Skip to main content
sharethis

ก.คลัง เผยเตรียมเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ปี 2564 เล็งปรับเกณฑ์คุณสมบัติ วางกรอบคิดรายได้เป็นครัวเรือนแทนรายได้ส่วนบุคคล เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้มีสิทธิไม่ถึง 14.6 ล้านคน

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค. เตรียมความพร้อมในการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ คาดว่าจะออกรายละเอียดได้ช่วงต้นปี 2564 นี้ แต่ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน แต่มีแนวทางที่จะมีการปรับหลักเกณฑ์ เพื่อหาข้อสรุปประเด็นสำคัญ คือดูเรื่องรายได้เป็นรายครอบครัว

โดยจะเป็นไปตามแนวทางของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่วางกรอบว่าในช่วงต้นปี 2564 กระทรวงการคลังจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยเงื่อนไขที่จะลงทะเบียนจะอิงรายได้ครัวเรือน แทนรายได้ส่วนบุคคลที่กำหนดต้องมีไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี พร้อมพิจารณาการขยายสวัสดิการที่จะให้เพิ่มเติม

คาดการณ์ว่าการลงทะเบียนรอบใหม่จะเปิดให้ลงทะเบียนในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะไม่กระทบผู้ถือบัตรเดิมที่จะยังได้รับสิทธิเติมเงิน 500 บาท ไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2564 โดยการกำหนดเกณฑ์ผู้ที่จะได้รับสิทธิจะพิจารณารายได้เป็นรายครัวเรือน และจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการน้อยลงกว่า 14.6 ล้านคน (น้อยลงกว่าเดิม) หากได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติโครงการต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเตรียมจะให้มีการทบทวนสิทธิคนที่มีบัตรสวัสดิการอยู่แล้ว และคนที่จะเข้ามาสมัครใหม่ในคราวเดียวกัน ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรสวัสดิการเหลืออยู่ 13.8 ล้านคน จากจำนวนทั้งหมด 14.6 ล้านคน ปัจจัยมาจากมีบางส่วนเสียชีวิต เฉลี่ยเดือนละ 10,000 ราย และคนถือบัตรเดิมที่มีสิทธิอยู่แล้ว หากไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่ที่กระทรวงการคลังจะวางกรอบใหม่ที่ให้คิดจากรายได้ครัวเรือน ผู้ถือบัตรเดิมก็จะต้องคืนบัตรให้กระทรวงคลังต่อไป

ข้อมูลเดิมสำหรับการสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

1. ผู้สมัครต้องเป็นคนสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

2. ผู้สมัครที่ว่างงาน หรือมีรายได้ส่วนบุคคลต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี

3. ผู้สมัครต้องไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร, สลากออมสิน, สลาก ธ.ก.ส., พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้

4. ผู้สมัครถ้ามีทรัพย์สินทางการเงินดังข้างต้น จะต้องมีจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้น

5. ผู้สมัครต้องนำรายได้ต่อครัวเรือนนำมาประกอบการพิจารณาด้วย

6. ผู้สมัครใดมีรถยนต์จะถูกนำมาพิจารณาประกอบ หากมีรถยนต์มากถึง 2-3 คัน ถือว่าไม่สมควรได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

7. ผู้สมัครที่มีหรือถือบัตรเครดิตอยู่ในมือ จะถูกนำมาพิจารณาประกอบ เพราะตามปกติคนที่มีบัตรเครดิตตามเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน เท่ากับว่ามีรายได้ต่อปีเกินกว่า 100,000 บาทต่อปี

สำนักงบประมาณยืนยัน รัฐมีเงินเพียงพอดูแลปัญหา COVID-19

3 ม.ค. 2564 นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า รัฐบาลจัดเตรียมงบประมาณ รองรับปัญหาไวรัสโควิด เอาไว้อย่างเพียงพอ จึงอยากให้ประชาชนมีความมั่นใจ ในการรับมือการแพร่ระบาดในครั้งนี้ เนื่องจากได้จัดเตรียมงบประมาณปี 2564 วงเงิน 40,000 ล้านบาท และยังได้กันสำรองสำหรับงบประมาณฉุกเฉิน รองรับภัยพิบัติประเภทต่าง ๆ ในยามจำเป็นอีก 99,000 ล้านบาท รวมแล้วหากมีปัญหาไวรัสรุนแรง ยังมีเงินใช้แก้ปัญหา 1.3-1.4 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ยังมี พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งได้จัดแบ่งในการจัดซื้อคุรุภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ตรวจสอบรักษาไวรัสโควิด วงเงิน 45,000 ล้านบาท การใช้เยียวยา ดูแลปัญหา และบุคคลากรทางการแพทย์ วงเงิน 555,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออยู่ 4 แสนล้านบาท แบ่งสำหรับการฟื้นฟู ดูแลดด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ได้ทะยอยใช้วงเงินดังกล่าวไปบ้างแล้ว จึงไม่อยากให้ประชาชนมีความเป็นห่วงเรื่องเงินในการแก้ปัญหาไวรัสโควิด

นอกจากนี้หลายหน่วยงาน เตรียมประกาศมาตรการออกมาช่วยดูแลเพิ่มเติม เช่น กระทรวงแรงงาน ดูแลผ่านกองทุนประกันสังคม สำหรับการดูแลรักษาพยาบาล การดูแลผู้ป่วยผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง เพื่อเปิดทางให้ประชาชนในโซนพื้นที่เสี่ยง ตามที่ประกาศสามารถเบิกค่ารักษาไวรัสโควิด รัฐบาลยังได้เตรียมพร้อมการจัดซื้อวัคซีน ป้องกันไว้รัสโควิด ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 2564 หลังจากรัฐบาลได้มัดจำผ่านช่วยเหลือด้านการวิจัยไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าการจัดซื้อวัคซีนจะได้นำมาใช้ช่วงต้นปี 2564 นี้


ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2]
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net