Skip to main content
sharethis

"ยิ่งลักษณ์" รู้กลุ่มก่อเหตุคาร์บอมบ์ 2 จังหวัด เร่งล่ามือระเบิด ส่ง "ยงยุทธ-สันติ" เยียวยา ด้าน มาร์คเตรียมตั้งกระทู้สดบึ้มใต้ เผยห่วงรุนแรงเหมือนยุคทักษิณ ส่วนฮิวแมนไรทส์ฯ ชี้ผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์หวังผลความสูญเสียครั้งใหญ่

 
มาร์คเตรียมตั้งกระทู้สดบึ้มใต้-ห่วงรุนแรงเหมือนยุคทักษิณ
 
เนชั่นทันข่าว: 1 เม.ย.2555 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังจากลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ จ.ยะลา และหาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก ตนและคณะได้ลงพื้นที่เพื่อแสดงความเสียใจและให้กำลังใจ รวมทั้งจะช่วยติดตามในประเด็นที่ประชาชนมีความห่วงใย
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า มีปัญหาในเรื่องระดับนโยบายที่ควรจะต้องทบทวนสถานการณ์ว่า เหตุที่รุนแรงขึ้นเพราะอะไร อย่างไร ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขา ศอบต.ไปเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่นั้นคงยังสรุปไม่ได้ แต่ต้องตรวจสอบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายหรือมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ ทั้งนี้ตนเห็นว่านโยบายที่ดำเนินการโดย สมช.มีความต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาระดับนโยบายคือฝ่ายการเมือง และมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ปฏิบัติ อาจทำให้เกิดความสับสนได้ จึงอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเอาใจใส่ติดตามประเด็นในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
 
"ผมเตือนอยู่เสมอว่ามันมีสัญญาณของความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมีความไม่มั่นใจในเรื่องความต่อเนื่องของนโยบายบางด้าน อยากให้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง รัฐบาลต้องพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้นในแง่การเคลื่อนไหวของผู้ที่เกี่ยวข้อง และอยากให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังในการพูดเกี่ยวกับงานด้านความมั่นคงมากกว่านี้ เช่นกรณีที่มีความผิดพลาดในการยิงชาวบ้านแต่มีการใช้คำพูดแบบไม่ระมัดระวังก็ทำให้เกิดปัญหาตามมาเพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นกลุ่มไม่ใหญ่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยิ่งน่ากลัวเพราะถ้ากลุ่มเล็กทำได้ขนาดนี้แล้วกลุ่มใหญ่จะทำได้ขนาดไหน ซึ่งตนย้ำว่านายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งนี้ในสัปดาห์นี้จะได้ตั้งกระทู้สดถามรัฐบาลในสภาด้วย โดยตนมีความเป็นห่วงว่าความรุนแรงจะย้อนรอยกลับไปเหมือนในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลต้องมีความชัดเจนให้ผู้ปฏิบัติทำงานได้อย่างมีเอกภาพ
 
 
"ยิ่งลักษณ์" เผยรู้กลุ่มก่อเหตุคาร์บอมบ์ 2 จว. เร่งล่ามือระเบิด ส่ง "ยงยุทธ-สันติ" เยียวยา
 
มติชนออนไลน์: เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคาร์บอมบ์ในพื้นที่ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มีความคืบหน้าบ้างแล้ว คือพอจะรู้กลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว แต่ขณะนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองทำงาน ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมสำนักข่าวกรองมาดูข้อมูลทั้งหมด ในเบื้องต้นเราได้มีการสั่งการให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ไปดูที่เกิดเหตุทั้งหมดทุกจุดและจะทำงานร่วมกับ ผวจ. และวันนี้ช่วงบ่าย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.หมาดไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะลงพื้นที่ไปเยียวยาช่วยเหลือผู้ป่วยและเสียชีวิต
 
“ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งญาติผู้เสียชีวิตด้วย และสิ่งที่เราดำเนินการเพิ่มเติมคือได้มีการสั่งการทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการเพิ่มกำลังดูแลพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนและบูรณาการกับกำลังของกองทัพ ซึ่งมีรอง ผบ.ทบ.ที่จะลงไปในพื้นที่เพื่อช่วยกันบูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ทั้งการสืบหาข้อเท็จจริงและตัวผู้ร้ายหรือผู้ประสงค์ไม่ดีที่ก่อเหตุ รวมถึงวางแผนในการป้องกัน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
 
เมื่อถามว่า เบื้องต้นมีการประเมินสถานการณ์หรือไม่ว่าที่มีเหตุรุนแรงถี่ขึ้นเพราะอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เราพอทราบคร่าวๆ ขณะนี้ขออนุญาตยังไม่เปิดเผยข้อมูล ขอให้ทางคณะทำงานได้ทำงาน ก่อน แต่พอทราบกลุ่มก่อเหตุด้วยคงต้องลงไปทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ตัวมา
 
เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดเกี่ยวกับขบวนการต่างชาติหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยังไปไม่ถึงตรงระดับนั้น
 
เมื่อถามว่า เป็นการตอบโต้การทำงานของฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขออนุญาตยังไม่ให้ข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำงานสะดวกรวดเร็วขึ้น
 
เมื่อถามว่า นายกฯ คิดว่าจะมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นระลอกสอง-สามตามมาอีกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก วันนี้เราคงต้องทำทั้งสองอย่าง คือสืบหาสาเหตุที่แน่นอนและหาตัวผู้ก่อเหตุไม่สงบ และเรื่องความป้องกันในพื้นที่ได้รับความปลอดภัยจะเสริมกำลังในส่วนของ สตช.และหน่วยอื่นลงไปเพิ่มด้วย และบูรณาการกับกองทัพด้วย
 
เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นเจ้าประจำหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่พูดดีกว่าเพราะเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบากขอให้ได้ตัวก่อนดีกว่าอันนี้จะ เป็นประโยชน์มากกว่า
 
เมื่อถามว่า นายกฯ จะหาโอกาสเดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากไปแต่ที่ไม่ได้ตัดสินใจไปเพราะวันนี้กำลังเจ้าหน้าที่เรามีจำกัดจริงๆ เพราะต้องกระจายไปหลายจังหวัด ถ้าตนลงไปส่วนหนึ่งต้องแบ่งส่วนหนึ่งไปดูแลความปลอดภัย แล้วเราจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากขึ้น คิดว่าเราอยู่บัญชาการประสานงานตรงนี้ดีกว่า แต่เบื้องต้นการเยียวยาได้ติดตามตลอด ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลบางส่วนได้กลับบ้านแล้ว เรื่องแพทย์ฉุกเฉินที่เราทำงานอยู่เราเริ่มทำงานแล้วได้สั่งการทางกระทรวงสาธารณสุขได้ทำงานตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มี.ค.แล้ว
 
 
มท.1 ระบุ นายกฯ บินลงใต้ถกเหตุระเบิด
เนชั่นทันข่าว: เมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (1เม.ย.2555) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เด้นพลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกับเปิดเผยว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ อ.หาดใหญ่ จะต้องมีการบูรณการระหว่าง 3 หน่วยงานคือ หน่วยงานด้านความมั่นคง, ตำรวจ, ศอ.บต.ซึ่งเป็นกำลังหลักในการกำหนดมาตรการต่างๆ ร่วมกัน ขณะที่ความช่วยเหลือและฟื้นฟู พื้นที่ที่ถูกลอบวางระเบิดทั้งในพื้นที่ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่นั้น ทางกระทรวงมหาดไทย จะร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปช่วยเหลือเยียวยา
 
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย เพราะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่แล้ว
 
 
ฮิวแมนไรทส์ฯ ชี้ผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์หวังผลความสูญเสียครั้งใหญ่
เนชั่นทันข่าว: นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรทส์วอทช์ ประเมินการก่อเหตุลอบวางระเบิดในรถยนต์ 3 จุด คือ ที่ห้างสรรพสินค้าลีการ์เด้นส์ จ.สงขลา รวมถึง จ.ยะลา และปัตตานี ว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าไปที่การทำร้ายพลเรือน โดยเฉพาะ 2 จุดที่หาดใหญ่ และยะลา โดยหวังผลให้เกิดความสูญเสียขนาดใหญ่ ซึ่งพิจารณาจากช่วงเวลาและสถานที่ก่อเหตุ

ทั้งนี้ ประเมินว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการตอบโต้ปฏิบัติการของภาครัฐที่ประสบความสำเร็จในยุทธวิธีเข้าหาประชาชน การก่อเหตุเพื่อเป็นการแสดงศักยภาพให้เห็นว่ากลุ่มยังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่ภาครัฐมีการผลักดันกระบวนการเจรจายุติความรุนแรงขัดแย้งในพื้นที่ กลุ่มเหล่านี้ก็จะตอบโต้กลับ จึงมีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ต้องยกระดับการเฝ้าระวัง ควบคู่ไปกับการผลักดันการเจรจา

ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรทส์วอทช์ ยังวิเคราะห์ด้วยว่า เหตุลอบวางระเบิดครั้งนี้ นอกจากจะหวังผลเชิงสัญลักษณ์แล้ว ยังต้องการทำลายความเชื่อมั่น ความเข้มแข็งของรัฐ และเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย

 
 
แม่ทัพภาค 4 ตรวจที่เกิดเหตุบึ้ม รร.ลีการ์เด้นส์
 
เนชั่นทันข่าว: เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 1 เม.ย.2555 พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและรับทราบสถานการณ์กรณีเหตุระเบิดโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกับเผยว่า ทุกฝ่ายจะต้องหามาตรการป้องกันอุดช่องโหว่เพื่อไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ หากจำเป็นต้องหาเครื่องมือมาเพิ่มเติมเชื่อว่ารัฐบาลก็น่าจะสนับสนุนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ขณะนี้จำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเมืองให้กลับมามีสภาพเดิมโดยเร็วสุดโดยเฉพาะสภาพจิตใจของชาวหาดใหญ่รวมถึงในพื้นที่จ.ยะลา ซึ่งมีสภาพไม่แตกต่างกัน ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้นั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานว่าเป็นระเบิดชนิดใดและจุดชนวนด้วยอะไร
 
ทางด้าน นายวันชัย ลีละศิธร เจ้าของโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้เนื่องจากต้องรอให้เจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่เสร็จเรียบร้อยก่อน แต่ยืนยันว่าในโซนที่เกิดระเบิดไม่มีการใช้ถังแก๊สตามที่มีข่าวปรากฏออกมาแต่อย่างใด ทั้งห้องครัวร้านอาหารต่างๆ ล้วนใช้ระบบไฟฟ้าทั้งสิ้น และเจ้าหน้าที่เทศบาลก็ทราบดีเพราะเป็นข้อห้ามในเรื่องของการออกใบอนุญาต เพราะถังแก๊สต้องอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทนำมาวางไว้ชั้นใต้ดินไม่ได้ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไปและเร่งปรับปรุงให้กลับมาเปิดบริการโดยเร็วที่สุดหลังสถานการณ์คลี่คลาย
 
อย่างไรก็ตามล่าสุดในวันนี้ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ได้นำประกาศมาติดห้ามใช้อาคารโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่าชั่วคราวจนกว่าการเคลียร์พื้นที่จะแล้วเสร็จและทางวิศวกรจะเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่ถูกไฟไหม้ให้เพื่อยืนยันถึงความปลอดภัย
 
 
เผยระเบิด รร.กลางเมืองหาดใหญ่ “คาร์บอมบ์” ติดตั้งในฮอนด้าแจ๊ซ ตาย 5 ไอซียู 28
 
มติชนออนไลน์: จากเหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 31 มี.ค. พล.ต.อ.เพียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงตรวจพื้นที่เพื่อดูสภาพความเสียหายของสถานที่เกิดเหตุ เกิดเหตุระเบิดห้างสรรพสินค้าลีการ์เดนส์พลาซ่า ระบุเป็นคาร์บอมที่บรรจุในถังแก๊สเช่นเดียวกับเหตุระเบิดที่ จ.ยะลา และสถานการณ์เชื่อมโยงกัน สั่งคุมเข้มพื้นที่หาดใหญ่ทุกตารางนิ้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่พอทราบกลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว ซึ่งในส่วนของเหตุระเบิดหาดใหญ่มีความเสียหายมาก จากวันนี้จนไปถึงเทศกาลสงกรานต์ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะต้องตั้งด่านตรวจให้ถี่ขึ้นเพื่อป้องกันเหตุร้าย และเหตุระเบิดหาดใหญ่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
 
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เปิดเผยว่าผู้บาดเจ็บขณะนี้อยู่ที่ 354 คน ที่เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 144 คน อาการน่าเป็นห่วงอยู่ในห้องไอซียู 28 คน และเสียชีวิต 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียรวมอยู่ด้วย 1 คน  ส่วนการช่วยเหลือทางจังหวัดจะมอบเงินในกรณีผู้เสียชีวิต หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะจ่ายค่าเยียวยาให้ 50,000 บาท สมาชิกครอบครัว 25,000 บาท
 
ส่วนผู้บาดเจ็บหากรักษาตัวเกิน 1 เดือน จะจ่ายค่าเยี่ยวเบื้องต้นเดือน 3,000 บาท และจะเสนอไปยัง ศอ.บต.เพื่อให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นกรณีพิเศษและ ในวันที่ 1 เม.ย. ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวทุกหน่วย จะตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยจะเปิดศูนย์รับแจ้งผู้สูญหายรวมทั้งทรัพย์สิน
 
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าอยู่บริเวณลานจอดรถชั้นบี 3 ซึ่งเป็นชั้นใต้ดิน พบรถที่ประกอบเป็นคาร์บอมบ์เป็นรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ ยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ใช้ระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สน้ำหนัก 15 กก.แรงระเบิดทำให้รถขาดสองท่อนและ พื้นลานจอดรถเป็นหลุมลึกประมาณ 50 ซม.รัศมีเท่ากับตัวรถ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจในรายละเอียดได้เพราะ ยังมีกลุ่มควันและไอความร้อนอยู่ ขณะที่บริเวณจุดเกิดเหตุมีรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้และถูกสะเก็ดระเบิดพังเสียหายกว่า 100 คัน
 
 
แม่ทัพภาคที่ 4 หารือ นำ “มาตรการพื้นที่ปลอดภัย” กลับมาใช้
 
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.55 เวลา 19.30 น.ณ บริเวณถนนสายรวมมิตร เขตเทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด นอกจากนั้นยังได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ร่วมกับพล.ต.ประตินันท์ สายหัสดี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา, นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลาและ พ.อ.ธนุตม์ พิศาลสิทธิวัฒน์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 เกี่ยวกับการนำมาตรการพื้นที่ปลอดภัยหรือ SAFETY ZONE กลับมาใช้ในพื้นที่นี้อีกครั้ง หลังถูกยกเลิกไปในช่วงที่ผ่านมา
 
พลโท อุดมชัย  ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนเชื่อว่าฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามที่จะก่อเหตุในพื้นที่เมืองให้ได้ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้เปิดแผนปฏิบัติการ เพื่อที่จะจำกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนพวกนี้มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง รวมทั้งมีการจับกุมระดับแกนนำได้หลายคน จึงมีความพยายามตอบโต้ สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้พอที่จะทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มใด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการแจ้งเตือนกันแล้วตั้งแต่รถที่หายไป ให้พยายามตรวจสอบค้นหา แต่ก็คงจะสามารถหลุดรอดในบางจุดเข้ามาได้
 
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนมาตรการ SAFETY ZONE มองว่าคงจะต้องกลับมาทบทวน จะต้องขอความร่วมมือจากประชาชน เพราะเมื่อมี SAFETY ZONE โซนก็มีความปลอดภัย หากพี่น้องประชาชนยังมองว่า SAFETY ZONE ทำให้เสียประโยชน์ ในอนาคตก็อาจจะเจอเหตุการณ์เหล่านี้อีกได้ ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน
 
ส่วนการเยียวยาก็ทราบว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะลงพื้นที่เพื่อดูแลอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองอยากจะบอกกับพี่น้องประชาชนว่า กลุ่มคนที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถึงเวลาแล้วที่องค์กรภาคเอกชนต่างๆ ที่ตรวจสอบความเป็นธรรม ตรวจสอบหลักสิทธิ ให้ออกมาเคลื่อนไหวบ้าง หากยังปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ก่อเหตุโดยไม่มีการประณาม ก็อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net