Skip to main content
sharethis

ศาลแพ่งสั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้แก่ "ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร" ผู้เสียหายจากการถูกตำรวจซ้อมทรมานคลุมถุงดำสมัยที่เขายังเป็นเด็ก ม.6 เมื่อปี 52  ฟ้อง สตช. ให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

4 ก.ค.2567 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมรายงานว่า รายงานว่าศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาแก่ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ผู้เสียหายจากการถูกตำรวจซ้อมทรมานคลุมถุงดำ เมื่อปี 2552 เป็นโจทก์ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 20 ล้านบาท โดยไม่ต้องไต่สวนโจทก์  เดิมศาลนัดไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวในวันที่ 8 ก.ค. 2567

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2567 ฤทธิรงค์ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาและศาลมีคำสั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้แก่โจทก์โดยไม่ต้องเรียกโจทก์มาไต่สวนที่ เพราะโจทก์เคยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาแล้ว และโจทก์ก็ได้แสดงพยานหลักฐานชัดแจ้งว่าตนยังคงไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้เช่นเดิม หากไม่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมจะได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร อีกทั้งจะต้องเดินทางจากจังหวัดปราจีนบุรีและต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากหากศาลเรียกไต่สวนค่าธรรมเนียมซึ่งจะตกเป็นภาระของบิดามารดาของฤทธิรงค์ทำให้ได้รับความยากลำบากและเดือดร้อนทางการเงิน

ต่อมาศาลจึงได้มีคำสั่ง ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้โดยไม่ต้องไต่สวน เนื่องจากเห็นตามคำร้องของโจทก์ว่ามีเหตุผลอันสมควรที่จะฎีกา และในชั้นอุทธรณ์โจทก์ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล เมื่อสถานะของโจทก์มิได้เปลี่ยนแปลงไป เชื่อว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาจริง และโจทก์จะได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร และให้ยกเลิกวันนัดไต่สวน (8 ก.ค. 2567) จากนี้ในขั้นตอนต่อไป ศาลแพ่งกรุงเทพใต้จะได้ส่งสำนวนคดีไปยังศาลฎีกา เพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกา และคำฟ้องฎีกาของโจทก์ต่อไป

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีก่อน วันที่ 28 ม.ค.2552 ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ขณะศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ถูกตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดจับกุมและซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย โดยใช้ถุงดำคลุมศีรษะให้ขาดอากาศหายใจ เพื่อบังคับให้รับสารภาพในคดีวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งจากการสืบสวนในภายหลังพบว่าเป็นการจับผิดคน

ต่อมาเมื่อปี 2558 ฤทธิรงค์จึงฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวรวม 7 นาย คดีดังกล่าวมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดจริง ต่อมาเขาจึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งต่อ สตช. ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2560 โดยเรียกค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และขอให้ลบประวัติอาชญากรของเขาออกจากทะเบียน

คดีดังกล่าว ศาลแพ่งชั้นต้นได้มีคำพิพากษาสั่ง สตช.ชดใช้ค่าเสียหายให้ฤทธิรงค์ เพียง 3.38 ล้านบาท ส่วนคำร้องอื่นๆ ให้ยกคำร้อง เขาจึงยื่นอุทธรณ์และศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษากลับของศาลชั้นต้นสั่ง สตช.ชดใช้ค่าเสียหายเหลือเพียง 3.8 แสนบาท ฤทธิรงค์ มีความประสงค์ยื่นฎีกาขอให้ศาลสูงพิจารณาในความเสียหายที่เกิดขึ้นตลอด 15 ปี ของตัวเองอีกครั้ง

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net