Skip to main content
sharethis

หลังจากที่มีกลุ่มรณรงค์ด้านสตรีไม่พอใจที่เห็นภาพที่ส่อถึงการสนับสนุนให้ทำร้ายผู้หญิงปรากฏบนเฟซบุ๊ก จึงทำการส่งข้อความทวิตเตอร์หรืออีเมลแจ้งบริษัทที่ลงโฆษณาในเฟซบุ๊กจนกระทั่งมีการปลดโฆษณาประท้วง ทำให้เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์ยอมพิจารณาปรับปรุงระบบตรวจสอบและกำจัดข้อความจำพวก hate speech

สำนักข่าวเดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กเฟซบุ๊กได้สนองตอบการร้องเรียนเรื่องที่มีเนื้อหาสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อสตรีปรากฏในเว็บไซต์หลังจากที่มีการประท้วงด้วยการยกเลิกการลงโฆษณา

เว็บไซต์เฟซบุ๊กได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่าจะปรับปรุงนโยบายในเรื่องการใช้ hate speech ซึ่งก็คือการใช้คำพูดสร้างความเกลียดชังหรือยุยงให้เกิดความรุนแรง โดยจะเพิ่มการตรวจสอบผู้สร้างเนื้อหาอย่างเข้มงวดขึ้น และฝึกฝนให้คณะทำงานของเฟซบุ๊กตอบสนองคำร้องเรียนมากขึ้น

โดยเมื่อไม่นานมานี้ มีกลุ่มสิทธิสตรีเช่น กลุ่ม "ผู้หญิง ปฏิบัติการ และสื่อ" (Women, Action and The Media - WAM!) กลุ่มโครงการศึกษาการเหยียดเพศในชีวิตประจำวัน (Everyday Sexism Project) และนักกิจกรรมโซรายา เชมาลี เรียกร้องให้นำเนื้อหาที่มีท่าทีส่อไปในทางสนับสนุนการข่มขืนและการใช้ความรุนแรงในครอบครัวออกจากหน้าเว็บ

ยกตัวอย่างเช่น ภาพของนักร้องริฮานน่าที่อยู่ในสภาพถูกซ้อมพร้อมคำบรรยายว่า "อัลบั้มรวมฮิตของคริส บราวน์" ซึ่งเข้าใจว่าต้องการล้อเลียนการที่เธอถูกแฟนเก่าทำร้าย มีรูปหนึ่งเป็นรูปของผู้หญิงจมกองเลือดมีคำบรรยายว่า "ฉันชอบสมองของเธอ" อีกรูปหนึ่งเป็นรูปผู้ชายกำลังจะใช้ผ้าปิดปากผู้หญิงโดยมีคำบรรยายว่า "ได้กลิ่นเหมือนยาสลบไหม"

มีกลุ่มนักรณรงค์มากกว่า 100 กลุ่มร่วมประท้วงและเรียกร้องให้เฟซบุ๊กยอมรับว่าเนื้อหารูปแบบดังกล่าวเป็น hate speech และขอให้มีการฝึกคนตรวจตราเว็บคอยลบเนื้อหาเหล่านี้

โดยก่อนหน้านี้ทางเฟซบุ๊กได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นเรื่องของเสรีภาพในการแสดงความเห็น "สิ่งที่คุณคาดว่าจะได้รับจากสังคมที่มีคนเป็นล้านๆ คนอยู่ร่วมกัน ก็มีบ้างอยู่แล้วที่เราจะต้องเห็นพวกเขาโพสต์เกี่ยวกับสิ่งที่ไร้รสนิยม ดูน่ารังเกียจ หรือพยายามทำตลกห่ามๆ มันอาจจะหยาบคายและล่วงละเมิดคนอื่น แต่ตัวเนื้อหาที่ไร้รสนิยมก็ไม่ได้ผิดหลักนโยบายของพวกเรา" โฆษกเฟซบุ๊กกล่าวให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามการรณรงค์ก็เริ่มเป็นผลเมื่อมีผู้คนหลายหมื่นพากันส่งข้อความทวิตเตอร์หรืออีเมลด้วยแฮซแท็ก #Fbrape ส่งไปยังผู้ใช้บริการโฆษณาในเฟซบุ๊ก ตามคำบอกเล่าของกลุ่มผู้หญิง ปฏิบัติการ และสื่อ มีผู้ใช้บริการโฆษณาในเฟซบุ๊กอย่างน้อย 15 รายปลดโฆษณาออก อาทิเช่น บริษัท นิสสัน ประเทศอังกฤษ บริษัท เนชั่นไวด์ ประเทศอังกฤษ กลุ่มเจสตรีท และบริษัทเวสท์โฮสท์

ทำให้ต่อมาเฟซบุ๊กต้องออกแถลงการณ์ขนาดยาวที่กล่าวถึงความพยายามถ่วงดุลเสรีภาพในการแสดงความเห็นด้วยนโยบายสั่งห้าม hate speech

ในแถลงการณ์กล่าวว่า เดิมทีทางเฟซบุ๊กได้สั่งห้ามเนื้อหาที่ดูส่อถึงอันตรายโดยตรงแต่ก็ยังอนุญาตให้มีเนื้อหาที่ล่วงเกินคนอื่นหรือทำให้เกิดข้อโต้แย้ง โดยให้ความหมายของเนื้อหาที่เป็นอันตรายว่าหมายถึงสิ่งใดก็ตามที่เป็นการวางแผนก่อความรุนแรงในโลกภายนอก รวมถึงการวางแผนโจรกรรม ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ หรือทำให้เกิดความเจ็บช้ำใจต่อปัจเจกบุคคล (เช่น การข่มเหงรังแก)

แต่ทางเฟซบุ๊กก็ยอมรับในแถลงการณ์ว่าพวกเขาคำนวนพลาดในเรื่องการถ่วงดุล "ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เห็นชัดเจนว่าระบบการตรวจสอบและกำจัด hate speech ของพวกเราทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับการสร้างความเกลียดชังทางเพศ มีบางกรณีที่พวกเราลบเนื้อหาได้ช้าเกินไป ในอีกกรณีคือเนื้อหาที่ควรจะถูกลบกลับไม่ได้รับการประเมินหรือไม่ก็ถูกประเมินด้วยวิธีวินิจฉัยที่ล้าสมัยของพวกเรา พวกเราได้ทำงานพัฒนาระบบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อตอบสนองต่อการรายงานเรื่องเนื้อหาที่ผิดจากมาตรฐาน แต่แนวทางที่ระบบของพวกเรานำมาใช้ก็ไม่สามารถตรวจจับเนื้อหาที่ผิดจากมาตรฐานทั้งหมดได้"

ทางเฟซบุ๊กยังได้สัญญาว่าจะมีการพิจารณาและปรับแนวทาง ซักซ้อมเพื่อพัฒนาผู้สอดส่องดูแล และมีช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการมากขึ้นกับกลุ่มรณรงค์ รวมถึงมีการตรวจตราเนื้อหาที่อาจไม่เข้าข่าย hate speech แต่ก็ส่อถึงความโหดร้ายหรือไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น โดยที่นวัตกรรมก่อนหน้านี้ที่บังคับให้ผู้สร้างเนื้อหาต้องเปิดเผยตัวตนจริงก็ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้น และทางเฟซบุ๊กจะพัฒนาตรงจุดนี้มากขึ้น

แจคลิน ฟรายด์แมน ผู้อำนวยการกลุ่มผู้หญิง ปฏิบัติการ และสื่อ กล่าวชื่นชมการตอบสนองของเฟซบุ๊กในครั้งนี้รวมถึงกล่าวยกย่องตัวบริษัทเฟซบุ๊กเอง "พวกเราหวังว่า ความพยายามในครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังจากความร่วมมือในการปฏิบัติการ"


เรียบเรียงจาก

Facebook gives way to campaign against hate speech on its pages, The Guardian, 29-05-2013

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net