Skip to main content
sharethis

กลุ่มคุณแม่หลายร้อยคนผู้ค้นหาสมาชิกครอบครัวของตัวเองที่หายตัวไป พากันเดินขบวนในเม็กซิโกซิตีช่วงวันแม่สากล (สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ค.) กลายเป็นภาพย้ำเตือนที่น่าเศร้าเกี่ยวกับปัญหาการหายสาปสูญของประชาชนจำนวนมากในเม็กซิโก ที่มีสถิติสูงถึงหลักแสน แต่รัฐบาลเม็กซิโกก็พยายามลดทอนให้เหลือหลักหมื่น


ที่มาภาพ: William Savinar/ Courthouse News 

ในช่วงเช้าของวันที่ 10 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมามีกลุ่มคุณแม่และสมาชิกครอบครัวของพวกเธอรวมหลายร้อยชีวิตทำการประท้วงปิดถนน รีฟอร์มา อเวนิว ในช่วงที่มีการเดินขบวนไปยังทำเนียบประธานาธิบดีในเม็กซิโกซิตี เรียกร้องความยุติธรรมและความช่วยเหลือในการค้นหาสมาชิกครอบครัวพวกเขาที่หายสาปสูญ

"พวกเราไม่ได้มีแค่คนเดียว พวกเราไม่ได้มีแค่ 100 คน เจ้าพวกรัฐบาลเฮงซวย! นับรวมพวกเราเข้าไปด้วย" กลุ่มผู้เดินขบวนพากันเปล่งคำขวัญไปขณะที่พวกเขาเดินไปตาม รีฟอร์มา อเวนิว เรียกร้องให้ทางการเม็กซิโกเลิกขัดขวางการค้นหาคนหายของพวกเขา

การเดินขบวนนี้มีการจัดตั้งโดยกลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกับอย่างหลวมๆ และนำโดยผู้หญิงคือกลุ่มแนวร่วม "เสิร์จชิง มาเทอร์ส" (ที่แปลตรงตัวว่า "เหล่าคุณแม่ผู้ค้นหา") ผู้ที่พยายามจะตามหาสมาชิกในครอบครัวของพวกเธอที่หายตัวไปถึงแม้ว่าจะขาดการช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือขาดเงินทุนก็ตาม

ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มๆ นี้จะดำเนินกิจกรรมตามชนบทของประเทศเม็กซิโกซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีหลุมฝังศพหมู่ของคนที่ถูกสังหารและหายตัวไป หรือไม่ก็จะทำการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางป้ายคนหายทางอินเทอร์เน็ตหรือตามท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในการค้นหาบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะผ่านทางกระบวนการยุติธรรมหรือช่วยค้นหาคนหายที่ยังคงมีชีวิตอยู่

"นี่ไม่ใช่แต่วันหยุด แต่ยังเป็นวันของการประท้วงด้วย" กลุ่มผู้เดินขบวนเปล่งคำขวัญนี้ในขณะที่เดินขบวนไปยังทำเนียบประธานาธิบดี

หนึ่งในผู้เดินขบวนคือ เรย์นา มันซาโน เธอกำลังตามหาพี่น้องของเธอที่ชื่อ เวโรนิกา มันซาโน ผู้ที่หายตัวไปในฮุยซ์ควิลูแคน รัฐเมฮิโก เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 ในคืนวันนั้นเวโรนิกาไปซื้อยาที่ร้านยา แต่เธอก็ไม่กลับมาอีกเลย มันซาโนบอกว่าเจ้าหน้าที่ทางการในรัฐฮุยซ์ควิลูแคนไม่ได้ช่วยเธอตามหาเลยถึงแม้ว่ามันจะมีกล้องติดอยู่ที่ร้านค้าในคืนที่เธอหายตัวไปก็ตาม

เรย์นาบอกว่าการหายตัวไปของ เวโรนิกา ยังไม่ได้รับการแก้ไขและไม่มีความพยายามใดๆ ในการสืบหาว่าเธออยู่ที่ไหน

แมกดา เวโรนิกา เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มค้นหาที่ชื่อว่า "วอยซ์ ออฟ ดิกนิตี ฟอร์ อาวร์ โอน" (แปลตรงตัวว่า "เสียงแห่งศักดิศรีของพวกเราเอง") กำลังค้นหาลูกสาวอายุ 17 ปีของเธอ ผู้ที่หายตัวไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จากทามูอิน รัฐซานลุยส์โปโตซี

"จุดประสงค์ของพวกเราในฐานะกลุ่มๆ หนึ่ง คือการค้นหาสมาชิกครอบครัวของพวกเราโดยที่ยังมีชีวิตอยู่" เวโรนิกากล่าวที่นอกทำเนียบประธานาธิบดี ที่ๆ กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันโดยมีทั้งการชูป้ายและรูปถ่ายของบุคคลที่พวกเขารัก

จากข้อมูลของสำนักทะเบียนแห่งชาติของบุคคลสูญหาย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า ในตอนนี้มีจำนวน "ผู้ที่หายตัวไปและไม่ทราบชะตากรรม" ในเม็กซิโกรวมแล้ว 116,298 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 70 เกิดขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

ในปี 2560 เม็กซิโกภายใต้ประธานาธิบดี เอนริเก เปญญา นิเอโต มีการออกกฎหมายทั่วไปว่าด้วยบุคคลสูญหาย โดยมีการนำระเบียบการใหม่มาใช้หลายประการ อย่างเช่น ระบบการค้นหาระดับชาติ และคณะกรรมการค้นหาระดับชาติ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวในการค้นหาสมาชิกครอบครัวของพวกเขาที่หายตัวไป

แต่ถึงแม้ว่าจะมีระเบียบการใหม่เหล่านี้ แต่ทางสำนักทะเบียนของทางการก็ไม่ได้จัดประเภทของบุคคลที่สูญหายโดยส่วนใหญ่ว่าเป็นเหยื่อของอาชญากรรม ทำให้เป็นการขัดขวางการสืบสวนตามกระบวนการของกฎหมาย หรือขัดขวางการเป็นตัวแทนของพวกเขาในการเปิดการไต่สวนคดี

จากรายงานละตินอเมริกาของสำนักงานวอชิงตันปี 2564 ระบุว่า "จากจำนวนบุคคลสูญหายมากกว่า 23,000 คน ช่วงระหว่างปี 2561-2564 มีอยู่น้อยกว่า 1 ใน 3 ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเหยื่อของอาชญากรรมอย่างใดอย่างหนึ่งโดยระบุไว้ในทะเบียน และมีอยู่น้อยกว่านี้มากที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเหยื่อของอาชญากรรมตามที่นิยามไว้ในกฎหมายทั่วไปเพื่อการต่อต้านการสูญหาย"

ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำการลดทอนปัญหาเรื่องที่มีจำนวนผู้สูญหายจำนวนมาก

ในวิดีโอที่มีการบันทึกไว้ล่วงหน้าช่วงที่โอบราดอร์แถลงข่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา เขากล่าวหานักข่าวและอาสาสมัครค้นหาผู้ตายที่พบว่ามีหลุมศพหมู่ในเม็กซิโกซิตี้ ว่าเป็นพวกที่ "เพ้อจากโรคใคร่ศพ"

รัฐบาล โลเปซ โอบราดอร์ ได้ออกสำมะโนประชากรของตัวเองในเดือน ธ.ค. 2566 "ฉบับสาธารณะเพื่อการปรึกษาหารือ" ในฐานะส่วนหนึ่งของสำนักทะเบียนแห่งชาติของบุคคลสูญหาย ซึ่งมีการลดจำนวนผู้สูญหายลงจากประมาณ 110,000 ราย เป็น 12,377 ราย

"แต่พวกเราก็มาที่นี่เพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นว่า มีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่คิดถึงบุคคลที่พวกเขารัก เพื่อที่จะแสดงให้พวกนั้นเห็นว่าสถิติของพวกนั้นไม่ถูกต้อง" หนึ่งในผู้เดินขบวน ซูรี บาเฮนา กล่าว

สำมะโนประชากรฉบับดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องจากขาดการควบคุมดูแลและมีคณะทำงานที่ขาดการอบรมผู้ที่ทำการสำรวจสำมะโนประชากรโดยอาศัยระเบียบวิธีที่น่าสงสัย ผู้วิจารณ์เรื่องนี้บอกว่าการที่รัฐบาลปล่อยให้มีการลอยนวลไม่ต้องรับผิดและการลดทอนความสำคัญของวิกฤตคนหายไม่เพียงแค่เป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมและการค้นหาสมาชิกครอบครัวผู้สูญหายเท่านั้น แต่ยังปล่อยให้กลุ่มคุณแม่ผู้ค้นหาคนหายเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยความรุนแรงอีกด้วย

ในปี 2565 ปีเดียว มีคน 5 คนจากกลุ่มแนวร่วมคุณแม่ผู้ค้นหาคนหายซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ออกมาประท้วงนี้ ถูกฆาตกรรม ได้แก่ เทเรซา มากูยัล จากกลุ่มค้นหาที่ชื่อ "อะ พรอมิส ทู คีพ" , มาเรีย เอล คาร์เมน วาซเกซ ผู้ที่ค้นหาลูกชายของตัวเองที่สูญหายเมื่อเดือน มิ.ย. 2565, บลังกา เอสเมอรัลดา กัลลาร์โด จากกลุ่ม "เดอะ วอยซ์ ออฟ ดิสแอพเพียเร็ด" , ลิเลียน โรซาริโอ รอดริดจ์ บาร์ราซา จากกลุ่ม "ฮาร์ทส วิทเอาต์ จัสติส" , อนา ลุยซา การ์ดูโญ ผู้ที่ค้นหาลูกสาวของตัวเองที่ชื่อ อนา คาเรน ฮุยโกเชีย ผู้ที่สูญหายในปี 2555 และ แกลดีส์ อารันซา รามอส จากกลุ่ม "ยูไนเต็ต มาเทอร์ส" และ "วอร์ริเออร์ ออฟ โซโนรา"


เรียบเรียงจาก
Mothers in Mexico demand justice and visibility for disappeared family members, Courtroom News, 10-05-2024
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net