มธ.ออกผลสอบ #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ว่าทั้งมหาวิทยาลัยและตำรวจไม่รู้เรื่อง 10 ข้อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อนอนุญาต และตำรวจก็ปฏิบัติโดยนุ่มนวลแล้ว ทั้งนี้ต่อไปจะออกแนวปฏิบัติและขอให้ทุกฝ่ายไม่อ้าง "ธรรมศาสตร์" เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นโต้แย้งและความเสียหาย

31 ส.ค.2563 สำนักข่าวอิสรารายงานว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดผลสอบข้อเท็จจริงการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2563 หลังจากคณะกรรมการสอบสวนและรวบรวมข้อเท็จจริงการชุมนุมพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว มี 2 ประเด็นดังนี้

1. ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้นุญาตให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมการชุมนุมตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายมหาวิทยาลัย ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตํารวจในพื้นที่ และฝ่ายนักศึกษาผู้ขอจัดการชุมนุม โดยจะมีเพียง 3 ข้อเรียกร้องคือยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และหยุดคุกคามประชาชน แต่ทางมหาวิทยาลัยและตำรวจไม่ทราบข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ล่วงหน้า
2. การกระทำดังกล่าวอยู่เหนือความคาดหมายของมหาวทิยาลัยและตำรวจ ทั้งนี้ตำรวจได้ใช้วิธีนุ่มนวลกับผู้ชุมนุมคือการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพื่อใช้พิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมายต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งระหว่างกัน

ในผลสอบดังกล่าวยังระบุอีกว่า คณะกรรมการได้มีข้อห่วงใยเพิ่มอีก 2 ประเด็นคือ 1.มหาวิทยาลัยควรกำหนดแนวปฏิบัติให้รัดกุมเพื่อให้นักศึกษาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ 2.การแสดงออกต่างๆ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ทุกฝ่ายจึงพึงระวังการใช้คำว่า "ธรรมศาสตร์" หรือคำใดๆ ที่ทำให้สังคมเข้าใจว่าเป็นตัวแทนหรือเป็นเจตจำนงร่วมกันของประชาคมธรรมศาสตร์ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นที่จะนำไปสู่การโต้แย้งและความเสียหายในวงกว้างต่อไป

ทั้งนี้ภายหลังการชุมนุมดังกล่าวเมื่อวันที่ 24-25 ส.ค.2563 ตำรวจก็ดำเนินการจับกุมบุคคลที่ขึ้นปราศรัยในวันนั้นแล้ว 2 คน คืออานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และภานุพงษ์ จาดนอก หรือไมค์ โดยไม่ได้มีการออกหมายเรียกก่อน

ทั้งสองคนถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาทั้งหมด 5 ข้อหา คือ ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 นำข้อมูลที่อาจกระทบความมั่นคงเข้าระบบคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จัดชุมนุม ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินและกระทำการที่ไม่ถูกสุขลักษณะที่อาจทำให้เกิดการระบาดโรคตามมาตรา 34(6) พ.ร.บ.โรคติดต่อ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 4 พ.ร.บ.โฆษณาฯ