Skip to main content
sharethis

‘ประยุทธ์’ ยันคดีระเบิดราชประสงค์ไม่จับแพะ คสช. เตือนหยุดนำภาพผู้ต้องหาตัดต่อโยงประเด็นทางการเมือง เผยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

8 ก.ย. 2558 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดย พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ศูนย์ติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ติดตามสืบสวนคดียังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยได้ส่งตัว เมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในคดีร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ตำรวจเพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตำรวจยังได้ออกหมายจับเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย คือ อับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน และชายต่างชาติไม่ทราบชื่อซึ่งปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิด ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดในครอบครอง เหตุเกิดที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ สรุปจนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 11 ราย

สำหรับความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เป็นผลมาจากความร่วมมือและการปฏิบัติการอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ ขอเรียนว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปมูลเหตุจูงใจหรือตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใด จนกว่าจะมีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ในส่วนของสื่อมวลชนที่รายงานผลการสืบสวนคดีตามข้อเท็จจริง และติดตามความคืบหน้าของคดีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ขอความร่วมมือพิจารณานำเสนอเฉพาะข่าวสารที่ได้รับการยืนยันและชี้แจงอย่างเป็นทางการเป็นหลัก เพื่อให้การรับรู้และความเข้าใจของสังคมเป็นไปอย่างถูกต้อง ป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ที่มีการนำภาพของผู้ต้องหาไปตัดต่อ เชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองนั้น ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความแตกแยกในสังคมไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการปฏิบัติล่าสุดของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ มีการดำเนินการที่สำคัญ คือ จากผลการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว และเบาะแสจากวัตถุพยาน ทำให้ในวันนี้ตำรวจได้นำตัว ยูซูฟู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพใน 3 พื้นที่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่อาจมีความเกี่ยวโยงกับการก่อเหตุ

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่าในวันนี้เวลา 15.00 น. ทางตำรวจนครบาล โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำผู้ต้องหา ประกอบกับ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ สน.หนองจอก และมีนบุรี ได้นำตัว ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังที่เกิดเหตุที่พบสารประกอบวัตถุระเบิด 2 แห่งคือ พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ หนองจอก กับที่ ไมมูณา การ์เดนโฮม ที่มีนบุรี และร้านขายเคมีภัณฑ์ร้านหนึ่งในพื้นที่บึงกุ่ม ซึ่งผู้ต้องหาก็ได้ให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุได้อย่างถูกต้อง สอกคล้องกับการให้การในสำนวนสอบสวนและหลักฐานต่างๆ ที่เพราะเก็บได้ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเข้าออกอาคารทั้ง 2 อาคาร ห้องพัก จุดเก็บสารและวัตถุที่ประกอบระเบิด รวมทั้งไปที่ร้านเคมีภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง และผู้ขายในร้ายเคมีภัณฑ์ก็ยืนยันได้ว่าเมียไรลีมาซื้อวัสดุเคมีภัณฑ์ที่นำไปใช้ในการประกอบระเบิดได้อย่างถูกต้อง

ประยุทธ์ ยันไม่จับแพะ

สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การคลี่คลายคดีระเบิดราชประสงค์ ไม่มีการจับผิดตัว หรือการจับแพะ เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลการจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หากข้อมูลหลักฐานไปถึงใคร ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ละเว้น คดีดังกล่าวไม่ใช่คดีที่ต้องเข้าสู่ศาลทหาร เพราะเป็นคดีร้ายแรง เกี่ยวข้องกับหลายส่วน ทั้งคนไทยและต่างชาติ  และยังไม่ตัดประเด็นใดออกในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าของคดีนั้นจะต้องสร้างการรับรู้ และความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ส่วนกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรับส่วยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ต้องดูทั้งหมดทุกหน่วยงานว่ามีการกระทำผิดหรือไม่  วันนี้ต้องกำหนดกรอบให้แต่ละหน่วยงานแก้ไขปัญหา และต้องมองอดีตที่นักการเมืองและรัฐบาลชุดก่อน ๆ ไม่เข้มงวด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net