Skip to main content
sharethis

 

'พิจารณ์ ก้าวไกล' อภิปรายงบกองทัพ สะท้อนรัฐเลิกอำพรางงบแบบรบกลางคืน พร้อมทวงคืนสัญญา ‘กลาโหม’ เปิดข้อมูล ‘ธุรกิจกองทัพ’ ด้าน 'ประยุทธ์' แจ้งหลายส่วนเป็นงบฯ ผูกพัน  เพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ในภารกิจดูแลป้องกันประเทศ ย้ำยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อลูกหลานของท่าน

1 ก.ค.2563 อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เกี่ยวกับงบประมาณกองทัพ ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงาน พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ช่วงหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องเงินนอกงบประมาณและรายได้จากธุรกิจของกองทัพว่า ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ได้อภิปรายในประเด็นนี้กันไม่น้อย ในภาพรวมพบว่า มีเงินนอกงบประมาณ  94,500 ล้านบาท แต่ กระทรวงกลาโหม ไม่มีการจัดสรรเงินนอกงบประมาณสมทบในงบประมาณเลย จึงขอสื่อสารผ่านสภาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในชั้น กมธ.วิสามัญ งบประมาณประจำปี 64 ขอให้ส่งรายงานการตรวจสอบบัญชีของ สตง. ที่ตรวจสอบงบการเงินของแต่ละหน่วยรับงบประมาณใต้กระทรวงกลาโหมมาให้ด้วย ทั้งนี้ เงินนอกงบประมาณในส่วนของรายได้ยังไม่ปรากฏเงินรายได้จากธุรกิจของกองทัพอย่าง สนามม้า สนามมวย สโมสรต่างๆ โรงแรม สนามกอล์ฟ และธุรกิจอื่นๆ ทั้งที่ควรต้องควรจะต้องปรากฎด้วย 

“งบในส่วนนี้เกี่ยวพันอย่างยิ่งกับ การปฏิรูปกองทัพ ที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายก และรมว. กลาโหม รวมถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่าจะทำการปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจังภายใน 90 วัน ทุกวันนี้ เป็นยุคดิจิตอล อะไรที่สัญญาไว้ พูดเอาไว้ มันปรากฎบนโลก Social Media ทั้งสิ้น ภาคประชาชนเค้าเรียกร้อง คำสัญญาที่ท่านให้ไว้ ธุรกิจของกองทัพเหล่านี้ ผมไม่กล้าหวังเลยว่าจะส่งเงินสมทบคืนคลังหรือไม่ แต่จะส่งไม่ส่งก็เป็นสิ่งที่ท่านทำได้ เพราะมีกฎหมายรองรับ อย่างไรก็ตาม อยากขอนายกในฐานะ รมต กลาโหม สักอย่างคือ ขอให้เลิกยุทธการรบในเวลากลางคืนได้แล้ว ทุกวันนี้ธุรกิจกองทัพ ทำเหมือนสู้รบในเวลากลางคืน อำพรางกาย ระวังไม่ให้ข้าศึกมองเห็น อย่ามองพวกเรา พี่น้องประชาชน เป็นข้าศึก เปิดเผยให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะอ้างข้อกฎหมายเพื่อไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลของกิจการเหล่านี้ เว้นเสียแต่ว่า เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เลยต้องหมกเม็ด ต้องกินกันลับๆ” พิจารณ์ กล่าว

พิจารณ์ ยังกล่าวต่อไปว่า หากระบุว่า กิจการ ธุรกิจเหล่านี้ดำเนินไปเพื่อจัดเป็นงบประมาณสวัสดิการของกองทัพ ยิ่งต้องทำให้โปร่งใส เพราะประชาชนเค้าพูดกันว่าสวัสดิการเหล่านี้ มีเพื่อให้ทหารชั้นผู้ใหญ่ ส่วนทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้รับ ถึงตอนนี้ 202วัน แล้วที่คำถามของ ณธีภัทร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เพื่อนสมาชิกพรรคก้าวไกลอดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้สอบถามเรื่องนี้ในชั้น กมธ.วิสามัญ งบประมาณ 2563 พร้อมขอเอกสารชี้แจงจากกลาโหม เกี่ยวกับธุรกิจของกองทัพบก ในเรื่องของรายได้ ส่วนต่าง สัญญาสัมปทาน ข้อตกลงระหว่างกลาโหมกับกระทรวงการคลัง รายละเอียดของเงินนอกงบประมาณ และตนก็เคยถามคำนี้เช่นเดียวกันต่อ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ในสภาแห่งนี้ เป็นกระทู้สด ข้อที่ 3 เมื่อ วันที่ 11 ธันวาคม 2562 โดยได้รับคำตอบในเวลานั้นว่า อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูล จะประสานแจ้งให้ทราบต่อไป

ช่วงท้ายของการอภิปราย พิจารณ์กล่าวว่า ถึงวันนี้ เป็นเวลา 202 วันแล้ว ที่พวกเรายังไม่ได้คำตอบ ไม่ทราบว่ายังรวบรวมเอกสารไม่เสร็จอีกหรือ ดังนั้น ใน กมธ.วิสามัญงบประมาณปี 2564 เราต้องจะถามคำถามเหล่านี้และขอเอกสารต่อไป ได้แก่ รายได้จากการใช้ทรัพยากรคลื่นวิทยุย้อนหลัง 10 ปี รายชื่อบริษัทผู้รับบริหารหรือสัมปทานคลื่นวิทยุและสัญญากับทุกบริษัท สัญญาระหว่างกองทัพบกกับบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ หรือช่อง 7 ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2512 ทุกฉบับ รายได้จากการให้สัมปทานกับ ช่อง 7 ทุกปี ตั้งแต่ปี 2512 รายได้อัตราค่าเช่าโครงข่ายภาคพื้นดินหรือ MUX ย้อนหลังทุกปีตั้งแต่เริ่มมีรายได้ ข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง 2561 มาตรา 61(3) และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงิน, รับเงิน, การจ่ายเงิน, การเก็บรักษาเงินและการนำส่งคลัง ปี 2562 รายละเอียดเงินนอกงบประมาณ ประเภทหนึ่ง ประเภทสอง ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเงิน ปี 2554 ว่าเงินนอกงบประมาณรายการใดอยู่ในประเภทหนึ่ง และรายการใดอยู่ในประเภทสอง และที่มารายประเภทของรายได้นอกงบประมาณ และรายจ่ายของเงินนอกงบประมาณ ย้อนหลัง 5 ปี

'ประยุทธ์' แจ้งหลายส่วนเป็นงบฯ ผูกพัน ย้ำยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อลูกหลานของท่าน

สำนักข่าวไทยและ workpointTODAY รายงาน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงถึงการจัดสรรงบประมาณของกองทัพ ว่า จากการตรวจสอบกับสำนักงบประมาณทุกอย่างยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกประการ ซึ่งเป็นงบผูกพันข้ามปีในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการผลิต การผ่อนชำระเนื่องจากมีราคาแพง ประเทศมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอาวุธยุทธโธปกรณ์ ให้เพียงพอ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการสนับสนุนงบในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ทำให้ปัจจุบันมีอาวุธยุทโธปกรณ์เก่า ประมาณ 80% และเพื่อทดแทนให้ ไม่ให้ต้องเสียงบประมาณในการซ่อมบำรุง กองทัพมีภารกิจที่ต้องดูแลป้องกันอธิปไตยในการดูแลชายแดน ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อม ทางด้านกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้ แม้จะไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้นก็ตาม  สิ่งสำคัญคือวันนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ มีความก้าวหน้า ซึ่งอาวุธ ยุทธโธปกรณ์ที่ไม่มีความทันสมัยอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภารกิจป้องกันชายแดนจะต้องใช้กำลังพลจำนวนหลายหมื่นคนในการดูแลพื้นที่ ทำให้การแก้ปัญหาชายแดนสามารถยุติได้พอสมควร จากภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลเข้าใจถึงความห่วงใยจากสมาชิก ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะดำเนินการทุกอย่าง ๆ ดีที่สุด ซึ่งอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจ และให้ห่วงใยถึงลูกหลานที่เป็นทหารด้วย  ที่จะต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลเข้าใจถึงความห่วงใยของท่าน ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พยายามจะทำให้ดีที่สุด เพียงแต่ขอความเข้าใจกันบ้าง

“หลายๆ คนลูกหลานก็เป็นทหารทั้งสิ้น คงต้องห่วงใยเขา ถ้าหากว่าเราไม่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่มียุทโธปกรณ์ที่ป้องกันตัวเองได้ ในขณะที่อาวุธต่างๆ มีความร้ายแรง ก็อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียของลูกหลานของท่าน ของพวกเรากันเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจง ว่า ปัจจุบันมีภัยคุกคามรูปแบบใหม่จำนวนมาก ทั้งเรื่องยาเสพติด ภัยพิบัติต่างๆ กระทรวงกลาโหม และ กองทัพ ทราบดีในสถานการณ์ในอนาคต ที่กองทัพต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชน จึงต้องปรับโครงสร้างกองทัพให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และจากสถานการณ์โควิด-19 กองทัพก็สนับสนุนบุคลากรด้านการแพทย์ จัดชุดแพทย์ไปอยู่ในทุกพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งโรงแรม และโรงพยาบาล ขณะเดียวกันกองทัพได้จัดการกำลังที่มีอยู่ให้พร้อมที่จะปฏิบัติการหากมีสถานการณ์จำเป็นเร่งด่วน งบประมาณต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต้องใช้ในการปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงอากาศยานซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นในปี 2564 กองทัพจึงได้ปรับลดงบประมาณลงจากปี 2563 แต่เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net