TPBS โดนด้วย กรณีทุ่งคำฟ้องเด็ก ม.4 ด้านชาวบ้านเข้าให้กำลังใจครอบครัว

กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน พื้นที่เหมืองทอง จ.เลย เข้าให้กำลังใจ ครอบครัวนักเรียน ม.4 หลังถูกบริษัททุ่งคำ ฟ้อง ฐานรายงานข่าวผลกระทบในพื้นที่ผ่านรายการนักข่าวพลเมือง ด้าน TPBS โดนฟ้องด้วย เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13  ธ.ค. 2558 ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน เดินทางไปให้กำลังใจ เยาวชนอายุ 15 ปี และครอบครัว หลังจากทราบข่าวว่าเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย ลง วันที่ 8 ธ.ค. 2558 เชิญให้ไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานคุมประพฤติในวันที่ 21 ธ.ค. 2558 เวลา 9.00 น. ที่ฝ่ายคดี สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย เพื่อสืบสวนว่าข้อกล่าวหาของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด มีมูลสมควรอนุญาตให้ฟ้องคดีหรือไม่

จากรณีที่ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ทำหนังสือลงวันที่ 27 พ.ย.2558 ขออนุญาตฟ้องเยาวชนคนดังกล่าว ในคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ฐานะที่เป็นเด็กและเยาวชน จากการเผยแพร่ข้อมูลในฐานะนักข่าวพลเมือง

ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด กล่าวว่า ทางกลุ่มต้องการไปให้กำลังใจเด็กและครอบครัว ไม่อยากให้ตื่นตกใจ และได้ยืนยันจุดยืนว่าจะอยู่เคียงข้างกันเพื่อต่อสู้กับคดีความที่อาจเกิด ขึ้น โดยจะไม่ทอดทิ้งกัน และในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ จะเดินทางไปร่วมให้กำลังใจด้วย

“ใครที่มีคดีก็ช่างเราจะไม่ทิ้งกันถึงแม้จะเป็นคนหมู่บ้านอื่นก็ดี กลุ่มเยาวชนก็ดี หรือแม้แต่กลุ่มอื่นก็ดี เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน เราจะเดินหน้าไปด้วยกันถึงแม้จะไม่ใช่คดีของกลุ่มก็ตาม ไม่ว่าใกล้หรือไกลจะรับรู้ด้วยกัน เดินหน้าไปพร้อมกัน ถ้าเรากลัวเขาก็ยิ่งจะมาละเมิดสิทธิเรามากขึ้นเรื่อยๆ มาทำร้ายเรามากขึ้นเรื่อยๆ พี่น้องชุมชนของเราจะไม่มีที่อยู่อาศัย เราจะไม่มีแผ่นดินให้ลูกหลานของเราได้ยืนอยู่” ตัวแทนชาวบ้านฯ กล่าวถึงจุดยืนของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด

ตัวแทนชาวบ้านฯ กล่าวด้วยว่า จะมีการปรึกษากับทนายความที่เคยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ เพื่อให้ข้อมูลและแนวทางกับเด็กและครอบครัว อีกทั้งจะมีทนายไปร่วมฟังและเป็นที่ปรึกษาในการให้ถ้อยคำต่อพนักงานคุมประพฤติด้วย เพื่อให้ครอบครัวคลายความกังวล 

การฟ้องคดีอาจไม่ส่งผลกับทางกลุ่มฯ เพราะชินแล้วกับคดีความ แต่สำหรับชาวบ้านจะส่งผลกระทบมาก เพราะทำให้พ่อแม่กับเด็กไม่อยากมาร่วมกิจกรรมกับทางกลุ่มฅนรักบ้านเกิด เนื่องจากกลัวเด็กเสียประวัติเพราะติดคดี ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าชาวบ้านที่อยู่บ้านนอกไม่มีใครอยากขึ้นศาลเพราะมันไม่ ใช่เรื่องปกติ

ด้านแม่ของเยาวชนคนดังกล่าว กล่าวว่า ทีแรกก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยมีจดหมายหรือคดีมาที่บ้าน และเป็นกังวลเพราะไม่เคยขึ้นศาล กลัวว่าจะไม่มีเงินจ้างทนาย บางครั้งก็แอบร้องไห้ แต่ก็เตรียมตัวไว้อยู่เหมือนกันเพราะคิดว่าคดีความคงไม่จบง่ายๆ ส่วนพ่อพูดเพียงสั้นๆ ว่าทำใจแล้ว

เมื่อถามว่าหากมีการจัดค่ายจะให้เด็กๆ เข้าร่วมอีกหรือไม่ แม่ตอบว่าก็ไม่อยากให้เข้าร่วม

ส่วนเยาวชนคนดังกล่าวบอกความรู้สึกว่า แรกๆ ก็ตกใจกลัว ทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นสักพักตั้งสติได้ก็แชทคุยกับพี่คนที่สนิทกันแล้วก็เริ่มรู้สึกดี ขึ้น และมีเพื่อนให้กำลังใจเยอะจึงรู้สึกดีขึ้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟ้องคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากการรายงานข่าวนักข่าวพลเมือง ตอน ค่ายเยาวชนฮักบ้านเจ้าของ ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2558 ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งรายงานข่าวเกี่ยวกับการออกค่ายเยาวชนฮักบ้านเกิดเจ้าของ ตอน นักสืบลำน้ำฮวยแท้ๆ แน๊ว ระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค. 2558 ที่วัดโนนสว่าง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย

บริษัท ทุ่งคำ จำกัด อ้างว่า การรายงานข่าวดังกล่าวเป็นไปในลักษะหมิ่นประมาท ใส่ความบริษัทฯ ว่า “ลำน้ำฮวยได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ โดยลำน้ำฮวยมีสารปนเปื้อน ทำให้ใช้ดื่มใช้กินไม่ได้” โดยระบุว่าข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ เพราะเหมืองแร่ดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีสารปนเปื้อนและลำน้ำฮวย ไม่ได้ไหลผ่านเหมืองแร่ 

ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ดำเนินการฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ ต่อศาล เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3756/2558 และเห็นว่า เยาวชนคนดังกล่าวมีเจตนากระทำความผิดด้วย จึงต้องการฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 99 วางหลักว่า ห้ามมิให้ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาซึ่งมีข้อหาว่าเด็กและเยาวชนกระทำความผิดต่อ ศาลเยาวชนและครอบครัว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการสถานพินิจที่เด็กหรือเยาวชนนั้นอยู่ใน เขตอำนาจ  

สำหรับ คดีหมายเลขดำที่ อ.3756/2558 เป็นคดีฟ้องสื่อมวลชน ซึ่งบริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยนายสมชาย ไกรสุทธิวงศ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ ได้ยืนฟ้อง นางสาววิรดา แซ่ลิ่ม และพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย นายสมชัย สุวรรณบรรณ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ และนายโยธิน สิทธิบดีกุล ตามลำดับ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารและโทรทัศน์ เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท