ไฟไหม้รถบัสนักเรียนคาดเสียชีวิต 23 คน นิติเวชเปิดศูนย์ตรวจอัตลักษณ์ ขอญาติสายตรงมาให้ตัวอย่าง DNA “อุ๊งอิ๊ง” แสดงความเสียใจรัฐบาลรับดูแล พร้อมส่งตัวคนไม่บาดเจ็บกลับอุทัยธานีวันนี้ 

ภาพจากวิดีโอหน้ารถขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้

1 ต.ค. 2567 สำนักข่าวหลายแห่งรายงานถึงเหตุการณ์รถบัสขนส่งนักเรียนของโรงเรียนวัดเขาพระยาจากจังหวัดอุทัยธานีเกิดเพลิงไหม้ระหว่างเดินทางที่บริเวณหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถ.วิภาวดีขาเข้า

เบื้องต้นมีการรายงานข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากร่วมกตัญญูว่าบนรถบัสคันดังกล่าวมีผู้โดยสารทั้งหมด 44 คน เป็นนักเรียน 38 คน ครู 6 คน นักเรียนออกมาจากรถได้ 16 คน ครู 3 คน และมีนักเรียนเข้าโรงพยาบาล 3 คน ทั้งนี้มีแจ้งว่านักเรียนหาย 20 คน ครูหาย 3 คน

ล่าสุดเวลา 16.50 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยในที่เกิดเหตุแจ้งว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 23 คน แบ่งเป็นครู 3 คน นักเรียน 20 คน แบ่งตามระดับชั้นดังนี้

• ประถมหนึ่ง 3 คน
• ประถมสาม 6 คน
• ประถมสี่ 6 คน
• มัธยมสอง 2 คน
• มัธยมสาม 3 คน

ภาพความเสียหายของตัวรถ

นิติเวชเปิดรับตรวจอัตลักษณ์

เมื่อเวลา 16.45 น. มีรายงานว่า พล.ต.ต.วาที  อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยว่า สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เปิดศูนย์ปฎิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว และขณะนี้สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว 5 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ เนื่องจากสภาพศพถูกไฟไหม้ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างทยอยค้นหาเพื่อนำร่างออกจากรถคันดังกล่าวซึ่งยังไม่สามารถสรุปจำนวนที่ชัดเจนได้ โดยร่างที่นำออกจากรถได้แล้ว ก็จะทยอยนำส่งมาที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อทำการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล

ส่วนการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องรอให้พนักงานสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุก่อน โดยเฉพาะต้องนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาให้ได้ก่อน จากนั้นพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)ก็จะเข้าไปทำการตรวจ สภาพรถ และการติดตั้งระบบเชื้อเพลิง เพื่อนำมาประกอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตร.กล่าวว่าสำหรับขั้นตอนการผ่าพิสูจน์เบื้องต้น ทางทีมแพทย์จึงเน้นไปที่เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมจากเลือด เนื้อเยื่อ กระดูก เพื่อตรวจเทียบเคียงกับญาติ แต่ขอให้เป็นญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ หรือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เพื่อความรวดเร็วในการตรวจพิสูจน์

นอกจากนี้ ทางนิติเวช รพ.ตร.ได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขนำทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตในภาวะวิกฤตหรือ MCATT มาประจำที่ ศูนย์ปฎิบัติการฯ เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจกับผู้ปกครองหรือญาติที่มาติดตามความคืบหน้า พร้อมย้ำว่ามีความพร้อมทั้งอุปกรณ์และทีมแพทย์ในกรณีเกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้

สำหรับ ผู้ปกครองหรือญาติที่ต้องการติดต่อขอข้อมูลหรือปรึกษาสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-2076108 ต่อ 1101 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายกฯ แสดงความเสียใจต่อครอบครัว

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ทางบัญชี X แสดงถึงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และระบุว่าได้สั่งการให้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม รวมถึง ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว และรัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย

“ในฐานะแม่ ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต” แพทองธารระบุ

หลังจากนั้นเมื่อเวลา 14.30 น.แพทองธารเดินทางไปเยี่ยมนักเรียน 3 คนที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ใน ICU ของโรงพยาบาลแพทย์รังสิต และกล่าวว่าผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บทางกระทรวงคมนาคมจัดรถเตรียมไว้เพื่อส่งตัวกลับจังหวัดอุทัยธานี หากไม่ได้เป็นอะไรมากก็จะส่งตัวกลับวันนี้ทันที

‘อนุทน’ ได้รับแจ้งเสียชีวิตแล้ว 10 รายและอาจมีถึง 25

มติชนออนไลน์รายงานเมื่อ 14.05 น. ถึงคำให้สัมภาษณ์ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคมว่าเบื้องต้นทราบปัญหาว่ารถบัสคันดังกล่าวใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คิดว่ายังไม่ควรขึ้นไปบนรถเนื่องจากเสี่ยงระเบิดผู้เสียหายน่าจะอยู่บนรถด้านบน

ทั้งนี้ รมว.คมนาคม เห็นว่าเรื่องรถที่ใช้แก๊สเป็นเรื่องที่กระทรวงต้องพิจารณาไปศึกษาและหากเป็นอันตรายก็ต้องเลิกใช้เชื้อเพลิงนี้เพราะเสี่ยงมาก

ส่วนอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทยที่เดินทางไปที่เกิดเหตุ ระบุว่าสำหรับผู้รอดชีวิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ผู้เสียชีวิตยังติดในรถต้องรอแม่แรงยกรถเพราะมีถังแก๊สใต้รถที่ยังอันตรายอยู่ต้องให้ความปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานด้วย และเขายังได้ขอความร่วมมืออย่าถ่ายภาพผู้เสียชีวิตด้วยเพราะต้องนึกถึงผู้ปกครองและญาติด้วย แต่จากที่รับรายงานมีผู้เสียชีวิต 10 คน แต่คาดว่ามีถึงประมาณ 25 คน

ส่วนเรื่องสาเหตุ รมว.มหาดไทยฯ ระบุว่ายังต้องรอแถลง แต่เบื้องต้นสันนิษฐานว่ายางระเบิดทำให้รถเสียหลักแล้วชนกับแบริเออร์จนเกิดประกายไฟทำให้แก๊สลุกไหม้