Skip to main content
sharethis

สส.พรรคประชาชนจี้รัฐบาลปกป้องธุรกิจไทยจากปัญหาแพลตฟอร์มออนไลน์จีนบุกตลาด แนะศึกษามาตรการรับมือของประเทศอื่น-หารือระดับอาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรอง-กำกับคุณภาพสินค้าเข้มงวด ชี้ต้องทำเร่งด่วนก่อนกระทบเศรษฐกิจไทยระยะยาว

12 ส.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคประชาชนแจ้งต่อผู้สื่อข่าววานนี้ (11 ส.ค.) ว่าจากกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิธรรม เวชยชัย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการทุ่มตลาดและการไหลบ่าเข้ามาของทุนจีนเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา โดย รมว.พาณิชย์ให้ความเห็นว่ารัฐบาลไทยจะไม่เน้นการตอบโต้ เช่น ใช้มาตรการกำแพงภาษี เพราะอาจจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งจีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญของสินค้าเกษตรไทย และมีสิทธิ์ที่สินค้าไทยจะถูกกีดกันจากจีนมากขึ้น

ต่อกรณีดังกล่าว สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เขต 7 พรรคประชาชน กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความเห็นของ รมว.พาณิชย์ ซึ่งมาจากรัฐบาลที่อ้างเสมอว่าอยากให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี เพราะการไหลบ่าเข้ามาของทุนจีนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ระดับภูมิภาค เฉพาะไทยเราเองก็ขาดดุลการค้าจีนติดต่อกันมาถึง 11 ปี และ 2 ปีล่าสุดก็ขาดดุลมากถึงปีละ 36,000 ล้านเหรียญแล้ว โดยประเทศทั่วภูมิภาคอาเซียน ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ก็ล้วนแต่มีมาตรการเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของประเทศทั้งนั้น

รัฐบาลไทยต้องยอมรับก่อนว่าการไหลบ่าเข้ามาของทุนจีนนั้นเป็นปัญหาจริง แต่จนถึงตอนนี้ รัฐบาลก็ยังไม่มีมาตรการอะไรมารองรับเรื่องนี้ แม้แต่การส่งหนังสือไปสอบถามบริษัทจีนที่เข้ามาทุ่มตลาดสินค้าออนไลน์ ก็ยังไม่สามารถนำเนื้อหาคำตอบมารายงานประชาชนได้เลย

สหัสวัตกล่าวต่อไปว่า มาตรการที่ รมว.พาณิชย์น่าจะทำได้และควรทำโดยเร็ว คือการหารือร่วมกันในระดับอาเซียน ออกมาตรการร่วมกันในระดับภูมิภาคเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับทั้งอาเซียน ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความร่วมมือด้านการค้าเพิ่มเติมในระดับภูมิภาคด้วย

นอกจากนี้ การที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐาได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อดึงดูดการลงทุนและเจรจาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้น่าจะเข้ามาทดแทนการขาดดุลการค้ากับจีนได้ เราควรหาแหล่งการลงทุนใหม่ๆ ที่หลากหลาย ไม่ใช่หวังพึ่งประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นพิเศษ

“โอกาสทางการค้าใหม่ๆ ที่น่าจะเกิดขึ้น จะไม่สามารถทดแทนการขาดดุลการค้าจากจีนได้เลยหรือครับ เราไม่สามารถหาการลงทุนใหม่ๆ ที่ดีกว่านี้ได้อีกหรือครับ ท้ายที่สุดถ้าแม้แต่ภาษีเราก็เก็บไม่ได้ แล้วประเทศเราจะได้อะไรบ้างจากการไหลบ่าเข้ามาของทุนจีน โดยไม่มีมาตรการรองรับแบบนี้ครับ” สหัสวัตกล่าว

แนะ 3 ข้อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ขณะที่สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลควรเข้าไปดูแลปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะกำลังกระทบผู้ประกอบการรุนแรง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจได้จัดประชุมหัวข้อ “ผลกระทบของสินค้าและธุรกิจต่างชาติต่อเศรษฐกิจไทยและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะปัญหาสินค้าต่างชาติราคาต่ำและการประกอบธุรกิจผ่านนอมินี” โดยเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการไทยด้านการค้าขายออนไลน์ (e-commerce) และผู้ประกอบการค้าปลีก มาหารือต่อประเด็นกล่าว

จากการให้ข้อมูลของภาคเอกชนพบว่า ผู้ประกอบการไทยเผชิญกับผลกระทบของสินค้าราคาต่ำจากต่างชาติอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งประเมินภาคอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 46 กลุ่ม พบว่าใน 6-12 เดือนข้างหน้า มีมากถึง 25 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เสี่ยงได้รับผลกระทบหนัก ซึ่งปัจจุบันกำลังการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งก็ลดต่ำกว่าร้อยละ 30 แล้ว หรือพูดง่ายๆ คือ หลายโรงงานจากที่เดิมทำงาน 3 กะ ตอนนี้เหลือเพียงกะเดียว

สิทธิพลกล่าวต่อไปว่า การบุกตลาดประเทศไทยของแพลตฟอร์มออนไลน์ Temu กำลังซ้ำเติมปัญหาให้หนักขึ้นอย่างมาก โดยจากบทเรียนในต่างประเทศ Temu เติบโตไว ยอดขายโตทุกเดือน เดือนละ 12 เท่า สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดและเอาชนะรายใหญ่ที่เคยครองตลาด เช่น Aliexpress ได้ในไม่กี่เดือน ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Temu เป็นการขายของส่งตรงจากโรงงานถึงมือผู้บริโภค ชิ้นเดียวก็ขาย ค่าส่งถูก หากลูกค้าไม่พอใจก็ส่งคืนได้ อีกทั้งแพลตฟอร์มยังมีการเก็บข้อมูลจากลูกค้า ส่งให้โรงงานเพื่อปรับสินค้าให้ตรงตามที่ผู้บริโภคต้องการ แต่ที่น่ากลัวคือปัจจุบันไม่มีสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มเลย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยังให้ข้อมูลอีกว่า 4-5 เดือนที่ผ่านมา โรงงานปิดตัวมากถึง 111 โรงต่อเดือน แม้บางข้อมูลจะบอกว่ามีการเปิดใหม่เพิ่มขึ้น แต่ผู้แทนสภาอุตฯ แจ้งว่า ต้องไปดูว่าที่เปิดเพิ่มมาใช้แรงงานมากแค่ไหน ใช้แรงงานไทยหรือต่างชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้นกำลังกระทบความมั่นคงของภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานในประเทศ ซึ่งถ้าเสียหายแล้ว สร้างใหม่ยาก กระทบผู้ผลิตและภาคอุตสาหกรรมของประเทศในระยะยาว

สิทธิพลกล่าวว่า ภาครัฐไม่ควรนิ่งนอนใจกับปัญหานี้ ต้องรีบรับมือ และควรดูบทเรียนในต่างประเทศ เพราะวันนี้ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป หรือประเทศในอาเซียนอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ต่างก็มีมาตรการเพื่อรับมือปัญหานี้ โดยสิ่งที่รัฐบาลทำได้มีหลายอย่าง ในสถานการณ์เฉพาะหน้ามีอย่างน้อย 3 ประการ คือ

1. บูรณาการหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องการค้าขายออนไลน์ (e-commerce) เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่ทันโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไว

2. กำกับเรื่องคุณภาพสินค้าอย่างเข้มงวด ผ่านฉลากทั้ง มอก. และ อย. โดยแพลตฟอร์มต้องให้ผู้ค้าแสดงฉลากสินค้าและตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้อาจเริ่มจากการมุ่งเป้าในกลุ่มสินค้าที่ขายจำนวนมากบนออนไลน์และมีแนวโน้มคุณภาพไม่ได้มาตรฐานก่อน ซึ่งจะช่วยดูแลความปลอดภัยให้ผู้บริโภคด้วย โดยสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมต้องเร่งเพิ่มจำนวน มอก.ภาคบังคับให้ทันกับจำนวนและประเภทสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์ม

3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการค้าระหว่างประเทศ เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการทางภาษี เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากร ควรศึกษาบทเรียนในต่างประเทศที่สามารถออกมาตรการรับมือสินค้าราคาต่ำจากต่างชาติ ทั้งนี้ ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวในโลกที่ค้าขายออนไลน์หรือประสบปัญหา หลายประเทศที่เผชิญปัญหามาก่อน และสามารถออกมาตรการรับมือที่เหมาะสม รัฐบาลต้องมีนโยบายเชิงรุกในลักษณะนี้

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net