Skip to main content
sharethis

รักษาการเลขาธิการกกต.  แจง กกต. ไปดูงานระบบเลือกตั้ง 'เกาหลี-ญี่ปุ่น'  จริง ระบุเหตุที่ต้องไปคณะใหญ่ เพราะผู้เข้าอบรมจะขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคต  ต้องเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องไปศึกษาเรียนรู้ ยันพยายามใช้งบประมาณอย่างประหยัด 

2 มี.ค. 2560 จากกรณีที่มติชนออนไลน์ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกกต. จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งที่กำลังถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบเรื่องการใช้งบประมาณในการเดินทางไปต่างประเทศ โดยคณะที่จะเดินทางไปเป็นกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารงานสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กบส.) ซึ่งเป็นการอบรมผู้บริหารระดับกลางที่จะขึ้นเป็นระดับสูง จำนวน70 คน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น Japan Election Commission หรือ JEC. ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. -5 มี.ค. นี้ โดยมี บุญส่ง น้อยโสภณ และ ธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กรรมการกกต.ร่วมเดินทางไปด้วย ส่วนกลุ่มที่ 2 ไปดูงานที่ The Association of World Election Bodies.หรือ (A-Web) ประเทศเกาหลี ระหว่างวันที่ 1-5 มี.ค.นี้ โดยมี ศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. สมชัย ศรีสุทธิยากร และ ประวิช รัตนเพียร กรรมการกกต.ร่วมเดินทางไปด้วย

ล่าสุดวันนี้ (2 มี.ค.60) สำนักข่าวไทย รายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการกกต. ซึ่งเป็นประธานกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารงานสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กบส.) รุ่นที่ 2 ของสำนักงานกกต. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อชี้แจงกรณีที่กกต.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกกต.เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. ถึง 5 มี.ค. นี้ ว่า เป็นการไปดูงานจริง โดยคณะที่เดินทางญี่ปุ่นจะเน้นการดูงานเรื่องระบบการหาเสียง ที่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่และร่างการเลือกตั้ง ส.ส.ได้นำแบบอย่างของญี่ปุ่นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดขนาดป้ายหาเสียง การจัดพื้นที่ปิดป้ายหาเสียง

“ส่วนคณะที่เดินทางไปเกาหลีใต้ จะเน้นเรื่องเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิคส์ โดยเฉพาะการเดินทางไปดูงานที่ The Association of World Election Bodies.(A-Web) จะไปดูวิวัฒนาการของเครื่องลงคะแนน ที่ทาง A-Web ได้รวบรวมเครื่องลงคะแนน เครื่องนับคะแนนจากทั่วโลกมาไว้เพื่อไห้ศึกษา ซึ่งจะสอดคล้องกับที่กกต.พัฒนาเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิคส์ ที่จะนำไปใช้ในการเลือกตั้งในอนาคต” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันจะไปดูเรื่องการศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง (Civic Education)   ซึ่งในเรื่องดังกล่าวเกาหลีใต้ให้อยู่ในความรับผิดชอบของกกต.เกาหลี แต่ของไทยยังไม่มีเจ้าภาพชัดเจน และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีแนวความคิดเสนอให้สถาบันพระปกเกล้าฯเป็นผู้ดำเนินการ  ซึ่งกกต.ไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมากกต.ดำเนินการเรื่องดังกล่าว ชื่อโครงการพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย และขยายไปสู่ระดับตำบล เช่น ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยระดับตำบล(ศส.ปชต.) กกต.จะนำต้นแบบของเกาหลีมาผลักดันให้ กกต.ได้เป็นเจ้าภาพดำเนินการเรื่องนี้

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทั้งสองคณะจะมีโอกาสหารือร่วมกับสถานทูตไทยใน 2 ประเทศเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร  เพราะตามร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.จะให้นับคะแนนที่สถานทูต  ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งที่ยังไม่มีความชำนาญ จึงต้องหารือพูดคุยกัน

“ยืนยันว่าไม่ได้เที่ยวเลย เป็นการไปดูงานที่เหนื่อยมาก แต่ได้ประโยชน์เยอะ ใช้งบประมาณไม่มาก เราพยายามใช้งบประมาณอย่างประหยัด  โดยทั้งสองคณะที่ไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เดินทางโดยนั่งเครื่องชั้นประหยัด ไม่มีผู้ติดตามส่วนตัว แต่ใช้พนักงานที่ดูแลคณะคอยอำนวยความสะดวก ขนาดห้องพักยังเป็นห้องพักราคาเดียวกับที่ผู้เข้ารับการอบรมพัก ทั้งสองคณะใช้งบฯไม่เกิน 5 ล้านบาท เมื่อกลับมาแล้วต้องทำรายงานเสนอกกต. การไปครั้งนี้จึงถือว่าคุ้มค่า” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า ทำไมต้องไปคณะใหญ่ ทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่ไปดูงาน โดยที่กกต.ไม่ต้องไป พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ผู้ที่เข้าอบรมรุ่นนี้จะขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคต  ต้องเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ ทางสำนักงานจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องไปศึกษาเรียนรู้และบางเรื่องก็เป็นเรื่องใหม่  เช่น ระบบการหาเสียง ส่วนที่กกต.ต้องไปด้วย เพราะว่าต้องเข้าพบผู้นำองค์กร จึงถือเป็นการให้เกียรติกับหน่วยงานนั้น ๆ และคณะจะได้รับการต้อนรับที่ดี และการไปดูงานไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

ส่วนเหตุใดที่รุ่นก่อนหน้านี้จึงไม่มีการดูงานต่างประเทศ   พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า เท่าที่จำได้รุ่นที่แล้วเป็นช่วงที่สำนักงานกกต.ประสบปัญหาเรื่องเงิน  และเป็นช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ จึงงดไปดูงานต่างประเทศ ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีมีนโยบายไม่อยากให้เดินทางไปดูงานต่างประเทศ ทางกกต.ไม่ได้มีหนังสือแจ้งนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าหากเป็นเรื่องจำเป็นก็สามารถทำได้ ซึ่งเราใช้งบฯอย่างประหยัด

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net