Skip to main content
sharethis
ศูนย์ทนายสิทธิฯ เผย ตร. 50 นาย บุกค้นบ้าน 1 ในผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง พร้อมติดตาม 24 ชม.แม้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ด้าน 'คนอยากเลือกตั้ง' ออกแถลงการณ์ ประณาม จนท.คุกคาม-ละเมิดสิทธิฯ รุนแรง
ภาพจากเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

 

21 พ.ค.2561 จากที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้ประกาศจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบสี่ปีรัฐประหาร “หยุดระบอบคสช. หยุดยื้อเลือกตั้ง” ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ค. 2561 ซึ่งจะมีการปราศรัยและทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ผ่านขบวนพาเหรดเพื่อเดินเท้าไปสื่อสารและอ่านแถลงการณ์หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น

วานนี้ (20 พ.ค.61)อานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวประชาไท ว่า อุทัย แถวโพธิ หรือ 'จี๊ด' ผู้ให้บริการเครื่องเสียง ซึ่งรับให้บริการกลุ่มคนอยากเลือกตั้งด้วยนั้น เขาถูกทหารควบคุมตัวจากบ้านพักพร้อมภรรยาในเวลาประมาณ 16.00-16.30 น. ไปที่ มบท.11 จากนั้นภรรยาได้รับการปล่อยตัวมาเพียงคนเดียว จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเขาไปด้วยสาเหตุใด  คาดว่าเป็นเพราะจี๊ดเป็นผู้ให้เช่าเครื่องเสียงกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในการชุมนุมวันที่ 22 พ.ค. ที่จะถึงนี้ จี๊ดมีอาชีพให้เช่าเครื่องเสียงให้กับคนโดยทั่วไป ไม่ใช่ให้เฉพาะกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ขณะนี้มีการประสานไปกับองค์กรระหว่างประเทศแล้ว และทีมทนายความกำลังประสานครอบครัวเขาอยู่

ตร. 50 นาย บุกค้นบ้าน 1 ในผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง และติดตาม 24 ชม.แม้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย

นอกจากนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 61 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจากสภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ประมาณ 50 นาย เดินทางด้วยรถประมาณ 10 คัน รวมถึงรถควบคุมตัวผู้ต้องขัง เข้าไปยังบริเวณซอยหน้าบ้านของ กุลวดี ดีจันทร์ และขอเข้าตรวจค้นบ้านของเธอ ซึ่งเคยเข้าร่วมชุมนุมในกิจกรรมของคนอยากเลือกตั้งก่อนหน้านี้ และเป็นหนึ่งในผู้ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมที่หน้ากองทัพบก เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 61 หรือคดี “ARMY57”

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายค้นจากศาลจังหวัดธัญบุรีซึ่งอนุมัติในวันเดียวกันนี้ กุลวดีซึ่งอาศัยอยู่กับลูกชายวัยสิบปี ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ขอให้รอสามีเธอกลับมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่ได้โต้แย้งว่าในหมายค้นระบุช่วงเวลาเข้าค้นตั้งแต่ 14.00 น.-18.00 น. เจ้าหน้าที่จึงต้องการเข้าตรวจค้นทันที แต่เธอยืนยันให้รออีกราวครึ่งชั่วโมงให้สามีเธอกลับมาก่อน เธอพยายามสอบถามว่าเธอทำผิดคดีร้ายแรงอะไร ถึงต้องขนเจ้าหน้าที่และรถมาจำนวนมากขนาดนี้จนเต็มซอย ทำให้เพื่อนบ้านเกิดความตื่นตกใจ เธอยังพยายามขอถ่ายรูปหมายค้นเอาไว้ แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเธอไม่มีสิทธิและหากเอาไปโพสต์เผยแพร่จะผิดตามพ.รบ.คอมพิวเตอร์

จนเวลาประมาณ 17.00 น. เศษ เมื่อสามีเธอเดินทางถึงบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จำนวน 7 นายได้เริ่มเข้าทำการตรวจค้นบ้าน  มีการตรวจดูสมุดบัญชี พร้อมกับโทรศัพท์แจ้ง “นาย” ว่าไม่ได้มีความเคลื่อนไหวในบัญชีมาตั้งแต่ต้นปี เจ้าหน้าที่ยังมีการถ่ายภาพรหัสการเข้าบัญชีเฟซบุ๊กที่เธอจดบันทึกไว้ไป ทั้งที่เธอไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เจ้าหน้าที่ยังถ่ายภาพอุปกรณ์การชุมนุมต่างๆ ของเธอไว้ และเข้าตรวจค้นไปทุกห้อง โดยไม่แน่ชัดว่าต้องการค้นหาสิ่งใด ในท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีการพบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ และยังมีการระบุระหว่างการตรวจค้นด้วยว่าถ้าวันที่ 21-22 พ.ค.นี้ เธอออกจากบ้านไปชุมนุม จะมีการใช้ทหารจัดการ ไม่ใช่ตำรวจ

หลังจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งขอโทษที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงไป พร้อมระบุว่าจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเธอตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เธอออกไปร่วมชุมนุมในวันที่ 21-22 พ.ค.นี้ โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ทหาร จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับไป

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานต่อว่า ในเช้าวันที่ 20 พ.ค. 61 ตั้งแต่ในช่วง 5.00 น. กุลวดีได้เดินทางออกจากบ้านพักไปเพื่อพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อทำการถ่ายเลือดเพราะเธอเป็นโรคธาลัสซีเมีย ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดรถอยู่หน้าบ้านเปิดประตูออกมาสอบถามว่าเธอจะเดินทางไปไหน และแจ้งว่าจะติดตามเธอไปด้วย กุลวดีจึงตัดสินใจเดินทางไปรถคันเดียวกับเจ้าหน้าที่  เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์แจ้งหลังตรวจพบว่าความดันสูงและจังหวะหัวใจเธอเต้นผิดปกติ หากให้เลือดต่อไปเธออาจช็อกได้ แพทย์จึงลดเลือดที่ถ่ายและให้ยามารับประทานด้วย เมื่อกุลวดีกลับถึงบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้โทรมาสอบถามว่าเธออยู่ที่ใดเนื่องจากชุดที่ไปเปลี่ยนเวรหาเธอที่โรงพยาบาลไม่พบ เธอจึงแจ้งว่ากลับมาถึงบ้านแล้ว

คนอยากเลือกตั้ง ประณาม จนท.คุกคาม-ละเมิดสิทธิฯ รุนแรง 

ขณะที่ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ออกแถลงการณ์ ประณามการคุกคามและละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง
เรื่อง ขอประณามการคุกคามและละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
 
หลังจากที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้ประกาศจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบสี่ปีรัฐประหาร “หยุดระบอบคสช. หยุดยื้อเลือกตั้ง” ระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2561 ซึ่งจะมีการปราศรัยและทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ผ่านขบวนพาเหรดที่สร้างสรรค์ สงบสันติ ปราศจากอาวุธ เพื่อเดินเท้าไปสื่อสารและอ่านแถลงการณ์หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้มีการออกคุกคามประชาชนที่เคยมาร่วมกิจกรรม หรือที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคาดเดาว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมถึงบ้านทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
 
ล่าสุดการยกระดับการคุกคามเกินเลยไปจนถึงการนั่งเฝ้าหน้าบ้าน ติดตาม และขอศาลออกหมายค้น เพื่อไปค้นบ้านประชาชนที่คาดว่าจะมีส่วนในการร่วมสนับสนุนกิจกรรมในทางใดทางหนึ่ง จนเมื่อเวลาเย็นของวันที่ 20 พฤษภาคม นายอุทัย แถวโพธิ และภรรยา ผู้เคยให้ทางกลุ่มเช่าเครื่องเสียงเพื่อใช้ในงาน ได้ถูกควบคุมตัวโดยแจ้งว่าจะพาไปเข้าค่ายทหารและขาดการติดต่อ นี่คือการอุ้มหาย (Enforced Disappearance) ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงในทางกฎหมายสิทธิมนุษยชน และเราได้มีการรายงานเรื่องนี้ต่อองค์กรสิทธิฯนานาชาติแล้ว
กลุ่มคนอยากเลือกตั้งขอยืนยันว่า การชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญไทยและในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยไม่อาจเป็นประชาธิปไตยหรือมีบรรยากาศที่พร้อมต่อการเลือกตั้งได้โดยปราศจากการมีส่วนร่วมทางการเมืองภาคประชาชน การกระทำของรัฐที่ผ่านมาขัดแย้งกับหลักการทั้งหมดดังกล่าว และถือเป็นอาชญากรรมที่กระทำต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศที่ถูกยึดอำนาจและละเมิดสิทธิในทุกด้านมาตลอดสี่ปี เราขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรงและยืนยันว่าเสรีภาพในการแสดงออกต้องได้รับการเคารพ เราจะดำเนินการชุมนุมตามแผนต่อไปและไม่มีวันยอมจำนนต่อระบอบคสช.ที่พยายามทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพไร้ขื่อแป
 
เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ
กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net