโมง โดยภาพรวมเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างละเอียด ซึ่งทางคณะกรรมการได้ให้ตัวแทนชุมชนตรวจสอบบันทึกถ้อยคำของทุกคนอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม มีบางคำถามที่ทางชุมชนไม่สะดวกให้คำตอบ เช่น การให้ระบุว่าผู้ใดเป็นเจ้าของแปลงกรณีเกิดเหตุ ทางชุมชนได้อธิบายว่าไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของแปลงทำกินในลักษณะกรรมสิทธิ์รายปัจเจก เนื่องจากเป็นแปลงทำกินรวม เป็นกรรมสิทธิ์แบบรวมหมู่ หากระบุว่าผู้ใดเข้าทำกินในปีนี้ ทางชุมชนกังวลว่า จากความขัดแย้งระดับชุมชนกับหน่วยงาน อาจกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคลกับหน่วยงาน แม้คณะกรรมการพยายามถามย้ำหลายครั้งว่าสะดวกให้คำตอบหรือไม่ แต่ทางชุมชนก็ยืนยันว่าไม่สะดวกใจ

หลังจากการบันทึกถ้อยคำและข้อมูลจากตัวแทนชุมชน คณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่ไปยังแปลงทำกิน และจุดที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบความเสียหายในแต่ละจุดที่เกิดเหตุ และบันทึกภาพเป็นหลักฐานว่า ได้มีการลงพื้นที่มาตรวจสอบตามกระบวนการขั้นตอนแล้ว

“กระบวนการตรวจสอบนี้คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นการสอบสวนทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ราย เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนตามกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะทำบันทึกรายงานไปยังหน่วยงานระดับกรมและกระทรวงต่อไป และจะส่งบันทึกรายงานมาให้ทางชุมชนด้วยเช่นกัน” ตัวแทนคณะกรรมการฯ ชี้แจง

ด้านตัวแทนชุมชนห้วยหินลาดในกล่าวถึงข้อเรียกร้องเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัดที่ต้องมีสัดส่วนของชุมชนร่วมด้วยว่า ยังไม่มีความคืบหน้าจากทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) แม้มีการเสนอจากทางอำเภอเวียงป่าเป้า ตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองในท้องที่ว่า ควรเป็นการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในระดับอำเภอ แต่ทางชุมชนเห็นว่าด้วยภารกิจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ครั้งนี้เป็นคำสั่งจากระดับกรมป่าไม้ อย่างน้อยคณะกรรมการชุดนี้ควรเป็นการแต่งตั้งโดยระดับจังหวัดเป็นอย่างน้อย ส่วนกระบวนการตรวจสอบในครั้งนี้เป็นเพียงการตรวจสอบภายในกันเองของหน่วยงานป่าไม้ ซึ่งทางชุมชนไม่ได้ไว้วางใจว่าการตรวจสอบครั้งนี้จะนำมาสู่ข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมได้  

"ทางชุมชนรู้สึกยินดีที่ทางอำเภอมีความประสงค์ในการช่วยเหลือไกล่เกลี่ยให้กรณีนี้จบลงโดยเร็ว เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่พวกเราเห็นว่า คำสั่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องระดับนโยบาย อาจจะอยู่นอกเหนืออำนาจการตัดสินใจในระดับอำเภอ เพราะฉะนั้น อย่างน้อยๆ ควรเป็นระดับจังหวัดที่แสดงความรับผิดชอบ แต่ถ้ายังไม่มีความคืบหน้าในระดับจังหวัด ทางชุมชนก็ยืนยันว่าจะร้องเรียนเรื่องให้ไปถึงระดับรัฐบาล ระดับกระทรวงต่อไป" ตัวแทนชุมชนกล่าว

ประสิทธิ์ ศิริ
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net