Skip to main content
sharethis

รายงานจากสื่อ Stateline ระบุ สำหรับ 'ผู้ดูแลเด็ก' ความช่วยเหลือในการดูแลลูกของตนเองนั้นเป็น ‘การเปลี่ยนแปลงชีวิต’ บางรัฐในสหรัฐฯ กำลังมุ่งเป้าสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กให้กับพวกเขา


ที่มาภาพ: Unsplash/CDC 

Stateline สื่อที่เกาะติดประเด็นท้องถิ่นในสหรัฐอเมริการายงานว่า มาร์ซี เธน (Marci Then) ผู้ดูแลเด็กวัย 32 ปี มองไปที่เด็กวัย 4 ขวบ สองคนที่เธอดูแลกำลังแย่งของเล่นกันในชุดครัวจำลอง “พวกเรากำลังแบ่งปันกันอยู่ใช่ไหม?” เธอถามอย่างอ่อนโยน แล้วทั้งสองก็ปล่อยมือออกจากของเล่น

เธนทำงานที่ศูนย์ดูแลเด็ก Little Learners Academy ใกล้พรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ ลูกสาวของเธอ มิล่า (Mila) วัย 4 ขวบ ก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วย ทำให้เธนสามารถดูแลลูกสาวของเธอพร้อมกับเด็กวัย 4 ขวบ อีกหลายสิบคนได้ มิล่าเรียกแม่ของเธอว่า “มิสมาร์ซี” ที่ศูนย์ดูแลเด็ก แต่เรียกว่า “แม่” ที่บ้าน

ส่วนใหญ่แล้วมิล่าจะอยู่ในห้องอื่นกับผู้ดูแลอีกคนหนึ่งที่ศูนย์ เพื่อให้เป็นไปตามกฎที่ไม่อนุญาตให้ผู้ดูแลที่เป็นพ่อแม่ดูแลลูกของตนเองในสถานที่ที่ได้รับอนุญาต แต่วันนี้มิล่าได้อยู่กับแม่ของเธอช่วงหนึ่งเพื่อแนะนำศูนย์ให้กับนักข่าว

มิล่าพูดอย่างภูมิใจว่าเธออายุเท่าไร แล้วก็ช่วยเก็บของเล่นเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถรวมตัวกันสำหรับเวลานั่งเป็นวงกลมได้อย่างเงียบ ๆ

เธนกล่าวว่า หากไม่มีความช่วยเหลือเธอคงไม่สามารถจ่ายเงิน 315 ดอลลาร์ฯ ต่อสัปดาห์ให้กับมิล่า เพื่อมาเรียนที่ศูนย์ดูแลเด็ก Little Learners แห่งนี้ได้ แต่เธอกำลังใช้ประโยชน์จากโครงการนำร่องของรัฐเป็นเวลา 1 ปี ที่อนุญาตให้ใช้เงินทุนของรัฐบาลกลางเพื่อจ่ายค่าเลี้ยงดูเด็กให้ครูปฐมวัย

“มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับฉัน” เธนกล่าว เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวและยังต้องดูแลผู้พิการที่เธอรับอนุเคราะห์ ระบุว่าหากไม่มีโครงการนี้ “ฉันคงต้องปรับเปลี่ยนชีวิตของตัวเองใหม่”

ในปี 2022 สภานิติบัญญัติของรัฐเคนตักกี้ ได้เปลี่ยนโครงการช่วยเหลือค่าดูแลเด็กของนายจ้างให้รวมผู้ดูแลเด็กที่ทำงานอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในทุกระดับรายได้ด้วย รัฐอื่น ๆ รวมถึงโรดไอแลนด์ได้เริ่มโครงการที่ใช้แบบแผนจากรัฐเคนตักกี้ตั้งแต่นั้นมา โครงการของรัฐเคนตักกี้จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2024 แต่สเตฟานี เฟรนช์ โฆษกของหน่วยงานบริการสุขภาพและครอบครัวของรัฐเคนตักกี้ กล่าวทางอีเมลกับ Stateline ว่ารัฐจะใช้เงินทุนจากทั้งรัฐบาลกลางและของรัฐเองในการดำเนินโครงการต่อไป

ปัจจุบันมีอย่างน้อย 6 รัฐ ที่มีโครงการคล้ายคลึงกันหรือกำลังพิจารณาออกกฎหมายเพื่อเริ่มโครงการเหล่านี้ ตามรายงานของ EdSurge ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวที่ครอบคลุมประเด็นการศึกษา

ผู้สนับสนุนทั้งจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเห็นร่วมกันว่า การรักษาบุคลากรด้านการดูแลเด็กเอาไว้ ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะต่อศูนย์ที่ประสบปัญหาขาดแคลนคนทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจของท้องถิ่นด้วย สำหรับหลาย ๆ คน การขาดแคลนศูนย์ดูแลเด็กที่มีราคาย่อมเยาเป็นอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน

ชาร์ลีน บาร์บิเอรี (Charlene Barbieri) ผู้ก่อตั้งและเจ้าของศูนย์ดูแลเด็ก Little Learners Academy ทั้ง 4 แห่ง ในโรดไอแลนด์กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Stateline ว่า เป็นเรื่องยากที่จะจ้างและรักษาพนักงานที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในงานนี้ แต่โครงการเงินอุดหนุนการดูแลเด็กช่วยได้ เธอกล่าว

“การเรียนปฐมวัยที่นี่มีค่าใช้จ่ายสูงมากตามที่เราทราบกันใช่ไหม?” บาร์บิเอรี กล่าว “ดังนั้นโครงการเสริมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรืออย่างอื่นจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง"

“เรามีครูหลายคนมาบอกเราว่าหากไม่มีโครงการนี้ พวกเขาคงไม่สามารถส่งลูกๆ ไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กได้ และยังช่วยครอบครัวของพวกเขาโดยการนำรายได้เพิ่มเติมเข้ามา” เธอกล่าว

สภานิติบัญญัติของรัฐโรดไอแลนด์ได้เพิ่มเงินอุดหนุนการดูแลเด็กในปีงบประมาณ 2025 ของรัฐ เมื่อฤดูใบไม้ผลินี้ ทำให้โครงการนี้ไม่อยู่ในประเภท “นำร่อง” อีกต่อไป แดน แมคคี (Dan McKee) ผู้ว่าการรัฐจากพรรคเดโมแครต คาดว่าจะลงนามในงบประมาณนี้ภายในเดือน มิ.ย. 2024 นี้

“มันเป็นโครงการที่ดีและเราได้เห็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากมัน” โจเซฟ เชคาร์ชี (Joseph Shekarchi) ประธานสภานิติบัญญัติรัฐโรดไอแลนด์จากพรรคเดโมแครตกล่าวในการสัมภาษณ์ “เรามีปัญหาการขาดแคลนแรงงานในทุกภาคส่วน  ดังนั้นการให้การดูแลเด็กฟรี [แก่ผู้ดูแลเด็ก] พวกเขาจึงสามารถกลับมาทำงานและดูแลเด็กคนอื่น ๆ ซึ่งทำให้มีคนเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น”

รัฐอื่น ๆ ที่ได้เปิดตัวโครงการหรือกำลังพิจารณาโครงการนี้ ได้แก่ รัฐแอริโซนา รัฐโคโลราโด รัฐอินดีแอนา รัฐไอโอวา และรัฐเนแบรสกา ตามรายงานของ EdSurge

ศูนย์การศึกษาการจ้างงานในการดูแลเด็ก ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ คาดการณ์ว่าหากทุกรัฐปฏิบัติตามแบบของรัฐเคนตักกี้ จะมีแรงงานประมาณ 234,000 คนที่มีลูกอายุต่ำกว่า 6 ปีที่จะได้รับประโยชน์

“เราเห็นว่าเป็นเรื่องง่าย” แอนนา พาวเวลล์ (Anna Powell) นักวิจัยอาวุโสและผู้ร่วมเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงการกล่าว “ผู้ให้การศึกษาก็เป็นพ่อแม่ ทำไมพวกเขาถึงไม่ควรอยู่ในลำดับแรกของคิว? ทุกครั้งที่ผู้ให้การศึกษาอยู่ในสายงาน มันเป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่หลาย ๆ คน”

ความท้าทายด้านงบประมาณ

ในบางรัฐ ปัญหางบประมาณกำลังเป็นอุปสรรคต่อฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ต้องการทำให้โครงการนำร่องของพวกเขาเป็นโครงการถาวร

รัฐแอริโซนามีโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาฝึกงานที่ช่วยเหลือผู้ดูแลเด็กและครูโรงเรียนรัฐ 1 ปี แต่โครงการนั้นได้รับทุนจากเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลางช่วงการระบาดของโควิด-19 และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะต่ออายุโครงการนี้ เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของรัฐ

ผู้ดูแลเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือในขณะนี้จะต้องสมัครขอความช่วยเหลือผ่านโครงการช่วยเหลือการดูแลเด็กทั่วไปของรัฐแทน โครงการดังกล่าวบริหารงานโดยหน่วยงานความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัฐแอริโซนา โดยอิงตามระดับรายได้ ทาซยา ปีเตอร์สัน (Tasya Peterson) โฆษกหน่วยงานเขียนในอีเมลถึง Stateline

บาร์บี้ พรินสเตอร์ (Barbie Prinster) ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมการศึกษาปฐมวัยแอริโซนา ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เป็นตัวแทนของศูนย์ดูแลเด็กกล่าวว่าในปีนี้มีเด็กจำนวน 3,541 คน ที่ได้รับการอนุมัติเงินอุดหนุนการดูแลภายใต้โครงการการศึกษาปฐมวัย ประมาณ 3 ใน 4 มาจากครอบครัวของผู้ดูแลเด็ก ส่วนที่เหลือมาจากครอบครัวของครู

เธอคาดการณ์ว่าคนทำงานหลายร้อยคนอาจต้องลาออกหากไม่มีการต่ออายุเงินอุดหนุน

“ฉันคิดว่าผู้ให้บริการจ้างแม่ที่มีลูกเล็กมากขึ้นเพราะเงินอุดหนุนนี้” เธอกล่าว

ในรัฐเนแบรสกา ชิกจอห์น เฟรดริกสัน (John Fredrickson) สมาชิกวุฒิสภาของรัฐ จากพรรคเดโมแครตและคุณพ่อของลูกชายวัย 5 ขวบ ได้เสนอร่างกฎหมายในสมัยประชุมนี้ที่จะให้การดูแลเด็กฟรีแก่พนักงานของโครงการดูแลเด็กที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลที่บ้านหรือที่ศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งทำงานอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

เขาประเมินว่าการอุดหนุนที่เป็นไปได้นี้ ซึ่งเขาได้นำแนวคิดมาจากรัฐเคนตักกี้ อาจดึงดูดคนทำงานที่เป็นพ่อแม่จำนวน 2,175 คน หากพวกเขาแต่ละคนดูแลเด็กได้ 8 คน จะมีเด็ก 16,000 คน ที่ได้รับการดูแล และอย่างน้อยพ่อแม่ที่ทำงานก็จะมีจำนวนเท่ากัน เขาประเมิน

เฟรดริกสันกล่าวว่าการประมาณการเบื้องต้นของร่างกฎหมายนี้อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นภาระหนักเกินไป ดังนั้นเขาจึงลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 10 ล้านดอลลาร์ฯ แต่แม้แต่จำนวนนั้นก็ยังดูมากเกินไป และถ้าความพยายามล้มเหลว เขาวางแผนที่จะเสนอร่างกฎหมายของเขาใหม่ในปีหน้า

คิม เรย์โนลด์ส (Kim Reynolds) ผู้ว่าการรัฐไอโอวา จากพรรครีพับลิกัน ได้อนุมัติร่างกฎหมายเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2024 เพื่อขยายโครงการนำร่องเงินอุดหนุนการดูแลเด็กสำหรับผู้ดูแลและครูปฐมวัย ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าใดก็ตาม ออกไปอีก 2 ปี โดยใช้งบประมาณ 10.2 ล้านดอลลาร์ฯ จากกองทุนพัฒนาเด็กของรัฐ

รัฐโคโลราโดตกลงที่จะดำเนินโครงการต่อสำหรับผู้ให้บริการดูแลเด็กที่มีลูกอายุ 6 สัปดาห์ถึง 13 ปี โดยให้สิทธิประโยชน์ในการดูแลเด็กเต็มรูปแบบ ไม่ว่าคนทำงานคนนั้นจะมีรายได้เท่าใดก็ตาม

และรัฐอินดีแอนาตกลงที่จะศึกษาประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของผู้ดูแลเด็กและครูปฐมวัย

'ดีสำหรับรัฐโรดไอแลนด์'


ที่มาภาพ: Unsplash/Gabe Pierce 

เมื่อต้นเดือน มิ.ย. 2024 ในห้องประชุมที่อยู่ติดกับสภานิติบัญญัติรัฐโรดไอแลนด์ สมาชิกสภานิติบัญญัติ แมรี่ แอน แชลครอส สมิธ (Mary Ann Shallcross Smith) และเกรซ ดิแอซ (Grace Diaz) จากพรรคเดโมแครตกล่าวว่าพวกเธอเข้าใจประเด็นการดูแลเด็กอย่างถ่องแท้ ทั้งสองคนเป็นแม่ แม้ว่าลูกของพวกเธอจะโตแล้ว และทั้งคู่มีประสบการณ์เป็นเจ้าของศูนย์ดูแลเด็ก

แชลครอส สมิธจำได้ว่าเคยติดใบปลิวโฆษณาการดูแลเด็กที่บ้านในร้านขายยาท้องถิ่น ปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของศูนย์ดูแลเด็ก 15 แห่ง เมื่อประเด็นการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้ดูแลเด็กสำหรับค่าเล่าเรียนของลูก ๆ ของพวกเขาถูกหยิบยกขึ้นมาในปีนี้ เธอสนับสนุนอย่างเต็มที่และไปพูดคุยกับประธานสภานิติบัญญัติรัฐโรดไอแลนด์ เพื่อเสนอเหตุผลของเธอ

“ข้อที่หนึ่ง มันดีสำหรับรัฐโรดไอแลนด์” เธอกล่าวเสริมว่า มันยังดีต่อธุรกิจอีกด้วย

ดิแอซ คุณแม่ลูกห้า กล่าวว่าเธอก็ได้พูดคุยกับประธานสภานิติบัญญัติรัฐโรดไอแลนด์เช่นกัน แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการนำโครงการนี้เข้ามาในงบประมาณของรัฐ เธอเล่าว่า คือวันที่พวกเขาพาเด็กเล็ก ๆ จากศูนย์ดูแลเด็กต่าง ๆ มายังรัฐสภาเพื่อเป็นตัวอย่างที่มีชีวิตของความต้องการนี้

“เมื่อพวกเขาเห็นเด็กเล็ก ๆ ที่อาคารรัฐสภา พวกเขาทุกคนอยากถ่ายรูปด้วย” ดิแอซกล่าว

ที่สนามเด็กเล่นของศูนย์ดูแลเด็ก Little Learners ผู้ดูแลเด็ก เคย์ลา แชมเปญ (Kayla Champagne) วัย 39 ปี จากลินคอล์น รัฐโรดไอแลนด์ ยิ้มให้กับแจ็กสัน (Jaxson) ลูกชายวัย 3 ขวบของเธอที่แอบมองจากด้านบนของเครื่องเด็กเล่นปีนป่าย แชมเปญมีลูกอีกสามคนอายุ 18, 14 และ 8 ปี เธอรู้สึกโล่งใจที่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการที่ช่วยจ่ายค่าเลี้ยงดูแจ็กสันได้

เธอเคยทำงานที่สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งอื่น แต่สามารถส่งแจ็กสันไปที่นั่นได้เพียงไม่กี่วันต่อสัปดาห์เท่านั้น เธอกล่าว ที่ Little Learners พนักงานช่วยเธอสมัครขอเงินอุดหนุนจากรัฐ

“นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฉันออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กที่อื่นเพื่อมาที่นี่” เธอกล่าว “ตอนนี้ฉันสามารถทำงานเต็มเวลาได้ในขณะที่มีลูกสี่คน”


ที่มา:
For child care workers, state aid for their own kids’ care is ‘life-changing (Elaine S. Povich, Stateline, 17 June 2024)
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net