Skip to main content
sharethis

ต่อกรณีการออกหมายเรียก 11 นักกิจกรรม แกนนำ มารับทราบข้อกล่าวหากรณีทำกิจกรรม ส่องราชภักดิ์ ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น และกิจกรรมอื่นๆที่สืบเนื่องก ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/58 ในข้อหา มั่วสุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆอันมีจำนวนมากกว่า 5 คน ขึ้นไป โดยกำหนดให้มาในวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ตามหมายเรียกที่ลงนามโดย พ.ต.ท.จิรัณกิตติ์ พันธ์เขียว มีชื่อนายวิจิตร์ หันหาบุญ โดยในหมายเรียกระบุว่ามีอายุ 26 ปี รวมอยู่ด้วย  (อ่านรายละเอียด)



เกิดการสอบถามกันเป็นที่กว้างขวางว่าแกนนำนักศึกษาคนนี้ เรียนที่ไหนหน้าตาเป็นอย่างไร 'ประชาไท' ได้มีโอกาสพูดคุยกับ วิจิตร์ หันหาบุญ ข้าราชการบำนาญ วัย 66 ปี อาศัยอยู่ย่านบางแค ผู้ที่ต้องตกเป็น 1 ในผู้ถูกเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากการทำกิจกรรมดังกล่าว 

"เขาคงพิมพ์อายุผมผิด หนุ่มขึ้นเยอะเลย" วิจิตร์ คุยกับเราผ่านทางโทรศัพท์ท่าทางอารมณ์ดี

วิจิตร์เล่าว่า ตนไปทำกิจกรรมดังกล่าว เพราะผมเห็นว่าปัญหาคอรัปชั่นเป็นปัญหาสำคัญ และรัฐบาล (คสช.) เองก็ให้เหตุผลในการเข้ามายึดอำนาจจากรัฐบาลที่แล้วว่าจะมาปราบทุจริตคอรัปชั่น พร้อมกล่าวด้วยว่า ตนเดินทางไปดูอุทยานราชภักดิ์ตามนโยบายของทางรัฐบาล และไม่ได้คิดว่าทำความผิดอะไร 

"ผมไม่เคยรู้จักใครมาก่อน นั่งรถไฟจากสถานีบางกอกน้อยไปตอนเช้า ก็นั่งกินข้าวไป ทำความรู้จักกับพวกนักศึกษาเขาไป" วิจิตร์ กล่าว

ถึงสถานีบ้านโป่ง ขบวนรถไฟถูกบังคับให้หยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารพยายามบุกขึ้นมาจับตัว นศ. มี นศ.คนหนึ่งบอกให้ วิจิตร์ เข้าไปกันเจ้าหน้าที่ไว้ไม่ให้มาเอาตัวจ่านิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ วิจิตร์จึงเข้าไปช่วยกัน

วิจิตร์ เล่าถึงเหตุการณ์ในโบกี้รถไฟ ว่า ไม่ได้มีความรุนแรงอะไร หัวหน้าชุดของเจ้าหน้าที่ขอขึ้นมาเจรจาก็ให้เข้ามา แต่มีการผลักดันนิดหน่อย เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่คนอื่นพยายามดันจะเข้ามาด้วย 


"ในโบกี้มันแออัด ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะเป็นลม ผมก็เลยดันและขอร้องไม่ให้พวกเขาเข้ามา ผมอายุ 66 แล้วจะไปทำอะไรเขาได้" วิจิตร์ กล่าว

สุดท้ายแกนนำกลุ่มผู้ทำกิจกรรมยินยอมให้ จนท. ควบคุมตัวไปไว้ที่ห้องประชุม ผู้ชุมนุมที่เป็นผู้สูงวัยจำนวนหนึ่งถูกกันออกมาขึ้นรถโดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าจะพาตัวกลับมาส่งที่กรุงเทพฯ แกนนำ นศ. ขอร้องให้ผู้ร่วมกิจกรรมแยกย้าย แต่วิจิตร์ยืนยันว่า 

"ผมจะอยู่กับกลุ่มแกนนำนักศึกษา ผมเป็นห่วง และผมคิดว่าพวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร" วิจิตร์ กล่าว


สุดท้ายทั้งมวลชนและแกนนำ 36 คน รวมทั้ง วิจิตร์ ชายวัย 66 ปี ต่างก็ถูกนำตัวมาควบคุมตัวไว้ที่ ค่ายทหารชั่วคราว พุทธมณฑล ทั้งหมดถูกสอบประวัติและถูกบังคับให้เซ็นยอมรับเงื่อนไข ของทาง คสช. เรื่องการจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอีกและการต้องขออนุญาตหากจะเดินทางไปต่างประเทศ

วิจิตร์ ระบุว่า ยินยอมที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวต่อเจ้าหน้าที่พร้อมลงลายมือชื่อ แต่วิจิตรปฏิเสธที่จะยอมรับเงื่อนไขของทาง คสช. เนื่องจากเห็นว่าสิ่งที่ทำมาไม่ได้เป็นความผิดอะไร ประกอบกับคอบครัวทั้งลูกและหลาน ไปทำงานต่างประเทศ จึงไม่ยอมรับการจำกัดสิทธิตามเงื่อนไขของ คสช. 

"ผมถูกควบคุมตัวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดนานกว่า 12 ชม. แค่เพราะว่าผมเข้าร่วมกิจกรรมตรวจสอบทุจริต แล้วจะมาแจ้งข้อหาอะไรกับผมอีก" วิจิตร์ กล่าว พร้อมกล่าวอีกว่า "ผมเป็นแค่มือใหม่ทางการเมือง ผมมาคราวนี้ผมได้ประโยชน์ พวกนักศึกษาเขาเก่งมากๆ กล้าด้วยทั้งผู้หญิงผู้ชาย ผมได้เรียนรู้จากพวกเขา แต่ผมจะไม่เรียนรู้หรือทำตามพวกไดโนเสาร์ล้าหลังหรอก"

วิจิตร์ บอกว่าตอนนี้เขาได้เขียนจดหมายเพื่อร้องเรียนการละเมิดสิทธิ์ของเขาและรวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรมตรวจสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ทั้งหมด ต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net