Felix Mago
เมื่อวันที่ 19-20 มกราคมที่ผ่านมา ผู้แทนเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี(Anfrel) นำโดย นาย
จังหวัดลำปาง มีประชากร 776,826 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 594,242 คน แบ่งเป็น 2 เขตการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เขต 1 สามารถเลือกได้ 3 คน และเขต 2 เลือกได้ 2 คน ; ในเขต 1 จ.ลำปาง ประกอบไปด้วย 6 อำเภอใหญ่ คือ อ.เมือง, อ.งาว, อ.แจ้ห่ม, อ.วังเหนือ, อ.ห้างฉัตร และ อ.เมืองปาน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 335,241 คน มีผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้น 30 คน จาก 10 พรรคการเมือง ในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 23 ธันวาคมปีที่ผ่านมา
ผลปรากฏว่า ผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชนทั้ง 3 คน ได้แก่ นาย
คณะผู้แทนฯ ได้เข้าพบ นาย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการให้ใบเหลืองเพื่อเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่เขต 1 ไม่มีสถานการณ์ความขัดแย้งหรือความรุนแรงเท่าใดนัก ไม่มีการชุมนุมประท้วง การคุกคามหรือการข่มขู่เจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัดแต่ประการใด ขณะเดียวกัน พยานบุคคลหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องก็ได้รับการคุ้มครองปกปิดเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น คณะผู้แทนฯ ทั้งสองได้เข้าพบพูดคุยกับ พ.ต.อ.
บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ไม่มีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใดที่น่าวิตกเกี่ยวกับทุจริตการเลือกตั้งหรือปัญหาความปลอดภัย เนื่องเพราะสภาพวัฒนธรรมในพื้นที่เอง รวมถึงการแข่งขันของผู้สมัครที่เหลืออยู่ หลังจากที่ กกต.กลาง รับรองไป 2 คน ไม่มีการขับเคี่ยว แข่งขันกันอย่างรุนแรง สืบเนื่องจากผู้สมัครส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกัน แม้จะต่างพรรคแต่ก็เป็นคนพื้นที่เดิมที่เคยร่วมงานกันมาก่อน หรือบางคนเคยอยู่พรรคเดียวกันมาก่อน ขณะเดียวกัน อิทธิพลในพื้นที่หรือฐานคะแนนเสียงมวลชนค่อนข้างตายตัวและชัดเจนในพื้นที่ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นที่คาดคะเนได้และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ทั้งนี้ พื้นที่ฐานมวลชนส่วนใหญ่ เป็นของนาย
อย่างไรก็ตาม บทบาทกลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งบางพื้นที่เคยเป็นฐานสนับสนุนผู้สมัครบางราย ไม่ได้มีการแสดงออกอย่างชัดเจนมากนักในครั้งนี้ และความตื่นตัวของประชาชนมีน้อยเนื่องจากเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม เลือกเพียง 1 คนเท่านั้น และฐานคะแนนเสียงก็มีความชัดเจน ไม่เหมือนช่วงการประชามติรัฐธรรมนูญ หรือการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา ซึ่งจะมีความตื่นตัว แข่งขันกันสูง ตลอดจนมีทหารไปประจำเกือบทุกหน่วยการเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ผู้แทนฯ ได้เดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งซ่อม ใน 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.แจ้ห่ม และ อ.เมืองปาน รวม 14 หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในวัด หรือโรงเรียน สถานศึกษาเด็กเล็ก หรือสถานที่ราชการอื่นๆ บางหน่วยในเมือง ตั้งอยู่ใต้ธนาคารของเอกชน ในแต่ละหน่วยจะมีเจ้าหน้าที่รวมทั้งสิ้น 12 คน 9 คน จะเป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยที่ กกต.เขต เลือกมาทำหน้าที่ และ อีก 3 คน คือ ผู้อำนวยการหน่วย 1 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครูโรงเรียนในท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีก 2 คน ซึ่งคือ ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ (บางพื้นที่เป็นกำนันแทนผู้ใหญ่บ้าน) ทั้ง 12 คน เข้าออกในคูหาได้ตามปกติ แม้ว่าในทางสากลทั่วไป หรือในบางประเทศควรห้ามผู้ใหญ่บ้านซึ่งอาจเป็นหัวคะแนนสำคัญของผู้สมัครฯ นักการเมืองหรือพรรคการเมือง เข้าไปในคูหาก็ตาม แต่ในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานนี้
จากการสังเกตการณ์พบว่า ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีผู้มาลงคะแนนบางตา และน้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไป โดยส่วนใหญ่ในหลายหน่วยเลือกตั้ง มีผู้มาแสดงตนใช้สิทธิประมาณกึ่งหนึ่งเท่านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ข่าว เพราะการประชาสัมพันธ์มีน้อย และบางหมู่บ้านไม่มีประกาศเสียงตามสาย ผอ.หน่วยเลือกตั้งบางหน่วยให้ความเห็นว่า อาจจะเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ที่ผ่านมา เน้นการประชุมที่อำเภอ/เขต ไม่ค่อยได้ลงมาพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง นอกจากการแจ้งผ่านสายการปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือครู และในครั้งนี้เอง ทาง กกต.จังหวัดทุกจังหวัด ไม่มีการทำหนังสือแจ้งเตือนไปตามเลขที่บ้านเพื่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และที่สำคัญ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งที่ไปทำงานนอกบ้าน นอกเขต ต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ ไม่ได้กลับมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งซ่อมเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ไม่มีตัวแทนพรรคการเมืองและอาสาสมัครสังเกตการณ์การเลือกตั้งจากส่วนกลาง หรือ อาสาสมัครนักศึกษา หรือเจ้าหน้าที่จาก กกต.กลาง มาสังเกตการณ์การเลือกเหมือนครั้งที่ผ่านมาแต่อย่างใด ทำให้การตรวจสอบปัญหาการทุจริตหรือการกระทำผิดกฎหมายอาจจะทำได้ง่ายขึ้นหากมีการขายเสียง ซื้อยกหน่วย หรือการจงใจนับคะแนนผิดจากบัตรเลือกตั้งก็ตาม
หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น แต่ละหน่วยได้ทำการนับคะแนนและรวบรวมส่งไปที่สำนักงาน กกต.อำเภอ เพื่อนำส่ง กกต.จังหวัดต่อไปในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ผลที่ออกมาปรากฏว่า ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นว่าที่ ส.ส. ยังคงเป็นคนเดิมที่ได้คะแนนสูงสุด คือ นาย
ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยนอกจากบัตรดีแล้ว มีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนเสียง บัตรเสีย บัตรเปล่า เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย บัตรเสียส่วนใหญ่ มาจากการกา 3 เบอร์เหมือนการเลือกตั้งใหญ่ที่เลือกได้ 3 คน หรือ กาให้เบอร์ของผู้ที่ กกต.ประกาศรับรองแล้ว หรือ กาผิดหมายเลขที่มีอยู่ และการนับคะแนนของแต่หน่วยเองมีชาวบ้านมาสังเกตการณ์ค่อนข้างน้อย และไม่มีตัวแทนพรรคการเมือง
สรุป. ข้อเสนอหลังการสังเกตการณ์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ทั่วไปที่ชัดเจน ทั่วถึง และการมีส่วนร่วมจากประชาชน หน่วยการเลือกตั้งทุกหน่วยควรสร้างมาตรฐานเดียวกันในอนาคตในการจัดการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อการเลือกตั้งในทางตรงและลับที่มีประสิทธิภาพขาดการแทรกแซงจากผู้สมัครหรือหัวคะแนนนักการเมือง การตรวจสอบปัญหาการทุจริตการเลือกตั้งควรมีความยุติธรรม มีการคุ้มครองพยานหลักฐานที่ดีและมีมาตรฐานในการลงโทษตามกฎหมาย รวมถึงควรให้มีศาลเลือกตั้งในอนาคตด้วยเพื่อใช้อำนาจของศาลในการให้ใบเหลืองใบแดงกรณีทุจริต และสุดท้าย ควรจัดให้มีอาสาสมัครสังเกตการณ์การเลือกตั้งจากส่วนกลางทุกครั้งเพื่อป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง .
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)