Skip to main content
sharethis

รอบ 2 เดือน พนักงานส่งอาหารแอปพลิเคชันในออสเตรเลียเสียชีวิตจากการทำงาน 4 ราย ด้านสหภาพแรงงานเรียกร้องให้ผู้ส่งอาหารได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้น ชี้นี่คือวิกฤตที่มีความสำคัญระดับชาติ


CC0 Public Domain

เมื่อปลายเดือน พ.ย. 2563 พนักงานส่งอาหารของแอปพลิเคชัน Uber Eats ได้เสียชีวิตในซิดนีย์ ทั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียรายที่ 4 ในหมู่พนักงานส่งอาหารในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

ชายวัย 27 ปีจากบังกลาเทศ ถูกรถชนในย่านชานเมืองซิดนีย์ ขณะนำอาหารจากการสั่งผ่านแอปพลิเคชัน Uber Eats ไปส่งลูกค้า เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

โดยเฉลี่ยแล้วพนักงานส่งอาหาร 1 คน จะเสียชีวิตในออสเตรเลียทุก ๆ 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ชายวัย 36 ปีจากมาเลเซียซึ่งทำงานให้กับแอปพลิเคชัน DoorDash เสียชีวิตในใจกลางเมืองเมลเบิร์นเมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค. 2563 รวมทั้งอีก 2 รายซึ่งเป็นพนักงานส่งอาหารของแอปพลิเคชัน Hungry Panda และ Uber Eats เสียชีวิตในซิดนีย์ไล่เลี่ยกันเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย. 2563
 
ภายใต้กฎหมายแรงงานของออสเตรเลีย คนทำงานให้แอปพลิเคชันจัดส่งอาหารจะถูกจัดประเภทเป็นผู้รับเหมาอิสระ ไม่ได้เป็นพนักงาน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ สิทธิการลาป่วย การลาพักผ่อนประจำปีและสิทธิอื่น ๆ

ในรัฐนิวเซาท์เวลส์คนทำงานบางคนมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยสำหรับครอบครัวของพวกเขาหากพวกเขาเสียชีวิตจากการทำงานหรือจากการบาดเจ็บจากการทำงาน พนักงานส่วนใหญ่อยู่ภายใต้กฎหมายเหล่านี้ แต่สำหรับผู้รับเหมาอิสระอาจแตกต่างกันไป

ภายใต้กฎหมายชดเชยของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ผู้อยู่ในอุปการะของผู้ที่เสียชีวิตจากการทำงานมีสิทธิ์ได้รับเงินจำนวน 834,200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเงินชดเชยรายสัปดาห์ 149.30 ดอลลาร์ออสเตรเลีย สำหรับเด็กที่อยู่ในอุปการะแต่ละคนจนถึงอายุ 16 ปี

ส่วน Uber Eats มีนโยบายชดเชยของตนเอง สำหรับคนทำงานให้แอปพลิเคชัน ซึ่งให้เงินก้อนใหญ่สูงสุด 400,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย แก่ผู้อยู่ในอุปการะและอาจมีเงิน 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับคู่สมรสหรือผู้อยู่ในอุปการะแต่ละคน

ตั้งชุดทำงานเฉพาะกิจหวังลดความสูญเสีย หลังสหภาพแรงงานกดดัน

การสำรวจโดยสหภาพแรงงานคมนาคมขนส่ง (Transport Workers’ Union หรือ TWU) ในเดือน ก.ย. 2563 พบว่าผู้ส่งอาหารมีรายได้เฉลี่ยเพียง 10.42 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมงหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และร้อยละ 73 ระบุว่าพวกเขามีกังวลว่าจะ "บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต" จากการทำงานนี้ สหภาพแรงงาน TWU ยังชี้ว่าการเสียชีวิตของพนักงานส่งอาหาร 4 รายในรอบ 2 เดือนนี้คือ "วิกฤตที่มีความสำคัญระดับชาติ"

ช่วงปลายเดือน พ.ย. 2563 รัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ตั้งชุดทำงานเฉพาะกิจ ในการทำงานเพื่อตรวจสอบอุตสาหกรรมการส่งอาหาร เพื่อระบุชี้ถึง “ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้” จากการเสียชีวิตของพนักงานส่งอาหารทั้ง 4 ราย หลังสหภาพแรงงาน TWU ได้เรียกร้องให้รัฐบาลนิวเซาท์เวลส์ เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

สหภาพแรงงาน TWU ได้ระบุถึงการขาดการฝึกฝนการขับขี่ให้กับพนักงาน การไม่จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ไฟฉาย หมวกกันน็อค เสื้อคลุมสะท้อนแสง หรือรองเท้า รวมถึงการกดดันให้พนักงานส่งอาหารให้เร็วขึ้น 

ไมเคิล เคน เลขาธิการสหภาพแรงงาน TWU ระบุว่าการข่มขู่ว่าจะไล่พนักงานออกจากแอปพลิเคชัน หากไม่สามารถทำตามที่บริษัทต้องการได้นั้นเป็นความเสี่ยงที่แท้จริง

"พนักงานส่งอาหารทำงานบนท้องถนนทั้งกลางวันและกลางคืนโดยได้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำประกัน และเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทว่าพวกเขาและครอบครัวจะได้รับค่าชดเชยหรือไม่"

"ผมไม่ได้พูดเกินเลย แต่บริษัทเหล่านี้ไม่สนใจว่าชีวิตของพนักงานจะเป็นหรือตาย พวกเขาสนใจเพียงแค่ให้อาหารส่งไปถึงลูกค้าให้ทันเวลา พนักงานส่งอาหารต้องตอบรับคำขอจากอาหารจากร้านที่ลูกค้าสั่งภายในไม่กี่วินาที และถ้าพวกเขาสายไปไม่กี่นาที ก็อาจจะถูกอัลกอริธึมของแอปฯ เตะออกไป และบ่อยครั้งที่พวกเขาไม่มีความช่วยเหลือ" เคนกล่าว 

แอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยอย่างไร

สื่อ SBS ได้สอบถามไปยัง Uber Eats เกี่ยวกับการกล่าวอ้างถึงความกดดันที่มีต่อพนักงานส่งอาหาร แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ในส่วนนี้ ขณะที่ได้ออกแถลงการณ์ในกรณีการเสียชีวิตของพนักงานส่งอาหารรายหนึ่ง

“เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างมาก แต่เมื่อพิจารณาถึงอุบัติเหตุอื่น ๆ ในแวดวงการส่งอาหารแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก” Uber Eats ระบุในแถลงการณ์

“มันเป็นที่ชัดเจนว่า จะต้องมีการดำเนินการมากขึ้นในการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และเราให้คำมั่นในการมีบทบาททอย่างโดดเด่นในเรื่องนี้”

ด้าน Deliveroo แอปพลิเคชันสั่งอาหารอีกราย ได้ตอบคำถามของ SBS ว่าความปลอดภัย คือความสำคัญสูงสุดของบริษัท โดยได้มีการฝึกฝนความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยหน่วยการเรียนรู้ให้กับผู้ขับขี่ทางออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับพนักงานใหม่ ที่ต้องการส่งอาหารกับแอปพลิเคชันดังกล่าว

"ในสัญญาระหว่างเราและผู้ขับขี่ได้เน้นอย่างชัดเจนว่า พวกเขามีอิสระในการส่งอาหาร โดยเลือกเส้นทางใดก็ตามที่พวกเขาเห็นว่าปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เราไม่มีการกำหนดเวลาสำหรับผู้ขับขี่ เราไม่ส่งเสริมให้พนักงานขับขี่อย่างไม่ปลอดภัยบนท้องถนน" โฆษกของ Deliveroo กล่าว

"เราจะดูที่ผู้ขับขี่เป็นรายบุคคล หากเวลาเฉลี่ยในการจัดส่งอาหารของพวกเขานานอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับผู้ขับขี่คนอื่น ๆ ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งใช้พาหนะรูปแบบเดียวกัน เหล่านั้นเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถระบุชี้ได้ถึงการบริการลูกค้าที่ย่ำแย่ ผู้ขับขี่จะไม่ได้รับการตักเตือนสำหรับการส่งอาหารที่ล่าช้าเป็นรายออร์เดอร์"

ด้านคริสเตียน พอร์เตอร์ รัฐมนตรีด้านอุตสาหกรรมสัมพันธ์ กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของแต่ละรัฐและมณฑลเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาก็ได้ให้คำมั่นว่า จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การประชุมร่วมกับคณะกรรมการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบการในครั้งถัดไป

"ลูกจ้างทุกคน ไม่ว่าจะมีการตกลงทำงานกับนายจ้างอย่างไร มีสิทธิ์ที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัย กลับบ้านมาพบกับสมาชิกครอบครัวโดยสวัสดิภาพหลังเลิกงานในทุก ๆ วัน" นายพอร์เตอร์ กล่าว


ที่มาเรียบเรียงจาก
'A tragedy and a crisis': Fourth delivery worker dies in Australia in past two months (SBS News, 23/11/2020)
Death of Sydney Uber Eats rider the fourth food delivery fatality in two months (The Guardian, 23/11/2020)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net