Skip to main content
sharethis

คอบช. และสมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ร่วมกับ 222 องค์กร คัดค้านการพิจารณาร่างกฎหมายการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พร้อมบุก สนช. 9 ม.ค.นี้ ชี้เปิดช่องให้ภาคธุรกิจมาสวมรอยตั้งองค์กรผู้บริโภคได้ ทำให้ไม่มีความเป็นอิสระ ถูกแทรกแซงได้ง่าย เนื่องจากการมีกลไกทำให้เกิดหลายสภา ไม่เกิดพลังในการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคตามรัฐธรรมนูญ ซ้ำการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐยังไม่ชัดเจน

7 ม.ค.2562 คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) ร่วมกับสมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 222 องค์กร แถลงกว่า เตรียมเดินทางไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการพิจารณาร่างกฎหมายการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค เนื่องจากขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ที่ต้องการให้มีองค์กรตัวแทนผู้บริโภคระดับประเทศที่เป็นอิสระที่มีพลังในการพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวกลับมีเนื้อหาที่เปิดช่องให้ภาคธุรกิจมาสวมรอยตั้งองค์กรผู้บริโภคได้ ทำให้ไม่มีความเป็นอิสระ ถูกแทรกแซงได้ง่าย เนื่องจากการมีกลไกทำให้เกิดหลายสภา ไม่เกิดพลังในการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคตามรัฐธรรมนูญ ซ้ำการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐยังไม่ชัดเจน

สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล ประธาน คอบช. กล่าวว่า คอบช. ได้ร่วมกับเครือข่ายผู้บริโภค ผลักดัน
ให้เกิด “องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค” มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวแทนที่เป็นหนึ่งเดียว คอยเป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้บริโภค เวลาที่รัฐจะออกนโยบายหรือกฎหมายต่างๆ ก็จะมีองค์กรนี้ตัวแทนเข้าไปช่วยรักษาสิทธิให้กับผู้บริโภคในฐานะตัวแทน ซึ่งเรื่องนี้เริ่มมีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 57 และต่อมาปี 2550 ก็ยังมีระบุไว้ในมาตรา 61 ซึ่งเขียนชัดเจนมากขึ้น แต่เมื่อมีรัฐธรรมนูญ ปี 2560 พบว่า มีการระบุเรื่องสิทธิผู้บริโภคในมาตรา 46 และมีกำหนดให้องค์กรผู้บริโภคมารวมตัวกันและจัดตั้งเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระเพื่อให้เกิดพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งถือว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนถอยหลังกว่าฉบับอื่นๆ ที่มาเขียนเรื่องการรวมตัวขององค์กรผู้บริโภคที่เกิดมานานแล้ว

สุภาพร กล่าวอีกว่า เมื่อ คอบช. ได้ติดตามกระบวนการทำกฎหมายตาม ม.46 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงร่างกฎหมายที่ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน เริ่มจากที่คณะรัฐมนตรีให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นเจ้าภาพทำกฎหมาย มีการยกร่างและนำไปเปิดรับฟัง โดย สคบ.จัดเวทีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภคและภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ จนได้ร่างชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. ....” ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่รับรองให้เกิดตัวแทนผู้บริโภคอย่างเป็นทางการและผ่านมติ ครม. แล้ว แต่เมื่อนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการกฤษฏีกา คณะพิเศษที่มี มีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน เกิดการปรับแก้เนื้อหาจนจำร่างเดิมไม่ได้ เปลี่ยนชื่อเป็น “ร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ....” ที่เขียนวิธีจัดตั้งที่แตกต่างไป อีกทั้งหลังจากร่างกฎหมายออกจากคณะกรรมการกฤษฏีกา ก็มีเพียงนำไปขึ้นเว็บไซต์ ไม่ได้มีการนำไปสอบถามความคิดเห็นจากผู้บริโภคเหมือน ฉบับของ สคบ. จึงเห็นว่าร่างกฎหมายนี้ นอกจากจะไม่ตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว ยังไม่ได้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง จึงไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค และจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคไปที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันที่ 9 มกราคมนี้ เพื่อแสดงจุดยืนให้ สนช. ยุติการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ และเรียกร้องไปยังพรรคการเมืองต่างๆ ให้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 เพื่อประโยชน์ของประชาชน

สุภัทรา นาคะผิว กรรมการ คอบช. ด้านบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในฐานะที่ได้เข้าไปร่วมในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ในชั้นของกฤษฏีกา พบเห็นจุดอ่อนของร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ที่สำคัญหลายประการ อย่างเช่น ตัวสภาองค์กรของผู้บริโภคไม่มีความเป็นเอกภาพ ขาดอิสระ เพราะมีรูปแบบการจัดตั้งทำให้เกิดหลายสภาและมีโอกาสที่จะถูกแทรกแซง ถูกเลือกใช้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ของภาครัฐและธุรกิจ ไม่มีพลังในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคได้จริง รวมถึงเรื่องของการไม่กำหนดให้มีสำนักงานของสภาองค์กรของผู้บริโภคไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน เพียงระบุให้เขียนเป็นข้อบังคับ ซึ่งต่างกับว่าร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่ สคบ. จัดทำ ที่มีระบุไว้เป็นหมวด สำนักงานคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ  ซึ่งจุดนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของงบประมาณที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐ อีกทั้งหากมีตัวสภาเกิดขึ้น แต่ไม่มีสำนักงานที่เป็นส่วนปฏิบัติการ การทำงานของคณะกรรมการสภาก็ไม่มีพลัง ไม่สามารถทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคได้จริง จึงไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้

ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง นักวิชาการเครือข่ายผู้บริโภค มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
กล่าวว่า ร่างกฎหมายสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ผ่านคณะกรรมการกฤษฏีกา ไม่ได้รักษาหลักการของกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ อีกทั้งร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีเนื้อหาที่ไม่สื่อความเป็นตัวแทนของผู้บริโภค
ทั้งเรื่องชื่อของกฎหมายที่ไม่แสดงถึงการมีตัวแทนของผู้บริโภคที่เป็นทางการ ยิ่งทำให้ลดความน่าเชื่อถือของสภาองค์กรของผู้บริโภค ในส่วนของอำนาจหน้าที่ของสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่กำหนดไว้มากมายในกฎหมาย ที่ต้องสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคต่างๆ และการดูแลผู้บริโภคทั้งประเทศในทุกด้าน แต่งบประมาณก็ไม่ได้กำหนดมีหลักประกันที่ชัดเจน จึงเป็นร่างกฎหมายที่ยังไม่ตอบโจทย์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ดังนั้น สนช. ไม่ควรพิจารณาออกกฎหมายเช่นนี้ เพราะจะทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ และเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาตินำร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. ...ของ สคบ.  ที่มีเนื้อหาผ่านกระบวนการรับฟังจากผู้บริโภคทั่วประเทศมาพิจารณา

บุญยืน ศิริธรรม นายกสมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กล่าวว่า แนวคิดการมีองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค หรือเกิดสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาตินั้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีตัวแทนระดับประเทศ เช่นเดียวกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีสภาเดียวทำหน้าที่เป็นตัวแทนของภาคธุรกิจ ซึ่งร่างกฎหมายการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ... ที่คณะกรรมการกฤษฏีกาเขียนนั้น เป็นการทำให้เกิดสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ไม่เป็นทางการ มีหลายสภา เห็นได้จากวิธีการจัดตั้งที่ให้องค์กรผู้บริโภครวมตัวก่อการกันเข้าชื่อให้ได้ 150 องค์กร และต้องได้รับการยินยอมจากองค์กรผู้บริโภคทั้งหมดที่จดแจ้งสถานะไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง  เมื่อร่างกฎหมายนี้เปิดช่องให้กลุ่มทุนธุรกิจที่ไม่เป็นนิติบุคคลเข้ามาตั้งสภาองค์กรผู้บริโภคได้ จึงเชื่อว่าหากกฎหมายนี้ออกมาจะไม่เกิดประโยชน์กับผู้บริโภค เพราะเมื่อมีหลายองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยภาคธุรกิจ การรวมตัวกันให้ได้กึ่งหนึ่งตามกฎหมายเพื่อจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคย่อมทำได้ลำบากขึ้น หากตั้งก็ทำให้มีการแทรกแซงจากองค์กรที่จัดตั้งโดยภาคธุรกิจ ไม่ได้เกิดสภาองค์กรของผู้บริโภคที่มีความเป็นอิสระ ทำงานเพื่อผู้บริโภคได้จริง ฉะนั้น หากมีแล้ว เป็นอุปสรรคต่อการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคมากกว่า ก็ไม่ควรมีกฎหมายฉบับนี้

ภญ.ชโลม เกตุจินดา กรรมการ คอบช. เขตภาคใต้ กล่าวว่า การขับเคลื่อนเรื่อง องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค หรือมีสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ ตนคาดหวังให้มีองค์กรอิสระของผู้บริโภคทำหน้าที่สร้างความเข็มแข็งให้องค์กรผู้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานของรัฐยังทำไม่ได้ดีพอ เป็นปากเสียงให้กับผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ช่วยให้ผู้บริโภคเท่าทันยิ่งในปัจจุบันที่สินค้าบริการต่างๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น ช่วยตรวจสอบการละเมิดสิทธิผู้บริโภคของรัฐและเอกชน รวมทั้งดำเนินงานเชิงรุก ผลักดันนโยบาย กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และเมื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. .. ที่ สคบ. ได้ทำขึ้น ก็เห็นว่าเกิดประโยชน์กับผู้บริโภคมากกว่า เพราะวิธีจัดตั้งโดยการคัดเลือกกันเองขององค์กรผู้บริโภคทำให้มีเพียงสภาเดียว มีสำนักงานของสภาชัดเจน เกิดตัวแทนผู้บริโภคที่เป็นทางการ ทำให้มีพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ในการทำหน้าที่ได้ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

ดังนั้น คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) สมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 222 องค์กร จึงมีข้อเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือ

1. ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติยุติการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ... เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่ไม่ตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดองค์กรที่ไม่มีความเป็นเอกภาพ และถูกแทรกแซงได้ง่าย กระบวนการจัดทำขาดการมีส่วนของภาคประชาชนอย่างแท้จริง

2. หากต้องพิจารณากฎหมายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติใช้ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลักในการจัดทำ เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และมีการรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวาง

3. ในการพิจารณาร่างกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ต้องมีสัดส่วนของภาคประชาชนร่วมในการจัดทำกฎหมาย ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของคณะกรรมาธิการชุดที่พิจารณากฎหมายนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนองค์กรผู้บริโภคเข้าไปร่วมให้ความเห็นในการจัดทำกฎหมาย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net