Skip to main content
sharethis

18 มี.ค. 2563 สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกแถลงการณ์ถึงกรณีการก่อเหตุระเบิดสองครั้งหน้าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมเพื่อแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ของหน่วยงานราชการเมื่อวันที่ 17 มี.ค.

รายงานท้องถิ่นระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก 5 จังหวัดในภาคใต้ นักข่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และมีผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดดังกล่าวอย่างน้อย 25 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และในจำนวนนี้อย่างน้อย 10 คนเป็นผู้หญิง

“การใช้อาวุธอย่างไม่เลือกปฏิบัติโดยมีเป้าหมายเป็นพลเรือนเป็นข้อห้ามภายใต้กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ และการก่อเหตุดังกล่าวระหว่างที่มีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้” ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนประจำภูมิภาคของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ณ กรุงเทพมหานคร กล่าว

“เราประณามการก่อเหตุครั้งนี้อย่างที่สุดและขอเรียกร้องให้เคารพต่อพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ”

ขณะที่คณะกรรมการการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่ แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เรื่อง ขอประณามการวางระเบิดหน้า ศอ.บต. ยะลา ขณะประชุมเตรียมรับมือสถานการณ์โรคโควิด 19  โดยมีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

เรื่อง ขอประณามการวางระเบิดหน้า ศอ.บต. ยะลา ขณะประชุมเตรียมรับมือสถานการณ์โรคโควิด 19

ตามที่ได้เกิดเหตุคนร้ายปาและวางระเบิดรถยนต์หน้าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ยะลา เมื่อช่วงสายวันที่ 17 มีนาคม 2563 ในขณะที่หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังประชุมเตรียมรับปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นเหตุให้มีประชาชน เจ้าหน้าที่ และผู้สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บหลายราย  รวมทั้งป้ายและกำแพงบริเวณทางเข้าของ ศอ.บต. ยะลา ได้รับความเสียหายด้วย นั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการคุ้มครองและส่งเสริมการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ขอประณามการกระทำอันอุกอาจของกลุ่มคนร้ายที่มุ่งหมายให้เจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับอันตรายต่อชีวิต และขาดมนุษยธรรมในการเลือกโจมตีระหว่างที่ฝ่ายต่าง ๆ กำลังร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 ที่กำลังคุกคามชีวิตและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ การโจมตีครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคแล้ว ยังก่อให้เกิดความไม่มั่นใจแก่ประชาชนในการเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือเข้าถึงการคุ้มครองสิทธิในสุขภาพและชีวิต ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้

กสม. ขอเป็นกำลังใจให้แก่ประชาชนและส่วนราชการทุกหน่วยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งนอกจากจะต้องเผชิญกับความหวาดหวั่นและต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แล้ว ยังต้องมีความกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายจากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างทั่วถึง และขอให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ได้ติดตามนำกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการแก่ประชาชนที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นมหันตภัยที่ผู้คนทั้งประเทศและทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net