Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษจากสื่อ Rest of World ระบุบริษัทต่าง ๆ กำลังนำระบบสัมภาษณ์งานด้วย AI มาใช้ และอ้างว่าบริการสัมภาษณ์ด้วย AI นี้ช่วยขจัดอคติ — แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย


ที่มาภาพ: Kiquebg/Pixabay 

  • บริษัทต่าง ๆ กำลังนำระบบสัมภาษณ์งานด้วย AI มาใช้เพื่อจัดการกับผู้สมัครงาน
  • โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ช่วยให้ผู้สัมภาษณ์สามารถถามคำถามเพิ่มเติม โดยอิงจากคำตอบของผู้ถูกสัมภาษณ์ได้
  • นักวิจารณ์กล่าวว่าโมเดลที่ไม่โปร่งใสเหล่านี้ สร้างความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอคติ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีการอธิบายวิธีการตัดสินใจของ AI

เมื่อฟลอเรีย ตัน (Floria Tan) สมัครฝึกงานที่ Meituan แพลตฟอร์มส่งอาหารของจีนยักษ์ใหญ่ เธอพบว่าการสัมภาษณ์งานทางวิดีโอคอลครั้งแรกของเธอนั้น ผู้สัมภาษณ์เธอกลับไม่ใช่มนุษย์

ผู้สัมภาษณ์ AI มีลักษณะสมจริงมาก เป็นผู้หญิงวัยใกล้เคียงกับตัน มีรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร แต่น้ำเสียงและท่าทางยังคงแข็ง ๆ เหมือนหุ่นยนต์อยู่ การสัมภาษณ์เริ่มด้วยการแนะนำบริษัท Meituan สั้น ๆ จากนั้นผู้สัมภาษณ์จะถามคำถามทั่วไปแบบตรงไปตรงมา เช่น "คุณเคยเจอความท้าทายอะไรในอดีต?" หลังจากผู้สมัครตอบคำถามแต่ละข้อ ผู้สัมภาษณ์ AI จะสรุปคำตอบและถามคำถามต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตามลำดับ

ในการสัมภาษณ์ด้วย AI นั้น ผู้สัมภาษณ์เป็นตัวแทนเสมือนที่ใช้ AI ทำงาน ระบบจะถามคำถามที่เตรียมไว้แล้ว โดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาขั้นสูงเพื่อสร้างคำตอบที่ดูเป็นธรรมชาติแบบทันที อย่างไรก็ตาม ตันเล่าให้ Rest of World ฟังว่า ประสบการณ์นี้ไม่เหมือนการสนทนาจริง แต่รู้สึกคล้ายกับการทำข้อสอบแบบเขียนตอบมากกว่า

"ฉันไม่ได้มองว่ามันเป็นมนุษย์จริง ๆ" เธอกล่าว "ฉันแค่มองที่กล้องและพูด"

การใช้ AI สัมภาษณ์งานกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในบริษัทสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีจากแพลตฟอร์มอย่าง OpenAI มาใช้ในธุรกิจ แม้ว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ยังมีขนาดเล็ก และมักใช้กับการคัดกรองผู้สมัครจำนวนมากสำหรับตำแหน่งงานทั่วไป แต่ในอนาคตอันใกล้ การสัมภาษณ์ด้วย AI อาจกลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อบริษัทต่างๆ พยายามนำ AI มาใช้ในองค์กรมากขึ้น

การใช้ AI ในกระบวนการจ้างงานกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลสำรวจในปี 2023 โดย ResumeBuilder แสดงให้เห็นว่า 10% ของบริษัทกำลังใช้ AI ในการจ้างงานแล้ว และอีก 30% วางแผนจะเริ่มใช้ในปีถัดไป นอกจากนี้ บริษัทวิจัย Gartner ยังจัดให้แชทบอทที่ใช้ภาษาธรรมชาติเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของปี 2023 สำหรับอุต

การสัมภาษณ์งานด้วย AI กำลังเป็นที่นิยมในจีนและอินเดียเช่นกัน ไม่เพียงแค่ประสบการณ์ของตัน แต่ผู้สมัครงานในบริษัทใหญ่อย่าง Siemens, China Mobile และ Estee Lauder ก็รายงานว่าได้รับการสัมภาษณ์ด้วย AI ในจีนเช่นกัน ข้อมูลนี้มาจากโพสต์ในโซเชียลมีเดีย แม้ว่าบริษัทเหล่านี้ยังไม่ได้ให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ในจีน บริษัท MoSeeker ซึ่งให้บริการระบบสรรหาบุคลากรด้วย AI ทำการสัมภาษณ์อัตโนมัติหลายแสนครั้งต่อปี โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทข้ามชาติชื่อดังอย่าง Disney และ Mars ส่วนในอินเดีย มีบริษัทจำนวนมากที่นำ AI มาใช้ในกระบวนการจ้างงาน เช่น แพลตฟอร์ม Talently.ai, Instahyre และ Intervue ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทรนด์นี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดแรงงานขนาดใหญ่ของเอเชีย

"แนวโน้มการลดทอนความเป็นมนุษย์"

ที่มาภาพ: tungnguyen0905/Pixabay

การทำให้กระบวนการจ้างงานเป็นระบบอัตโนมัติมีหลายขั้นตอน เริ่มจากการสร้างมาตรฐานคำถามสัมภาษณ์เบื้องต้น วิธีนี้ช่วยลดอคติทางวัฒนธรรมที่อาจเกิดขึ้น เมื่อคำถามเป็นมาตรฐานแล้ว การมีมนุษย์เข้าร่วมในกระบวนการก็ให้ประโยชน์น้อยลง บริษัทต่าง ๆ  จึงค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการสัมภาษณ์ จากการพบหน้าตัวต่อตัว เป็นการสัมภาษณ์ผ่าน Zoom ต่อมาเป็นการใช้วิดีโอบันทึกล่วงหน้าของผู้สัมภาษณ์ และในที่สุดก็พัฒนาไปสู่การใช้อวตารที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด บทความจาก Harvard Business School เรียกกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "แนวโน้มการลดทอนความเป็นมนุษย์" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการลดบทบาทของมนุษย์ในกระบวนการสัมภาษณ์งานลงเรื่อย ๆ

การเติบโตของแพลตฟอร์ม AI สร้างสรรค์อย่าง OpenAI และ Anthropic ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทำให้กระบวนการสัมภาษณ์เป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ระบบสามารถถามคำถามติดตามที่ตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษา ตัวอย่างเช่น Talently.ai ซึ่งเป็นบริการหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีนี้ โดยแปลงคำตอบจากการสัมภาษณ์เป็นข้อความ แล้วใช้วิศวกรรมคำสั่งเพื่อสร้างการตอบสนองที่เหมาะสม

คอซิม ซาลาม (Qasim Salam) ผู้ก่อตั้ง Talently.ai เปิดเผยกับ Rest of World ว่า บริการของเขาช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในกระบวนการสรรหาบุคลากรได้ถึง 80% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการนำ AI มาใช้ในการจ้างงาน

ซาลามเชื่อมั่นว่าผู้สัมภาษณ์ที่เป็น AI มีความเป็นกลางมากกว่ามนุษย์ "พวกมันไม่โกรธหรืออารมณ์เสียเวลาสัมภาษณ์และไม่ละเลยผู้สมัครเพราะเหตุนั้น" เขากล่าว "ไม่สำคัญว่าคุณมีสีผิวอะไร มาจากไหน หรือมีสำเนียงแบบไหน... ดังนั้นมันจึงประเมินผู้สมัครตามความสามารถล้วน ๆ"

ซาร์โบจิต มัลลิค (Sarbojit Mallick) ผู้ร่วมก่อตั้ง Instahyre ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน HR ในนิวเดลี อธิบายว่าบริษัทของเขาใช้ AI ในการจับคู่ผู้สมัครกับนายจ้างได้อย่างแม่นยำ เขายกตัวอย่างกรณีของ Uber ที่มีความต้องการแตกต่างกันตามภูมิภาค สำหรับสำนักงานในสหรัฐฯ Uber มองหาผู้เชี่ยวชาญที่เน้นระบบมากกว่า ในขณะที่สำนักงานในอินเดีย เช่น ไฮเดอราบาดและเบงกาลูรู พวกเขาต้องการคนที่มีใจรักสตาร์ทอัพ

มัลลิคเชื่อว่า AI ของพวกเขาสามารถเรียนรู้และปรับใช้ความต้องการเฉพาะเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในกรณีที่บริษัทเองอาจไม่ได้ตระหนักถึงความต้องการที่เฉพาะเจาะจงนั้น นี่คือจุดแข็งของการใช้ AI ในการจับคู่งาน ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและแนวโน้มได้ลึกซึ้งกว่าการคัดกรองด้วยมนุษย์

สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการรวมอคติเข้าไปในโมเดลการจ้างงาน แต่มัลลิคยืนยันว่าในกรณีที่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน Instahyre ใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป "สำหรับบางตำแหน่ง นักสรรหาบุคลากรสันนิษฐานว่ามีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่เหมาะสม ไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดโดยสิ้นเชิง" เขากล่าว "ดังนั้นในกรณีเช่นนี้ เราฝึกโมเดล AI ของเราให้กำจัดอคติเช่นนั้น"

ไม่อธิบายวิธีการตัดสินใจ


ที่มาภาพ: cDuBBy/Pixabay 

ฮิลเก ชลมันน์ (Hilke Schellmann) ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาอคติในอัลกอริทึมจาก Pulitzer Center มีมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับการใช้ AI ในการสรรหาบุคลากร เธอชี้ให้เห็นว่ามาตรการป้องกันอคติที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากอคติยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในข้อมูลที่ใช้ฝึกฝน AI ได้ "ฉันหวังว่านักสรรหาบุคลากรและผู้จัดการฝ่ายจ้างงานจะมีหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินคนที่ชัดเจน" เธอกล่าว "แต่เราไม่รู้ว่า ChatGPT ประเมินคนในระบบเหล่านี้ด้วยอะไร" (OpenAI ไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็น)

นั่นไม่ได้หมายความว่าชลมันน์คิดว่าระบบ AI ไม่สามารถมีบทบาทในการจ้างงานได้ แต่เธอต้องการเห็นมาตรการป้องกันมากขึ้นก่อนที่จะนำ AI มาใช้อย่างกว้างขวาง "สิ่งที่บริษัทเหล่านี้ต้องทำคือออกรายงานทางเทคนิคที่ชัดเจนเพื่อแสดงให้เราเห็นว่านี่คือวิธีที่เราสร้างเครื่องมือ นี่คือวิธีที่เราทำให้แน่ใจว่ามันใช้ได้จริง มันทดสอบทักษะที่จำเป็นสำหรับงานนี้จริง ๆ และนี่คือวิธีที่เราลดอคติ" ชลมันน์กล่าว "จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่เคยเห็นรายงานทางเทคนิคที่ละเอียดแบบนั้นเลย"

เธอยังกังวลกับการเน้นเรื่องขนาด แม้ว่าระบบต้องการข้อมูลฝึกเพื่อปรับปรุง แต่ข้อมูลที่ท่วมท้นมักทำให้การตรวจสอบว่าทำไมการตัดสินใจเฉพาะนั้นถึงถูกทำขึ้นยากขึ้น "ในการจ้างงาน ข้อมูลที่มากขึ้นไม่ได้แก้ปัญหาเสมอไป" ชลมันน์กล่าว "ยิ่งเราให้ข้อมูลมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดอคติมากขึ้นเท่านั้น"

ในระหว่างนี้ ผู้สมัครบางคนกำลังพยายามเอาชนะระบบโดยหันไปใช้ AI ด้วยตัวเอง บนโซเชียลมีเดียของจีน ผู้ประกอบการกำลังขายบริการ AI ที่สัญญาว่าจะช่วยให้ผู้คนตอบคำถามสัมภาษณ์แบบเรียลไทม์ได้ คาร์ลอส เฉิน (Carlos Chen) จากเซี่ยงไฮ้เปิดตัว Whisper Interview ในเดือน เม.ย. 2024 ซึ่งบันทึกคำถามสัมภาษณ์และสร้างคำตอบผ่าน GPT-4 ตอนนี้มีผู้ใช้เกือบ 10,000 คนแล้ว เฉินอ้างว่าบางคนผ่านการสัมภาษณ์ด้วยความช่วยเหลือจากมัน

เฉินบอกกับ Rest of World ว่าบริการนี้เพียงแค่ช่วยให้ผู้สมัครรับมือกับการสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยระบบราชการ ซึ่งไม่ได้สะท้อนความสามารถในการทำงานที่แท้จริงของผู้คน

"ผลิตภัณฑ์นี้แสดงถึงความรังเกียจส่วนตัวของผม ที่มีต่อกลไกการสรรหาบุคลากรแบบทุนนิยม" เขากล่าว


ที่มา:
The AI job interviewer will see you now (RUSSELL BRANDOM, VIOLA ZHOU and SANGHAMITRA KAR P, Rest of World, 24 July 2024) 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net