Skip to main content
sharethis

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ บ.คลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย และผู้ก่อเหตุฯ เสียชีวิต 3 ราย

เว็บไซต์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 พันเอก เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2567 หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดปัตตานี ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาเคลื่อนไหวหลบซ่อนพักพิงและเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ บ้านคลองช้าง ตำบลนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าควบคุมพื้นที่ และได้ปิดกั้นพื้นที่ไว้ จนกระทั่งเวลา 08.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. 2567 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ติดอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ ได้ขว้างระเบิดแสวงเครื่อง (แบบไปป์บอมบ์) และเปิดฉากการยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะ เพื่อพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้สกัดกั้นและทำการยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะกันขึ้น เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย และเสียชีวิต จำนวน 1 นาย

ภายหลังเกิดเหตุ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส เน้นการดำเนินการจากเบาไปหาหนัก และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด รวมทั้งใช้ความพยายามในการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยอมออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้ตามหลักของกฎหมาย โดยได้ขอความร่วมมือผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำศาสนาในการเป็นผู้ช่วยเจรจา

ในวันต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ ที่คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะหลบซ่อนตัว ควบคู่กับการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยอมออกมามอบตัวอย่างต่อเนื่อง และได้มีการปะทะกันขึ้นเป็นระยะ จึงได้ดำเนินการกระชับวงล้อม เพื่อจำกัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความชำนาญในพื้นที่และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน จึงต้องใช้เวลาและความระมัดระวังในการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค. 2567 เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าถากถางพื้นที่เพื่อกระชับวงล้อม ระหว่างนั้นได้ตรวจพบผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 3 ราย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานฯ เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ จากการตรวสอบพบวัตถุพยาน ประกอบด้วย อาวุธปืนสงคราม AK-102 จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนสงคราม M16 จำนวน 1 กระบอก และปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อขยายผลหาความเชื่อมโยงติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net