การเมือง

 

แม่ทัพน้อยที่ 3 อึดอัดนายตำรวจพูดถึงงานพระราชทานเพลิงพระพี่นางฯ ใช้เงิน 750 ล้าน

มติชน - หนังสือพิมพ์มติชนวันที่ 9 ธ.ค. กรอบบ่าย รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวในงานรวมพลังรู้รักสามัคคี คืนวิถีหื้อคนเจียงใหม่ ที่โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท เชียงใหม่ ว่า เรื่องแรกที่อยากพูดคือเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยอมรับว่าขณะนี้ทหารอึดอัดมาก

 

"วันนี้ไม่ได้พูดในนามกองทัพ แม้ที่ผ่านมากองทัพก็ใช้ผมตลอดด้วยความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง เพราะพระมหากษัตริย์คือสถาบัน ไม่สามารถออกมาพูดหรือตอบโต้อะไรได้ วันนี้ในฐานะทหารก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้ แต่มาพูดเพื่อชี้แจง ในช่วงพิธีพระราชทานเพลิงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ผมพบนายตำรวจคนหนึ่งเข้ามาพูดว่าใช้เงินกว่า 750 ล้าน มาสร้างพระเมรุฯ ไม่คุ้มเลย ผมจึงได้พยายามชี้แจงว่าการสร้างพระเมรุฯ เป็นการสืบสานประเพณีดีงาม วัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย ต่างประเทศมองด้วยความชื่นชมนำไปสู่ความรักความสามัคคีของชนในชาติ"

 

แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า อยากให้ตำรวจทำงานให้เร็วหน่อย โดยเฉพาะการตามจับคนที่เป็นต้นตอสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบัน เพราะการรักสถาบัน คือการทำงานที่ไม่ได้นำเงินมาแจก ความจงรักภักดีไม่ได้แจกด้วยเงิน ทำให้คนที่ไม่ได้ประโยชน์จากสถาบันทำนิ่งเฉยเวลาเกิดเหตุหรือผลกระทบต่อสถาบัน ขอให้คนไทยคิดให้ดี การนำสถาบันไปเบี่ยงเบนทำให้เกิดความเข้าใจผิดต้องช่วยกันชี้แจงอย่าให้ใครมาทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์

 

คุณภาพชีวิต

รถไฟเจรจา ทอท.ลดดอกเบี้ย

ข่าวสด - นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ โฆษกคณะกรรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ว่า ที่ประชุมมีมติแก้ปัญหาเรื่องการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้า ภายในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ลงทุนก่อสร้างไปก่อน และตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จให้ดำเนินการเรียกเก็บเงินลงทุนคืนจาก ร.ฟ.ท.ในฐานะเป็นจ้าของโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือ แอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งที่ประชุม ร.ฟ.ท. เห็นว่า อัตราดอกเบี้ย 5% ซึ่งคำนวณจากเงินต้น ค่าก่อสร้าง 4,082 ล้านบาท ทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยเงินลงทุนเดือนละ 17 ล้านบาท เป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป จึงมีมติให้ฝ่ายบริหารไปเจรจากับทอท. เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยจะให้ได้ข้อสรุปภายใน 7 วันข้างหน้า

 

 

อ่าวไทยตอนล่างเรือเล็กงดออกจากฝั่ง 1-2 วัน

เว็บไซต์เดลินิวส์ - กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศลักษณะทั่วไป วันนี้(9 ธ.ค.) ว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนกระจาย ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีฝนสะสมตามบริเวณเทือกเขา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ต่อไปอีก ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วง 1-2 วันนี้

 

สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง

 

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยจนถึงเวลา 06.00 น. พรุ่งนี้ (10 ธ.ค.) กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศา สูงสุด 30 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

ภาคเหนือ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13 องศา สูงสุด 30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14 องศา สูงสุด 29 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมาอากาศเย็น ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร

 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ใกล้ฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

 

 

 

เซเว่นฯ จะขยายให้ครบ 5 พันสาขาปีหน้า

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไม่เลวร้ายเท่าปี 2540 แม้จะมีปัจจัยหลายอย่างที่ ไม่สดใส แต่ขอให้คนไทยอย่าตื่น ตระหนกจนไม่ใช้เงิน ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น

ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์สำหรับตลาดส่งออก แม้จะมีปัญหาในตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและของใช้อื่นๆ ซึ่งน่าจะได้รับผลดีมากกว่า เพราะตอนนี้สินค้าจากจีนมีปัญหาเรื่องคุณภาพ และที่ผ่านมา ชื่อเสียงของอาหารไทยก็เป็นที่ยอมรับ

 

"แม้ปีหน้าจะมีหลายอย่างไม่สดใส แต่คนไทยต้องผ่านไปได้ อาจจะไม่เลวร้ายกว่าปี 2540 ขออย่างเดียวอย่าตื่นตระหนก ยิ่งออกมาพูดว่าเศรษฐกิจไม่ดี ก็ยิ่งจะไม่ดี ขออย่าทำลายตัวเองอีกเลย" นาย ก่อศักดิ์ กล่าว

 

สำหรับภาครัฐบาลไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือการเยียวยา ภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะ เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศมากเกินไปแล้ว ดังนั้นต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

นายก่อศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเซเว่น อีเลฟเว่น ยังคงเดินแผนธุรกิจเหมือนเดิม โดยจะฉลอง 5,000 สาขาในปีหน้า รวมทั้งไม่มีการตัดงบ มีแต่จะลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะการทำธุรกิจของเซเว่นฯ ไม่ได้มองเป็นแค่ธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการ แต่มองว่าเป็นวิถีชีวิตหนึ่งของคนไทย

 

ปัจจุบันเซเว่นฯ มีสาขารวม 4,700 แห่ง และเพิ่มเป็น 4,750 แห่งในสิ้นปีนี้ สำหรับปีหน้ามีแผนขยายอีก 400-450 แห่ง โดยสาขาทั้งหมดเป็นสัดส่วนการลงทุนของบริษัทประมาณ 60% อีก 40% เป็นสัดส่วนสาขาของแฟรนไชส์

 

 

ถึงคิวสิ่งพิมพ์ค่าย "ทริบูน" จ่อล้มละลาย

เว็บไซต์ข่าวสด - เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า กลุ่มกิจการ "ทริบูน" สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา จ้างบริษัทกฎหมายและสถาบันการเงินช่วยร่างแผนประกาศล้มละลายและยื่นเรื่องต่อศาลขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เนื่องจากรายได้ตกต่ำอย่างหนัก ไม่พอจ่ายหนี้สิน ที่เฉพาะดอกเบี้ยพุ่งสูงสุด 34,000 ล้านบาท

 

เครือทริบูนเป็นธุรกิจสื่อที่มีอัตราจ้างงานสูงสุดในสหรัฐและเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น ลอสแองเจลิส ไทมส์ ชิคาโกทริบูน บัลติมอร์ซัน รวมถึงสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก แต่นับจากที่นายแซมมวล เซลล์ มหาเศรษฐีนักลงทุน เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปีก่อน ธุรกิจทริบูนก็ทรุดตัวลงต่อเนื่องเพราะรายได้โฆษณาไม่เข้าเป้าเช่นเดียวกับสื่ออเมริกันเจ้าอื่นๆ ส่งผลให้บัญชีรายรับติดลบอย่างหนัก ขณะที่มูลค่าหนี้สินรวมสูงถึง 401,200 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ คณะผู้บริหารพยายามแก้ปัญหาด้วยการลดพนักงานในกองบรรณาธิการข่าว รวมทั้งขายธุรกิจบางตัวออกไป เช่น "นิวส์เดย์" แต่ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก

 

 

สายการบินชิ่งหนีไทย ฉุดรายได้วิทยุการบินเริ่มติดลบ

แนวหน้า - พล.อ.อ. สมชาย เธียรอนันท์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า บวท.ได้สูญเสียรายได้จากสายการบินที่ทำการบินมายังประเทศไทย ตั้งแต่ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของโลกชะลอตัว ประกอบกับปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้สายการบินต่างประเทศหลายสายการบินจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินมายังประเทศไทย และล่าสุด บวท.ขาดรายได้จากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงที่ผ่านมาประมาณวันละ 10 ล้านบาทอีกด้วย

 

"รายได้ของ บวท.เริ่มติดลบมาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม2551 ที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา สายการบินหลายสายก็ลดค่าใช้จ่ายลง บางสายก็มียกเลิกออกไป"   พล.อ.อ. สมชาย กล่าว

 

ทั้งนี้รายได้หลักของบวท.ส่วนใหญ่แล้วหรือประมาณ 90% นั้น มาจากจำนวนเครื่องบินที่บินเข้าน่านฟ้าประเทศไทย ที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่านำร่องการสื่อสารการบิน และค่าอินฟอร์เมชั่น เซอร์วิช ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาก็มีสายการบินหายไปมาก รายได้ บวท.จึงลดลงตาม" พล.อ.อ.สมชาย กล่าว

 

อย่างไรก็ดี บวท.ได้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายลง ทั้งการตัดเงินล่วงเวลาพนักงาน (โอที) และการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง เพื่อรักษาความสมดุลทางด้านการเงิน โดยคาดว่ารายได้ในช่วงฤดูการท่องเที่ยวจะลดลงด้วย อย่างไรก็ดี บวท.ยังคาดว่าสถานการณ์น่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 และจากนั้นจะเริ่มมีรายได้มาชดเชยในส่วนที่หายไป

 

 

 

 

จลาจล "กรีซ" ลามยึดกงสุลเยอรมัน

เว็บไซต์ข่าวสด - กลุ่มวัยรุ่นชาวกรีกบุกยึดสถานกงสุลกรีซประจำกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี แสดงพลังสนับสนุนกลุ่มนักศึกษาที่ก่อจลาจลต่อต้านอำนาจรัฐและปะทะกับตำรวจอยู่ในหลายเมืองทั่วกรีซ เพราะโกรธแค้นที่ตำรวจกรีกยิงเด็กวัย 15 ปีตาย เมื่อ 8 ธ.ค.

 

เมื่อ 8 ธ.ค. เอพีรายงานว่า กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาในประเทศกรีซยังคงก่อจลาจลเผาเมืองต่อต้านอำนาจรัฐต่อเนื่องเป็นวันที่สาม เพื่อล้างแค้นกรณีตำรวจยิงนายอเล็กซานดรอส กริกอโรปูลัส นักเรียนวัย 15 ปี เสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ เหตุวุ่นวายส่อเค้าบานปลายยิ่งขึ้น เมื่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านประกาศระดมผู้สนับสนุนมาเดินขบวนต้านรัฐบาลด้วย ส่วนกลุ่มวัยรุ่นกรีซราว 15 คน บุกเข้ายึดสถานกงสุลกรีซ ในย่านช็อปปิ้งใจกลางกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงเยอรมนี พร้อมติดป้ายจากหน้าต่างตึกลงมาด้านนอกอาคารว่า "กริกอโรปูลัสถูกฆ่าโดยรัฐบาล" ขณะที่เจ้าหน้าที่เยอรมันเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย

 

ส่วนเหตุการณ์ในกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงกรีซ ลุกลามไปยังอีกหลายเมือง จุดที่ตำรวจปะทะกับม็อบนักเรียน-นักศึกษารุนแรงที่สุดในวันจันทร์ คือที่เมืองทริคาลา ซึ่งฝ่ายม็อบพยายามปิดกั้นทางรถไฟ กับใจกลางเมืองเทสซาโลนิกิ เมืองใหญ่อันดับ 2 ซึ่งนักศึกษาก่อหวอดปาระเบิดขวดและก้อนหินใส่ตำรวจที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ นอกจากนั้น ยังเผารถและทุบทำลายร้านค้าที่อยู่รอบๆ จุดเกิดเหตุอีกด้วย

 

ด้านพรรคคอมมิวนิสต์กรีซและพรรคเปซ็อกแถลงว่าจะระดมผู้สนับสนุนออกเดินขบวนใน 5 เมืองใหญ่ๆ เพื่อโค่นรัฐบาลเนื่องจากแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ขณะที่กลุ่มสหภาพแรงงานกรีซประกาศรวมตัวหยุดงานประท้วงในวันพุธที่ 10 ธ.ค. เพราะไม่เห็นด้วยกับนโยบายปฏิรูประบบจ่ายเงินชดเชยผู้เกษียณอายุ

นายโพรโคพิส ปาฟลอปปูลัส รมว.มหาดไทยเปิดประชุมฉุกเฉินและสั่งให้ตำรวจปรับแผนรับมือให้สอด คล้องกับเหตุการณ์ ส่วนนายกรัฐมนตรีคอสตาส คารามันลิส เขียนจดหมายแสดงความเสียใจส่งไปถึงพ่อแม่ของวัยรุ่นที่เสียชีวิต พร้อมรับปากจะลงโทษตำรวจที่ลงมือลั่นไก และป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

 

สำหรับต้นตอของเหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายอเล็กซานดรอสไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนในย่านเอกซาร์เคีย กรุงเอเธนส์ เขตซ่องสุมของกลุ่มวัยรุ่นคนหนุ่มสาวชาวกรีซที่มีแนวคิดต่อต้านอำนาจรัฐและลัทธิทุนนิยม โดยเรียกตัวเองว่าเป็นพวก "อนาธิปไตย" พยานฝ่ายเหยื่อยืนยันว่าผู้ตายถูกยิงโดยไม่มีเหตุผล แต่ตำรวจอ้างว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นในบริเวณดังกล่าวปิดล้อมและพยายามยึดรถสายตรวจจึงต้องยิงขู่ ไม่ตั้งใจยิงให้ตาย

 

 

ไอร์แลนด์อ่วมรอบ 2 เรียกคืนเนื้อหมูก่อมะเร็ง

เว็บไซต์เดลินิวส์ - ไอร์แลนด์ช้ำหนักพบเนื้อหมูปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง หลังจากเจอวิกฤติเศรษฐกิจถดถอย เผยเนื้อหมูปนเปื้อนอาจถูกส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ มากถึง 25 ประเทศ ขณะที่ร้านค้าทั้งในไอร์แลนด์และต่างประเทศต่างเก็บเนื้อหมูออกจากชั้น ท่ามกลางความวิตกว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก่อให้เกิดมะเร็ง ขณะที่ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากไอร์แลนด์แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน

 

นายแพดดี โรแกน หัวหน้าสัตวแพทย์ไอร์แลนด์ ระบุว่า ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูจากไอร์แลนด์ส่งออกไปยัง 20-25 ประเทศ แต่น้อยกว่า 30 ประเทศ ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางการไอร์แลนด์สั่งเรียกคืนผลิตภัณฑ์เนื้อหมูจากไอร์แลนด์ทั้งหมดที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังตรวจพบสารไดออกซิน ซึ่งเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง ปนเปื้อนอยู่ในหมู ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมาจากอาหารเลี้ยง คำสั่งดังกล่าวก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในไอร์แลนด์ ซึ่งประชาชนมักจะซื้อแฮมในเทศกาลคริสต์มาสในอีกไม่กี่วันนี้

 

ไอร์แลนด์เป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อหมูรายใหญ่ โดยมีอังกฤษเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่สุด ตามด้วยเยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และญี่ปุ่น รวมทั้งฮ่องกง จีน และเนเธอร์แลนด์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่และตำรวจไอร์แลนด์กำลังสอบสวนโรงงานที่อาจผลิตอาหารสัตว์ปนเปื้อนของบริษัท มิลล์สตรีม เพาเวอร์ รีไซคลิ่ง ลิมิเต็ด ใกล้กับเมืองคาร์โลว์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ ด้านนายกรัฐมนตรีไบรอัน โคเวน ของไอร์แลนด์ พยายามคลี่คลายสถานการณ์ โดยรับปากว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการทุกอย่าง ที่ควรจะเป็น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ไอร์แลนด์ให้กลับมาอีกครั้ง วิกฤติครั้งนี้นับเป็นการซ้ำเติมไอร์แลนด์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ซึ่งมีแรงงานในอุตสาหกรรมเนื้อหมูประมาณ 5,000 คน

 

ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศให้จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ระงับการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์เนื้อหมูทั้งหมดจากไอร์แลนด์ ภายหลังพบสารเคมีเป็นพิษในเนื้อหมูที่ถูกฆ่าชำแหละ เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน