ส.ส. ก้าวไกลยื่นหนังสือ ขออธิบดี ทช. ระงับ 4 กำแพงกันคลื่น จ.สงขลา

ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส. พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขอให้อธิบดีระงับโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น 4 โครงการที่ จ.สงขลา ตามอำนาจ พ.ร.บ. จัดการทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากกระทบสิ่งแวดล้อมร้ายแรง เผย อธิบดีพร้อมคุยกับกรมโยธาฯ แต่คงระงับไม่ได้ เนื่องจากต้องพิสูจน์ว่าเสียหายจริง

ภาพการขุดหาดทรายเพื่อวางโครงสร้างของกำแพงกันคลื่นที่หาดม่วงงาม (ที่มา:Facebook/Beach for life)

28 พ.ค. 2563 ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล เดินทางไปยื่นหนังสือที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เพื่อขอให้อธิบดี ทช. ระงับโครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่งริมทะเลหรือกำแพงกันคลื่น 4 โครงการใน จ.สงขลา โดยให้เหตุผลว่าการก่อสร้างจะทำให้เกิดการกัดเซาะที่บริเวณใกล้เคียงอย่างรุนแรงกว่าเดิม และสร้างความเสียหายต่อคุณภาพของสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์ของชุมชน (ดูภาพหนังสือท้ายข่าว)

โครงการที่มีการระบุในหนังสือได้แก่ โครงการความยาว 710 เมตร ที่หาดม่วงงาม อ.สิงหนคร โครงการความยาว 1,955 เมตร ที่หาดม่วงงาม (เฟส 2) โครงการความยาว 1,102 เมตร ที่ อ.สทิงพระ และโครงการความยาว 1,750 เมตร ที่ ต.ชิงโค อ.สิงหนคร 

หนังสืออ้างถึงมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ที่ระบุว่า "ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอํานาจสั่งให้บุคคลนั้นระงับการกระทํา หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนั้นเป็นการชั่วคราวตามความเหมาะสม"

ประเสริฐพงษ์กล่าวกับประชาไทว่า ได้ยื่นหนังสือไปแล้ว โดยอธิบดี รองอธิบดี และผู้อำนวยการที่ดูแลเรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง ยินดีรับเรื่องไปสื่อสารกับกรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำการจัดซื้อจัดจ้างโครงการ แต่คาดหมายว่าไม่สามารถมีผลในทางการระงับได้ เพราะการจะใช้มาตรา 17 นั้นมีประเด็นเรื่องการตีความเรื่องความเสียหาย ซึ่งตามความเห็นส่วนตัวและวิญญูชนทั่วไปนั้นเห็นว่าหาดทรายและทรัพยากรนั้นเสียหายแล้ว จากการที่รถแบ็คโฮได้ขุดลงไปในชายทะเลที่น้ำท่วมถึง แต่ ทช. ตีความว่าคงจะต้องถูกฟ้องร้องคดีและต่อสู้กันในศาลเสียก่อน เพราะเกรงว่าถ้า ทช. พิสูจน์ความเสียหายไม่ได้ก็จะเสียหลักการ

ทั้งนี้ ทช. กำลังออกประกาศกระทรวงเกี่ยวกับกรบวนการก่อสร้างบนชายหาดที่จะต้องผ่าน ทช. แต่กรณีของหาดม่วงงามนั้นรอเวลาไม่ได้ แม้จะมีการฟ้องศาลปกครองไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการก่อสร้างให้เกิดการเสียหาย ผู้รับเหมาก็ยังตอกเสาเข็มอยู่

ในส่วนของหาดม่วงงามนั้น ส.ส. พรรคก้าวไกลระบุว่า อาจจะต้องไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมโยธาธิการ เพราะโครงการที่หาดม่วงงามกระทำอย่างผิดขั้นตอน เนื่องจากไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการดูแลทรัพยากรทางทะเลจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมี ทช. จังหวัดเป็นเลขาฯ ซึ่งยังไม่ผ่านกระบวนการมาถึง ทช. ระดับชาติ ส่วนนี้อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือ ม.157 ซึ่งต้องพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรมต่อ

"คิดว่าช่องทางต่างๆ ที่ ส.ส. อย่างผม หรือทีมมวลชนที่จะทำได้ที่เหลือก็คือลองทำหนังสือถึงกรมโยธาฯ อีกสักฉบับ เพื่อให้รัฐมนตรีอนุพงษ์ เผ่าจินดา (รมว.กระทรวงมหาดไทย) ใช้ความกล้าหาญในฐานะพลเอกคนหนึ่ง หรือว่า เปิดใจกว้างพอที่คนจะมีความเห็นที่แตกต่างที่จะดื้อรั้นต่อไป" ประเสริฐพงษ์กล่าว

กรณีที่ตำรวจ สภ.ม่วงงามไม่อนุญาตให้ประชาชนชุมนุมที่หาดม่วงงามเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 พ.ค.) โดยอ้างว่าจะเป็นการฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และการควบคุมโควิด-19 นั้น ประเสริฐพงษ์ให้ความเห็นว่า เห็นได้ชัดว่าภาครัฐยืมมือกฎหมายมาปิดกั้นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงออก เป็นเรื่องที่ขัดรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนสากล

"ผมยังยืนข้างประชาชนที่ออกมาแสดงสิทธิ เสรีภาพที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำ ก็ในเมื่อประชาชนไม่ได้มีอาวุธ และถ้าชุมนุมโดยมีระยะห่าง คุณก็ไปห้ามเขาไม่ได้" ส.ส. พรรคก้าวไกลกล่าว

เมื่อ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น ได้ยื่นศาลปกครองพิจารณาคดีกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมเจ้าท่า โดยขอให้ศาลมีคำสั่งยุติโครงการ และรื้อถอนกำแพงกันคลื่นหาดม่วงงามที่ก่อสร้างลงไปแล้ว โดยอ้างว่าโครงการขาดการมีส่วนร่วม ไม่มีการทำ EIA และอนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำและเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดิน

เมื่อ ธ.ค. 2556 สำนักงานนโยบายและแผนฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีมติถอดถอนกำแพงกันคลื่นทุกขนาดออกจากประเภทโครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากที่เดิมที กำแพงริมชายฝั่งความยาวตั้งแต่ 200 เมตรขึ้นไปจะต้องจัดทำ EIA

เอกสารที่ประเสริฐพงษ์ยื่น ทช.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท