Skip to main content
sharethis

คำปราศรัยสุเทพ 13 พ.ค. อธิบายต้องโค่น “ระบอบทักษิณ” เพราะคิดรวบอำนาจ แบ่ง ปปช.ด้วยวาทะ “ไพร่-อำมาตย์” คิดแยกประเทศไปตั้งเมืองหลวงเชียงราย แต่เกิดแผ่นดินไหวเสียก่อน-ย้ำ กปปส. ต่อสู้โดยชอบตาม รธน. ไม่ใช่กบฎ ปลายทางคือปฏิรูปประชาธิปไตยสมบูรณ์มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เหมือนประชาธิปไตย “แบบประธานาธิบดีของสาธารณรัฐล้านนา” ย้ำวุฒิสภาอย่ายึกยัก-หน้าที่คือหานายกรัฐมนตรี-จะให้เวลาวันสองวันนี้

14 พ.ค. 2557 – เมื่อเวลา 20.45 น. วานนี้ (13 พ.ค.) ที่เวทีราชดำเนินนอก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นเวทีถนนราชดำเนินนอก ขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายสุเทพกล่าวว่าจะทบทวนให้ผู้ชุมนุมว่าในรอบการต่อสู้กว่า 6 เดือนนั้นเราสู้ทำไม สู้เพื่ออะไร

 

สุเทพอธิบายต้องล้มล้างระบอบทักษิณ เพราะใช้อำนาจตามอำเภอใจ เพื่อแสวงหาประโยชน์

โดยตอนต้นนายสุเทพกล่าวว่า ที่มวลมหาประชาชนออกมาต่อสู้ครั้งนี้ “เพื่อต่อต้านและล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย คนบางคนยังสงสัยอยู่ว่าทำไมต้องไปล้มล้างระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณเป็นอย่างไรถึงต้องไปล้มล้าง เราต้องพากเพียรอธิบายที่เราต้องล้มล้างระบอบทักษิณเพราะมันทำลายประเทศชาติ ทำลายรากฐานประชาธิปไตยจนยับเยินหมดแล้ว”

สุเทพอธิบายต่อไปว่า “ระบอบทักษิณเป็นระบบที่นายทุน ที่ทุจริตไม่ใช่นายทุนดีๆ นะ นายทุนทุจริต สามานย์ มองการเมืองเป็นธุรกิจ เอาเงินจำนวนมากมายมหาศาลมาลงทุนทางการเมืองเพื่อหวังกอบโกยกำไรคืน เอาเงินทุนนั้นมาใช้ในทางทุจริต ซื้อทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอะไรก็แล้วแต่ ซื้อได้ซื้อหมด ทั้งซื้อทั้งจ้าง ทั้งติดสินบน ด้วยเงินอุบาทว์ของมัน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศไทย แล้วพอพวกมันได้อำนาจ มันก็เอาอำนาจนี้มาโกงชาติ โกงแผ่นดิน โกงประชาชน โกงแม้กระทั่งชาวนาซึ่งถือว่าลำบากยากจนที่สุดในแผ่นดินนี้ มันก็โกงไม่เหลือ”

“ระบอบทักษิณทำทุกอย่าง เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ แล้วมันใช้อำนาจนั้นตามอำเภอใจของมัน ไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่ฟังความมีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น มันใช้อำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์ของมัน อย่างที่เรียกว่าไม่เคยมีปรากฏมาในประเทศไทย ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนครับที่จะได้มีการเอาอำนาจการเมืองมาแสวงหาประโยชน์กันเอิกเกริกว่ามันโกงทั้งโคตร โคตรโกง เกิดมาในชีวิตก็เพิ่งได้ยินคราวนี้ละโว้ย

แล้วต้องย้ำกันให้ยินชัดๆ อีกครั้งหนึ่งว่า ระบอบทักษิณนั้น ห่างไกลจากคำว่าประชาธิปไตยลิบลับ มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย มันเป็นเผด็จการตั้งแต่ต้นจนถึงปลาย ถึงโคน ถึงกิ่ง ถึงใบ ถึงดอก ใบไปหล่นอยู่ที่ดินก็ยังเป็นเผด็จการใบเน่าๆ นั่นแหละ มันเป็นเผด็จการตั้งแต่ในพรรค เพราะมันเป็นเจ้าของพรรค บงการพรรค ทุกคนต้องฟังพรรค เผด็จการในพรรคแล้ว ก็ไปเผด็จการต่อในสภา ในรัฐบาล และพยายามเป็นเผด็จการครอบคลุมทั้งประเทศ นี่คือบทที่พอสรุปสั้นที่สุดของระบอบทักษิณที่เราต้องทำลายโค่นล้มให้หมด ก่อนที่มันจะทำลายประเทศไทยที่รักของเรา”

 

ระบอบทักษิณทำลายกลไกพรรคการเมือง เป็นธุรกิจการเมืองเพื่อประโยชน์นายทุน

ทั้งนี้สุเทพกล่าวหาว่าระบอบทักษิณได้ทำลายกลไกต่างๆ เช่น ทำลายระบบพรรคการเมือง ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่ระบบการเมืองเละเทะ เหลวแหละ ยับเยิน กลายเป็นแก็งค์โจร ก๊วนโจร มีอุดมการณ์เพื่อบ้านเมืองเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

“ที่ผมบอกว่ามันทำลายพรรคการเมืองคือ ทุกประเทศในโลก คนที่มีความคิด อุดมการณ์ อย่างเดียวกัน แนวเดียวกัน เขารวมตัวกันตั้งพรรคการเมืองเพื่อที่จะดำเนินกิจการในทางการเมือง ให้ไปสู่แนวอุดมการณ์ที่เขาเชื่อถือศรัทธา เป็นเรื่องดีงาม เป็นประโยชน์กับประเทศชาติประชาชน เขาเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ดูระบอบทักษิณสิครับ มันไม่ใช่พรรคการเมืองของคนที่มีอุดมการณ์ มีแนวคิดเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคการเมืองนายทุน ที่เห็นช่องทางว่าทำธุรกิจอื่น รวยช้า รวยน้อย รวยไม่ทันใจ แต่ถ้าทำธุรกิจการเมืองมันรวยเร็ว รวยคุ้ม รวยเหลือเฟือไม่มีที่สิ้นสุด นายทุนพวกนี้จึงเอาเงินมาลงทุนตั้งพรรคการเมือง ใช้พรรคการเมืองหากิน หาประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ให้ครอบครัวเจ้าของทุนนี่เป็นเรื่องการทำลายความดีงามของพรรคการเมือง จนวันนี้เมื่อประชาชนได้ยินคำว่านักการเมือง พรรคการเมือง จึงดูถูก เหยียดหยาม รังเกียจ นี่ผมหมายถึงคนดีๆ นะครับ”

“นี่เป็นความจริงที่เราต้องพูดกันตรงๆ ถ้าวันนี้นายสุเทพ ยังเดินมาบอกพี่น้องว่ายังเป็นนักการเมืองอยู่ ยังเป็นคนในสังกัดพรรคการเมืองอยู่ ผมเชื่อว่าไม่มีพี่น้องมาเดินเคียงบ่าเคียงไหล่มาต่อสู้ร่วมกับผม ที่พี่น้องประชาชนเมตตาไว้วางใจและเชื่อโดยสนิทใจก็คือวันที่ผมประกาศว่า ผมเลิกเป็นนักการเมืองแล้ว ไม่เป็นนักการเมืองอีกต่อไปในชีวิตนี้ ตัดขาดจากพรรคการเมืองตั้งแต่วันที่ลงมาสู้กับพี่น้องประชาชน นั่นแหละ พี่น้องถึงเชื่อใจ”

“เพราะอะไรครับ เพราะพฤติกรรมของพรรคการเมือง นักการเมือง ในระบอบทักษิณ มันทำลายความรู้สึกดีๆ ของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองและนักการเมืองไปหมดสิ้นยับเยินแล้ว ไม่เหลือความไว้เนื้อเชื้่อใจพรรคการเมือง นักการเมืองอีกต่อไป เมื่อนายทุนมาลงทุนตั้งพรรคการเมือง พวกมันก็บริหารพรรคการเมืองเหมือนกับบริหารบริษัท ใหญ่อยู่เฉพาะคนที่ถือทุน คนที่มีเงิน คนเป็นเจ้าของเงิน เลยทำตัวเป็นเจ้าของพรรค ครอบครัวเดียว ประชาชนคนอื่นๆ สมาชิกคนอื่นไม่ได้หุ้นกับมันเลย ฟังมันบงการคนเดียวทุกอย่าง”

 

ระบอบทักษิณปกครองประเทศโดยไม่คำนึงนิติรัฐ-นิติธรรม ก่อสงครามยาเสพติด-อุ้มฆ่าที่ชายแดนใต้

ประการต่อมาสุเทพกล่าววว่า ระบอบทักษิณปกครองประเทศโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม คิดรวบอำนาจตุลาการ โดยสุเทพอธิบายว่า “ที่เขาพูดว่า Rule of Law Rule by Law มันไม่ฟัง มันไม่เชื่อ ถือว่าอำนาจอยู่เหนือกฎหมาย มันปกครองโดยอำนาจ ตามอำเภอใจ ปกครองประเทศนี้ตามอำเภอใจมันทุกอย่าง ไม่เคยมี ไม่เคยปรากฏ แต่มันทำได้แถมอยู่ได้นานด้วย 10 กว่าปี แถมเราเกือบตายกันหมด มันไม่มีกฎหมายที่ไหนหรอกที่จะให้คนนายกรัฐมนตรีสั่งฆ่าคนได้ 2,000 คน อ้างว่าทำสงครามยาเสพย์ติดชีวิตผู้บริสุทธิ์มากกว่าครึ่งหนึ่งไม่ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์เลย เพราะต้องสังเวยชีวิตให้ระบอบทักษิณ นี่เป็นประจักษ์พยานของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ควรละเลย คนที่สามจังหวัดชายแดนใต้ถูกอุ้มฆ่า เพราะถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่แบ่งแยกดินแดน แล้วก็แผ่นดินลุกเป็นไฟ ตายมาครึ่งหมื่นแล้ว นี่ก็อำนาจตามอำเภอใจของมัน”

“มันไม่เคารพหลักการแบ่งแยกอำนาจ ที่เขาแบ่งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติคือรัฐบาลและสภา ทักษิณบงการคนเดียวมาตลอด แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่จะตัดสินใจเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม พี่น้องต้องจำได้ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ บินไปพบทักษิณแล้วกลับมาประกาศหน้าตาเฉยว่าทักษิณสั่งว่าต้องเดินให้สุดซอย จำได้ใช่ไหมครับ ชัดเจนที่สุดครับพี่น้องครับ”

 

ระบอบทักษิณคิดรวบอำนาจตุลาการ พอทำไม่สำเร็จจึงอาฆาตศาล

“รวบอำนาจทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติในมือของมันไม่พอ ยังคิดรวบอำนาจฝ่ายตุลาการ ใต้อุ้งมืออุ้งเท้าอีก ถึงคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ต่อไปนี้ ต้องให้การแต่งตั้งประธานศาลฎีกา และผู้บริหารศาลทั้งหลาย ตั้งโดยมือของพวกมันคือสภา อ้างว่าเพื่อให้เกิดการยึดโยงประชาชน พี่น้องครับเดชะบุญที่มันทำไม่สำเร็จ ศาลของเราฝ่ายตุลาการ จึงเป็นอำนาจอธิปไตยฝ่ายเดียวที่มันครอบงำไม่ได้จนถึงวันนี้ มันถึงอาฆาตศาลไงละครับ”

“เพราะมันอาฆาตศาล ถึงได้เห็นว่าสมุนบริวารโจรเอาปืนเอ็ม 79 เอาอาวุธสงครามไปยิงศาลแพ่ง ศาลอาญา ไปยิงบ้านพักผู้พิพากษาทั้งหมดนี้มันคุกคามข่มขืนไม่ให้กระบวนการยุติธรรมแตะต้องพวกมันได้ ถ้ามันเสียที พลาดท่า มันก็บ่อนทำลายกระบวนการตุลาการ กระบวนการยุติธรรม กล่าวหาว่าสมคิบคิดกับฝ่ายอื่น ข่มเหงรังแกมัน กล่าวหาว่าศาลสองมาตรฐาน มันให้สมุนของมันเหยียดหยาม ดูหมิ่นศาลและฝ่ายตุลาการ รวมทั้งการประทุษร้ายด้วยอาวุธและบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับฝ่ายตุลาการมาโดยตลอดนี่แหละครับที่ผมเรียนกับพี่น้องว่า มันทำลายทุกอย่างทั้งหลักนิติธรรม และหลักพื้นฐานของประชาธิปไตย”

“ต้องถามว่า แล้วมันทำได้อย่างไร มันทำได้เพราะมันอ้างเสียงข้างมาก มันอ้างว่ามันมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกพวกมันเป็นเสียงข้างมัน เมื่อมันได้เสียงข้างมาก แสดงว่าประชาชนเต็มใจมอบอำนาจให้ และมันสามารถสามารถใช้อำนาจตามเสียงข้างมากนี้เพื่อประโยชน์ของมันและพวกมันโดยไม่มีลิมิต ไม่มีข้อจำกัด ไม่คำนึงเหตุผลใดๆ ไม่เกรงใจคนที่เลือกมันด้วย เหมือนที่มันแสดงออกมาที่เราเห็นประจักษ์กันอยู่”

“พฤติกรรมพวกมันทำลายระบอบประชาธิปไตย ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสื่อมทรามกลายเป็นระบอบเผด็จการเสียงข้างมาก และทำให้ประชาชนผู้ตื่นรู้เช่นท่านทั้งหลายหมดความไว้เนื้อเชื่อใจพรรคการเมือง นักการเมืองอีกต่อไป ประชาชนไม่ไว้ใจแล้วว่ารัฐสภา รัฐบาลของพวกนี้จะรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ประชาชนเชื่อว่าพวกนี้ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์พวกมัน ไม่สนใจส่วนรวมว่าจะเสียหายด้วย”

 

คิดทำลายระบบราชการ เกิดวาทะมีวันนี้เพราะพี่ให้

สุเทพกล่าวด้วยว่า ระบอบทักษิณยังคิดทำลายระบบราชการ “พฤติกรรมของระบอบทักษิณที่พี่น้องประชาชนเห็นประจักษ์อีกเรื่องหนึ่ง คือการที่มันทำลายระบบราชการ ทำลายระบบการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน เพื่อการทุจริต คอร์รัปชั่น มันแทรกแซงบ่อนทำลายระบบราชการ ด้วยอำนาจของมัน ด้วยอิทธิพลของมัน ทำให้ระบบราชการเสื่อมประสิทธิภาพ ข้าราชการแทนที่จะรับใช้ราชการ กลับกลายเป็นรับใช้ ประโยชน์ส่วนตัว หรือเฉพาะกลุ่ม ของนายทุนที่คุมอำนาจรัฐ แล้วก็ เกิดข้าราชการสายพันธุ์ใหม่ที่ทั้งด้าน และกล้าเปิดเผยความดื้อด้านประกาศตัวเองชัดเจนว่าได้ดิบได้ดี เพราะการชุบเลี้ยงของทรราช ถึงขนาดบอกว่า "ได้ดีเพราะพี่ให้"”

“จึงมีข้าราชการที่ไม่รักษากฎหมาย ไม่รักษาความเป็นธรรมให้บ้านเมืองอีกต่อไป ระบบราชการและข้าราชการในยุคสมัยที่ระบอมทักษิณมีอำนาจ จึงกลายเป็นเครื่องจักร เครื่องมือ คบคิดวางแผน กำหนดโครงการ เสนอโครงการ ดำเนินการจัดสรรงบประมาณ เพื่อการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงกันอย่างเอิกเกริกที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศนี้ และได้ทำลายระบบคุณธรรมอันดีงาม ของระบบราชการที่มีมาแต่โบราณ ลงอย่างสิ้นเชิง”

“วันนี้กลายเป็นระบบราชการที่อุปถัมภ์กัน เล่นพรรคเล่นพวก อยู่เฉพาะในหมู่คนที่ภักดีต่อมันเท่านั้นถึงจะได้ดิบได้ดี เราจึงเห็นปลัดกระทรวง อธิบดี ไปก้มหัวกราบเท้าให้มันโขกกะโหลกแล้วกลับมาดำรงตำแหน่ง ปลัดเหล่านั้นจึงมาสั่งข้าราชการ ไม่ให้มายุ่งกับเรา”

 

ระบอบทักษิณคิดทำลายสื่อมวลชน ทำให้อิสระในการทำหน้าที่สื่อหมดไป

สุเทพปราศรัยด้วยว่าระบอบทักษิณคิดทำลายสื่อมวลชน “อีกประการหนึ่งที่ผมต้องนำมากราบเรียนว่า เราเห็นเป็นเรื่องเคยชิน ธรรมดาแล้ว แต่ผมเห็นว่านี่เป็นการทำลายรากฐานระบอบประชาธิปไตยที่ร้ายแรง คือการที่ระบอบทักษิณไปทำลายความอิสระ ความเป็นกลางของสื่อมวลชนในประเทศนี้ลงอย่างสิ้นเชิง”

“มันใช้ทั้งอำนาจ อิทธิพล ใช้ทั้งเงิน ผลประโยชน์ เข้าไปครอบงำสื่อมวลชนทั้งที่เป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรทัศน์ มันใช้งบประมาณแผ่นดิน รัฐวิสาหกิจ ที่เป็นงบโฆษณาหลอกล่อใจสื่อมวลชนเหล่านั้น ถ้ารับใช้มัน เอาเงินก้อนใหญ่ไป เอาโฆษณา ปตท. การบินไทย เอาชิ้นสำคัญๆ ทั้งหมด แต่ถ้าไม่รับใช้ ไม่ได้ ต้องก้มหัวมา คลานมา คอลัมนิสต์สำคัญๆ ส่งเสียลูกเมียให้ ให้ลูกไปเรียนเมืองนอกก็มี ในที่สุดสื่อมวลชนเหล่านี้ พิธีกรเหล่านี้ก็กลายเป็นขี้ข้าทักษิณ หมดความเป็นอิสระในการทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนของประชาชนต่อไป”

“บางรายด่าเปิดเผย ชัดเจน ด่าอย่างไรก็ได้ อย่างเช่น มติชนกับข่าวสด นี่ชัดเจนเปิดดูได้ทุกหน้า นอกนั้นอาจจะทำเนียนๆ ทำเหนียมๆ ด่าบ้างนิดหน่อย เชียร์เยอะๆ ทำชั่วก็ช่วยปิดบังให้ พอดีพอร้ายก็ช่วยสรรเสริญ เยินยอ ประชาชนเลยถูกปิดหูปิดตา ไม่มีโอกาสรู้ข้อมูลความจริง ในสถานการณ์จริงที่เกิดในบ้านเมือง เพราะสื่อเข้าข้างมัน ช่วยเหลือมัน ขนาดคนดีๆ วิจารณ์มัน มันก็ให้นักเลง อันธพาลข่มขู่ ไม่ต้องไปดูใครไกล อยู่ข้างเวทีเราทุกคืน "พี่ชัย ราชวัตร" โดนเข้าไปกี่ดอกกี่ขนานแล้ว แค่เขียนการ์ตูนวิจารณ์มันก็เกือบไม่มีชีวิตรอดอยู่ในแผ่นดินนี้แล้ว ผมถือว่าเป็นภัยร้ายแรงที่สุด ที่ทำกับระบอบประชาธิปไตย และถ้าประเทศเป็นแบบนี้ทั้งหมด สื่อมวลชนกลายเป็นแบบนี้หมด เราประชาชนหูตามืดบอด โชคดีที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์จากประชาชนถึงประชาชนยังทำงานได้ผล เรายังสามารถพึ่งพาอาศัยการส่งข้อมูลข่าวสารแท้จริงถึงกันได้โดยวิธีนี้”

“ผมคิดว่าเรายอมทำเป็นเคยชิน คุ้นเคยกับเรื่องนี้ไม่ได้ครับ ยอมให้ประเทศถูกปิดบัง ถูกมอมเมาด้วยความเท็จ ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ มาร์เก็ตติ้งที่มีประสิทธิภาพต่อไปไม่ได้ เพราะทำให้ประเทศไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่สามารถแยกแยะเรื่องดีเรื่องชั่ว เรื่องถูกเรื่องผิด เพราะสื่อปิดบังประชาชน นี่เป็นภัยร้ายแรงที่สุดต่อระบอบประชาธิปไตยของทุกประเทศ”

 

ระบอบทักษิณทำให้คนไทยแตกแยกแบ่งฝักฝ่าย “ไพร่-อำมาตย์”

สุเทพปราศรัยต่อไปว่า “ที่ปวดร้าวใจที่สุด ระบอบทักษิณ บังอาจมาก ทำลายความรักความสามัคคี ความสมานฉันท์ของคนในชาติ ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหน ที่ประชาชนในประเทศนี้ ในแผ่นดินนี้เกิดการแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเหมือนสมัยทักษิณมาครองเมือง”

“ผมถือว่าเรื่องนี้เป็นการทำร้ายชาติอย่างสาหัสากรรจ์ที่สุด พวกเราคนไทยชอกช้ำใจ ที่เห็นพวกมันปลุกปั่นยุยงให้คนไทยแบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย ผมเชื่อเหลือเกินครับว่าพี่น้องประชาชนพลเมืองดีในประเทศนี้ทั้งหลายเคยได้ยินวาทะกรรมเรื่อง "ไพร่-อำมาตย์" ที่มันใช้เป็นวาทกรรมแบ่งแยกคนในแผ่นดินนี้แล้ว เจ็บปวด ช้ำใจ ไม่รู้จะสู้กับมันอย่างไร เพราะมันพูดได้ข้างเดียว มันเคลื่อนไหวฝ่ายเดียว และมันทำต่อเนื่องมาเป็นสิบๆ ปี จนคนฟังนึกเอาเองว่าไพร่มีจริง อำมาตย์มีจริง เป็นคนละพวกกันจริงๆ ต้องสู้กันจริงๆ ต้องฆ่ากันจริงๆ ต้องล้มล้างกันจริงๆ นี่คือความอุบาทว์ของมันครับ”

 

อัดปาฐกถามองโกเลียของยิ่งลักษณ์ ทำลายชื่อเสียงเกียรติภูมิชาติไทย

นอกจากนี้สุเทพยังปราศรัยโจมตีปาฐกถาที่มองโกเลียของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยว่า “มันยุยงให้คนไทยเกลียดชังกัน แล้วมันเองออดอ้อนสร้างเรื่องขึ้นมา บอกว่ามันถูกข่มเหงรังแก ทุกครั้งไม่ว่าตัวมันเองไอ้ทักษิณ และน้องสาวจอมตอแหล อีนังดอกงิ้ว เวลาไปพูดกับสังคมโลกกับต่างประเทศไปหลอกลวงเขาทั้งโลก ว่าพวกมันเป็นนักประชาธิปไตยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่คนไทยไม่ให้โอกาส คนไทยกลั่นแกล้งมัน พี่มันจึงอยู่ในประเทศนี้ไม่ได้”

“นี่มันตอแหล อีนังตอแหล ผมด่ามันคนแรกว่า นังตอแหล ผมด่าเพราะผมเจ็บใจ ที่มันไปตอแหล ทำลายชื่อเสียงเกียรติภูมิความดีงามของชาติไทย มันไม่เคยพูดความจริงว่าคนไทยไม่มีใครไปรังแกมัน มีแต่มัน ครอบครัวมัน โคตรตระกูลมันที่กระทืบคนไทย วันแล้ววันเล่ามาสิบปีแล้ว ไม่เคยคนไทยคนไหนขับไล่ไสสงไอ้ทักษิณไปอยู่ต่างประเทศ คนไทยรู้ คนไทยเข้าใจ ว่าคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ มีความเป็นไทยเท่ากันเสมอภาคกัน มีสิทธิอยู่จนตายบนแผ่นดินนี้ ที่มันไปเพราะมันปล้น มันฆ่า แล้วมันหนีคดี มันหนีศาล”

“แต่เพราะสันดานชั่วสันดานเลวของมัน มันใช้เงินที่ปล้นมาจากพวกเรา ไปจ้างล็อบบี้ยิสต์ ทนายโจร ด่าคนไทย ด่าประเทศไทย ด่าศาลไทย แล้วพวกมันยังหน้าด้านเอามาขึ้นเวทีถนนอักษะ ด่าเราต่อหน้าต่อตาไม่เกรงใจเราเลยอีกด้วย”

 

ระบอบทักษิณคิดแบ่งแยกประเทศ ตั้งเมืองหลวงที่เชียงราย แต่เกิดแผ่นดินไหวเสียก่อน

“ความคิดในการทำลาย ความสามัคคี สมานฉันท์ของคนในชาติ ของระบอบทักษิณ เหิมเกริมถึงขึ้นจะทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของชาติไทย ความเป็นเอกภาพของชาติไทย ความเป็นราชอาณาจักรของประเทศไทย จนถึงขั้นบังอาจประกาศว่าจะแบ่งแยกแผ่นดิน แยกกันเลย ไม่อยู่ร่วมกัน กลายเป็นไทยเหนือ ไทยกลาง ไทยใต้ มันถึงบังอาจจะไปตั้งเมืองหลวงอยู่ที่เชียงราย โชคร้ายแผ่นดินไหว ใจสั่นไหมละมึง”

“มันเคยมีที่ไหนละครับพี่น้องในโลกนี้ที่รัฐบาลคิดแบ่งแยกดินแดน มันไม่เคยมี มีแต่พวกเปรตนี้เท่านั้น ที่ไหนๆ ในโลกเขาก็มีแต่รัฐบาลอย่างให้รัฐบาลเป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นเอกราช มี Unity ขึ้นมาได้ ไม่มีการแบ่งแยก มีแต่พวกเปรตนี้เท่านั้นที่คิดแบ่งแยก พอสู้ไม่ได้ คิดแยกประเทศ แยกแผ่นดิน”

 

ระบอบทักษิณยังมีอีกเรื่องที่ทำร้ายจิตใจทุกวันและจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด แต่จะยังไม่พูดวันนี้

สุเทพปราศรัยต่อว่า “ผมกราบเรียนกับพี่น้องว่า 5-6 ประการที่ผมยกมา ผมยังเว้นเรื่องสำคัญที่คนไทยเก็บไว้ในใจและไม่พูด แต่เป็นความชั่วช้าเลวทรามแสนสาหัสของมัน ที่ทำลายจิตใจพวกเราในเรื่องนี้ทุกวี่ทุกวัน และไม่มีวันอภัยให้มันโดยเด็ดขาด”

“พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ผมจำเป็นต้องนำมาพูด มาเรียงลำดับเพื่อชี้ให้ชัดเจนว่า ไอ้ระบอบทักษิณที่มวลมหาประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อโค่นล้มกำจัดให้หมดไปจากประเทศไทยนั้น เป็นศัตรูร้ายของแผ่นดิน และทำร้ายประเทศไทย เราคนไทยไม่สามารถทนทานได้อีกต่อไป เพราะเรารักชาติรักแผ่นดิน เราเป็นห่วงอนาคตลูกหลานเรา ท่านที่มีใจสวยโลกสวยทั้งหลายโปรดเข้าใจมวลมหาประชาชนด้วยครับ ขอร้องเท่านี้”

 

ย้ำการต่อสู้ กปปส. ชอบตามรัฐธรรมนูญ ม.69 ไม่มีสิทธิมากล่าวหาว่าเป็นกบฎ

“และขอเรียนยืนยันว่าการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ที่ได้กอดคอต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ เราสู้แบบพลเมืองดี สู้แบบสงบ สู้อย่างสันติ มือเปล่า ไม่มีอาวุธ ไม่มีใจชั่ว ไม่เคยคิดทำลายใคร เราไม่คิดฆ่าใคร ไม่เคยคิดเผาบ้านใคร หรือเผาสถานที่ราชการ ไม่เหมือนไอ้โคตรพ่อโคตรแม่ของพวกมึง ที่เลวระยำที่สุดที่ทำกับชาติ แผ่นดินของกู”

“เรามวลมหาประชาชนต่อสู้ตามสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ และที่เราประกาศว่าเราต่อต้าน เรามุ่งมั่นโค่นล้มระบอบทักษิณ มันไม่มีสิทธิที่มากล่าวหาพวกเราว่าเป็นกบฎ เพราะเราทำคราวนี้ ทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 ที่ได้มีบทบัญญัติไว้ว่าเมื่อคนที่เป็นรัฐบาลมีพฤติกรรมที่เป็นทรราช ตามที่ผมเรียงมาให้เห็นนั้น แล้วมาทำลายชาติ ทำลายแผ่นดิน ทำลายอนาคตลูกหลานเรา เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่เราจะลุกขึ้นต่อต้านทรราชด้วยวิธีการสันติ สงบ อหิงสา”

“มวลมหาประชาชนได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรานี้ และต้องยกย่อง ให้ความเคารพในความมีธรรมะ ในความสูงส่งของจิตใจของมวลมหาประชาชน ที่เป็นคนดี พลเมืองดี รักพวกรักพ้อง รักคนไทยทั้งชาติ มาสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน แต่มันกลับใช้สมุนบริวารโจร มาประทุษร้าย ลอบกัดครั้งแล้วครั้งเล่า บาดเจ็บไปตั้ง 700 คน เสียชีวิตไปตั้ง 20 คน ลูกกำพร้าที่ไม่มีอนาคต มีชีวิตที่ไม่มีหางเสือ อยู่ในความโอบอุ้มของมวลมหาประชาชน แต่มวลมหาประชาชนก็ไม่ลุแก่โทสะ หรือตอบโต้ด้วยความเคียดแค้น ยังรักษาธรรมะในหัวใจจนถึงวันนี้”

“เรายืนยันสู้คราวนี้ตามสิทธิที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 69 ไม่ได้ออกไปนอกกรอบเลยจนวันนี้ และที่เราต่อต้านมัน เราตั้งใจโค่นล้มมัน เราไม่ได่ทำเพื่อตัวเอง เพราะเราไม่ใช่นักการเมือง เราไม่ใช่พรรคการเมืองเป็นคนธรรมดาสามัญชน เป็นคนที่พวกมันไม่เคยเห็นอยู่ในสายตามาก่อน เพราะเรามันกระจอก เป็นคนธรรมดาในสายตามัน แต่วันนี้คนกระจอก คนธรรมดาสามัญชนอย่างเราทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เราจึงได้รวมพลังมวลมหาประชาชน ต่อต้านเพื่อโค่นล้มมัน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อประโยชน์ของชาติ ของแผ่นดิน เพื่ออนาคตลูกหลานไทยทุกคน”

 

ย้ำปลายทาง กปปส. คือประชาธิปไตย “ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
ไม่ใช่ประชาธิปไตย “แบบประธานาธิบดี” ของสาธารณรัฐล้านนา

“เรามวลมหาประชาชนได้ประกาศอุดมการณ์ ได้ประกาศเป้าหมายการต่อสู้ไว้ชัดเจน ว่าที่เราต่อสู้กับมัน ที่เราโค่นล้มทรราชครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศนี้ เพื่อรักษาบทบัญญัติรัฐธรรมนูญให้คงความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นี่เราพูดชัดเจน พูดกี่หนก็อย่างนี้”

“ไม่ต้องมาใส่ความเรา ไม่ต้องตั้งข้อสงสัย ว่ามวลมหาประชาชนและกำนันสุเทพคิดอะไรอยู่ เราเป็นคนจงรักภักดีต่อแผ่นดิน เรายืนยันว่าประชาธิปไตยในหัวใจเรา ประชาธิปไตยในอุดมคติของเรา ที่เราทุ่มเทชีวิตจิตใจต่อสู้นั้น เป็น "ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ไม่ใช่ "ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีของสาธารณรัฐล้านนา" แบบที่พวกมึงสู้อยู่”

“มวลมหาประชาชนสู้ครั้งนี้ได้ประกาศเจตจำนงชัดเจนว่าสู้เพื่อรักษาบ้านเมืองไว้ในทางที่ชอบ ทำการครั้งนี้ทุกข์ยากแสนสาหัส นอนกลางดินกินกลางถนน ตากทั้งแดด ตากทั้งฝน ตากทั้งลมหนาว สู้ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน แต่เราทุ่มเทต่อสู้ครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไว้รองรับอนาคตของลูกหลานเรา รวมทั้งลูกหลานของพี่น้องมวลชนเสื้อแดงด้วยครับ พี่น้องครับ นี่คือความจริงใจ”

“ที่ต้องพูดว่าสู้เพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตย สู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น เพราะในสิบปีมานี้ ระบอบทักษิณโดยจอมบงการคือทักษิณ ชินวัตร ได้ทำลายรากฐานอันสำคัญของระบอบประชาธิปไตยตามที่กระผมได้กราบเรียนนั้น ย่อยยับ แหลกเหลว ไม่เหลือซาก เราจำเป็นต้องฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยทันที ถ้าขืนรอ ปล่อยให้ระบอบนี้ชอนไช เราจะไม่เหลืออะไรอยู่เลยในประเทศไทยที่รักของเรา ขออนุญาตกราบเรียนทบทวน เรียนให้ทราบ ย้ำอีกครั้งหนึ่ง”

“วันนี้ผลจากการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ระบอบทักษิณก็เสื่อมถอยลงตามลำดับ เหลือเศษซาก ค้างอยู่ แต่มันก็ยังพยายามแผ่อิทธิฤทธิ อิทธิพล ยึดเอาไว้ซึ่งอำนาจ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้กลับมามีอำนาจเหมือนที่มีในอดีต เรามวลมหาประชาชนถึงประกาศว่าเราจะไม่ยอมอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ขั้นสุดท้าย เป็นไงเป็นกัน ไม่ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว ไม่ยอมอีกแล้ว”

 

ฝากบอก 'พงศ์เทพ' "ไอ้ทักษิณ กูไม่เจรจากับมึง" ต้องตายนอกประเทศไม่ได้กลับมาอีก

“แล้วอย่างที่คุณอัญชะลี ไพรีรักพูดเมื่อสักครู่ ที่ว่าพงศ์เทพ เทพกาญจนาบอกว่าทักษิณอยู่ที่สิงคโปร์ รอคนไปเจรจา ผมจะฝากบอกไปเลยว่า "ไอ้ทักษิณ กูไม่เจรจากับมึง"

“ที่พูดกูพูดมึงนี่กูพูดแทนประชาชนนะ ประชาชนเขาเข้าสิงให้พูดอย่างนี้ กูเป็นร่างทรง ประชาชนเขาให้กูบอกมึงว่า "ประชาชนเขาไม่ต้องการเจรจากับโจรปล้นแผ่นดิน" มึงมันเป็นโจร เป็นอาชญากร มึงทั้งปล้นทั้งฆ่า แล้วมึงเอาทรัพย์สินประชาชนไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ แล้วยังหน้าด้านมาบงการประเทศไทย”

“พวกกูจึงไม่เจรจากับมึงไอ้ทักษิณ ให้มึงรอไปจนถึงชาติหน้า คนอย่างมึงต้องตายนอกประเทศ ไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เพราะมึงบังอาจฆ่าญาติฆ่าพี่น้องกู ทำให้ลูกหลานกูเป็นเด็กกำพร้า พี่น้องกูทุพพลภาพ บาดเจ็บไปเกือบพันแล้ว ไม่มีวันเจรจา ไม่มีการเจรจา มีแต่ว่ามึงแพ้หรือมึงชนะ กูแพ้หรือกูชนะเท่านั้นเอง”

“ส่วนที่บอก นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ไอ้นอมินีตัวสุดท้าย ที่บอกให้มาที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี เพื่อจะบอกให้ลาออกเสียดีๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”

 

บอกวุฒิสภาอย่าเฉไฉยึกยัก-หน้าที่วันนี้คือหานายกรัฐมนตรี ให้เวลาวันสองวันนี้

“วันนี้พี่น้องทั้งหลายครับ เราจะให้เวลากับวุฒิสภา เรายังพูดถึงวุฒิสภาด้วยความรู้สึกที่ดี เราบอกเขาตรงๆ ผมไปพบ 2 หน 3 หน กราบเรียนประธานวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาว่า วิธีการที่ราบรื่นที่สุดคือวุฒิสภาต้องทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยเพราะเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่เหลืออยู่ รีบเลือกนายกรัฐมนตรีคนดีให้ประชาชน อย่าเอาขี้ข้าของพรรคการเมืองมาเป็นอันขาด ต้องทำความเข้าใจกับประธานวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาให้ชัดเจน ได้ยินการอภิปรายแล้ว เมื่อผมไปเจรจาให้มีการถ่ายทอด สมาชิกวุฒิสภาบางคนบอกว่าจะตัดสินใจอะไร จะทำอย่างไร ต้องคิดเรื่องปัญหาความขัดแย้ง แล้วทำเป็นเฉไฉว่าวุฒิสภามีหน้าที่ต้องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งก่อน”

“ผมขอทำหน้าที่่ร่างทรงประชาชนเตือนไปยังประธานวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาว่าอย่าเฉไฉเป็นอย่างอื่น หน้าที่ของท่านวันนี้คือหานายกรัฐมนตรีให้กับประเทศนี้ เพราะขณะนี้ประเทศไม่มีนายกรัฐมนตรี และไอ้นิวัฒน์ธำรงทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ นี่คือเรื่องด่วน นี่คือเรื่องสำคัญ นี่คือภารกิจที่ประชาชนคาดหวังให้วุฒิสภาทำภายในวันสองวันนี้”

 

เตือนวุฒิสภาอย่าใจเสาะ ถ้าบิดพริ้วไม่ทำ ประชาชนจะทำเอง

สุเทพปราศรัยต่อไปถึงวุฒิสภาว่า “อย่ามาทำเป็นยึกยัก อย่ามาทำเป็นใจเสาะ เมื่ออ้างว่าเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ต้องทำหน้าที่ตัวแทนของปวงชนชาวไทยให้สมศักดิ์ศรี ให้สมกับที่พี่น้องประชาชนมอบหมายความไว้วางใจให้ แต่ถ้าท่านปฏิเสธหน้าที่นี้ บิดพลิ้วไม่ทำก็เป็นโชคร้ายของท่านและประเทศนี้ เพราะประชาชนจำเป็นต้องทำด้วยมือของประชาชนเอง”

“ผมจึงต้องกราบเรียนพี่น้องประชาชนครับ พี่น้องประชาชนหลายท่านรีบสรุปคิดเอาเองว่าเราชนะแล้ว ไม่เลยนะครับ ยังไม่มีความแน่นอนใดๆ เลย เพราะสองวันมานี้ยังเดาท่าทีของวุฒิสภาไม่ได้เลยว่าจะออกหัวออกก้อย หรือไม่ออกอะไรเลย”

“เรายังไม่รู้เลยว่าในที่สุดวุฒิสภาจะทำหน้าที่คุ้มกับข้าวสุกที่เราเลี้ยงดูอยู่หรือไม่ ผมจำเป็นพูดกับพี่น้องประชาชนตรงๆ ว่าอย่าตั้งความหวังสูงเกินไป ติดตามดูแล ผมก็ให้กำลังใจ ท่านสมาชิกวุฒิสภาที่จิตใจดี คิดเห็นเช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน”

“ที่มวลมหาประชาชนไปอยู่ข้างๆ รัฐสภา ตากทั้งแดด ทั้งฝน 2 วันมาแล้ว ให้ชำเลืองออกมาดูบ้าง เขายอมตากแดด ตากฝน นั่งกินนอนกินกลางถนน ในขณะที่พวกท่านอยู่ในห้องแอร์ใส่เสื้อนอกหรูหรา เขาไม่ได้อิจฉาท่านหรอก เขาเอาใจช่วยท่าน เขาขอให้ท่านกล้าตัดสินใจเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน แต่ถ้าท่านยังเกรงใจคนชั่ว ยังกลัวโจร ท่านกับประชาชนขาดกันวันนั้นเอง จำเอาไว้ก็แล้วกัน”

“พูดอย่างนี้อย่ามาหาว่าข่มขู่อีกนะ เวลาพูดความจริงอาจจะฟังไม่ไพเราะ แต่นี่เป็นความจริงจากหัวใจแท้ของประชาชน ถึงวันนี้ก็ยังคาดหวังอยู่ อยากเห็นท่านทำงานให้สำเร็จ เพราะถ้าประเทศนี้อยู่โดยไม่มีคนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีคนมีอำนาจสั่งราชการแผ่นดิน ภาษีก็เก็บไม่ได้ รายรับรัฐบาลก็หายไป การตั้งงบประมาณรายจ่ายทำไม่ได้ อยู่ไปจนถึง 1 ตุลาคม ไอ้คนที่รักษาการ มันก็จะสั่งอะไรไม่ได้ แม้แต่เบิกเงินข้าราชการ รู้เอาไว้ด้วย”

 

กราบเรียน “ผู้หลักผู้ใหญ่” ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร ประชาชนจะลงมือเอง

“แล้วก็ขออนุญาต กราบเรียน ไปถึงบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย มวลมหาประชาชนอุตสาห์ทำหนังสือไปถึง ขอให้ท่านทั้งหลายได้ตั้งสติ และใช้ปัญญา ใช้อำนาจหน้าที่ของท่านคิดอ่านหาทางออกให้กับบ้านเมือง ท่านจะปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธเป็นเรื่องของท่าน แต่กราบเรียนให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่าประชาชนคนธรรมดา เมื่อเห็นว่าบ้านเมืองมีภัยหาทางออกไม่ได้ เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ก็ยกมือไหว้ ก็ขอร้องเป็นความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ว่าอย่าบิดเบือนเป็นอย่างอื่น เพราะว่าจะทำให้ประชาชนเสียใจ ประชาชนเจ็บปวดมามากแล้ว ทนมามากแล้วกับความเลวร้ายของระบอบทักษิณ และประชาชนก็ได้บอกท่านทั้งหลายด้วยความจริงใจว่าเราไม่ยอมระบอบทักษิณอีกต่อไป เป็นไงเป็นกัน ท่านไม่ทำเราก็จะทำด้วยมือของเรา”

“พี่น้องทั้งหลายครับ วันนี้เมื่อตอนสี่โมงเย็น ผมได้แถลงการณ์ในนามพี่น้องทั้งหลาย กราบเรียนความจริงให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้ทราบว่าวิกฤตของประเทศขณะนี้ บ้านเมืองวิกฤต บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ และที่เรามวลมหาประชาชนทำอยู่นี้ เพื่อรีบกอบกู้วิกฤติของประเทศ และทำเพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งประเทศ บ้านเมืองจะปล่อยให้ไม่มีรัฐบาลนานอีกต่อไปอีกไม่ได้ และเราบอกตรงๆ ว่าเราฝากความหวังไว้กับวุฒิสภา ผมจึงได้เรียกร้องแทนมวลมหาประชาชนไปยังประชาชนคนไทยทั้งประเทศทุกหมู่เหล่า องค์กร อาชีพ เครือข่าย ทุกสถาบัน โปรดช่วยกันเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาที่ท่านรู้จัก ขอให้เขาทำหน้าที่เพื่อชาติเพื่อแผ่นดินด้วยความกล้าหาญ แล้วมวลมหาประชาชนจะคอยอยู่ข้างๆ จะคอยประคับประคองเป็นกำลังใจ ขอให้ทุกท่านช่วยกันทำหน้าที่เพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง เหมือนกับที่มวลมหาประชาชนได้ออกมาต่อสู้และยืนหยัดอยู่ทุกวันนี้ ขอขอบคุณในนามมวลมหาประชาชนครับ”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net