Skip to main content
sharethis

รักษการ ผบ.ตร.แถลงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้คาดเกิดจากยางระเบิดแล้วเกิดสะเก็ดไฟไปโดนถังแก๊สไฟลุกลามเร็วบางส่วนอาจตกใจหนีไม่ทันแม้ประตูเปิดได้ ขณะนี้ยังติดตามหาตัวคนขับและกำลังตรวจสอบว่าเกิดจากความประมาทหรือละเลยตรวจสภาพรถหรือไม่ ถ้าใช่เตรียมดำเนินคดี

1 ต.ค.2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวแสดงความเสียใจกับอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาไฟไหม้ครั้งนี้และได้กล่าวถึงการตรวจสอบเบื้องต้นที่ได้จากสอบสวนพยาน สันนิษฐานว่าเกิดจากยางล้อรถยนต์ระเบิดขึ้นมาทำให้เกิดประกายไฟและมีถังแก๊สที่เป็นเชื้อเพลิงอยู่ในรถดังกล่าวจึงทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องโดยสาร

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบในเรื่องที่รถบัสมีประตูฉุกเฉินแต่ทำไมเปิดไม่ได้ว่า มีทั้งเด็กและครูลงมาได้นั่นหมายถึงว่าประตูเปิดได้และมีเด็กบางคนกระโดดออกทางหน้าต่าง แต่จากการสอบถามครูทราบว่าเหตุที่เกิดขึ้นเร็วมากประกายไฟที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วขนาดจะะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายังไม่ทัน ส่วนที่เหลือคิดว่ายังอยู่ในอาการตกใจจึงไม่สามารถออกจากรถได้ทัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเด็กคนใดบ้าง

ส่วนเรื่องตัวเลขผู้เสียชีวิตรักษาการ ผบ.ตร.ยังไม่ยืนยันจำนวนเพราะตอนนี้การกู้ชีพกู้ภัยที่กำลังดำเนินการถอนเบาะที่นั่งออกและนำร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ข้างในออกมา

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  กล่าวถึงเรื่องติดตามหาตัวคนขับว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลคนขับและบริษัทอยู่เพื่อนำมาประกอบการสอบสวนและออกหมายจับเบื้องต้นทราบว่าเป็นคน จ.สิงบุรี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าคนขับรถเป็นภารโรงไม่ใช่คนขับรถที่มีความเชี่ยวชาญจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นพนักงานที่บริษัทรถส่งมาหรือไม่อย่างไรเพราะรถที่ใช้เป็นของเอกชน แต่ย้ำกับผู้การจังหวัดปทุมธานีให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเกิดจากความประมาทและบริษัทรถหรือไม่อย่างไรอีกทั้งยังไม่ทราบข้อมูลว่าช่วงเกิดเหตุคนขับได้ช่วยเหลือเด็กหรือไม่  ถ้าหากพบว่าไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกันแสดงว่าไม่มีความพร้อมในการแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุและเข้าข้อกฎหมายเรื่องการประมาทหรือไม่ ถ้าพบว่าเป็นความผิดจะต้องดำเนินคดีทั้งบุคคลและบริษัท

รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวถึงเรื่องมาตรการตรวจสอบสภาพรถว่า มีมานานแล้วทั้งของกรมขนส่งทางบกและตำรวจ รถสาธารณะมีมาตรการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และในกระบวนการสอบสวนจะดูประเด็นพวกนี้ด้วยว่าถ้าบริษัทเจ้าของรถละเลยจะถือว่าเป็นองค์ประกอบความผิด และยืนยันว่ากองพิสูจน์หลักฐานจะดูรายละเอียดทุกประเด็นทั้งเรื่องความเร็วของรถทั้ง 3 คัน เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดความเศร้า สลด การจะไปช่วยปกปิดเป็นไปไม่ได้

ประเด็นเรื่องตรวจอัตลักษณ์บุคคล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่าไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ภายในที่เกิดเหตุ จะต้องนำร่างผู้เสียชีวิตไปที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และได้สั่งการผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานให้เราร่วมมือกับแพทย์นิติเวชเก็บดีเอ็นจากร่างผู้เสียชีวิตแล้วประสานกับทางญาติหรือผู้ปกครองโดยสายเลือดเพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอกันรวมถึงต้องตรวจให้เสร็จภายในสองวัน ญาติผู้เสียชีวิตจะได้รับร่างไปดำเนินการตามประเพณี

สำหรับการเก็บดีเอ็นเอของญาตินั้นต้องดูความสะดวกว่าเราจะให้แพทย์ที่จังหวัดอุทัยธานีเก็บได้หรือไม่แต่หากจะให้ทัวร์ 100% อาจจะประสานงานขอให้เดินทางมาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเก็บดีเอ็นเอต่อหน้าแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net