แพทย์พยาบาลพม่านัดหยุดงาน นึกว่าหนีคนไข้มาไล่ซู จี ที่ไหนได้ ชูสามนิ้วต้านรัฐประหาร วิศวกร ข้าราชการ ดารา นายแบบ ไม่ยักด่านักการเมืองโกงเลือกตั้ง กลับตะโกนลั่น Fuck Coup ทั้งที่ทหารอุตส่าห์หวังดี

นี่ไม่ใช่รัฐประหารสักหน่อย กองทัพแค่ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี แล้วจะมีเลือกตั้ง โปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรม “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”

ทหารพม่าไม่โกงเลือกตั้งหรอก เพราะรัฐธรรมนูญบังคับ เลือกยังไงก็ได้ 250 ส.ว. เอ๊ย-ไม่ใช่ เลือกยังไงก็ต้องมีเก้าอี้ ส.ส.ให้ทหาร 25% ใครเป็นรัฐบาลต้องให้ทหารเป็นรัฐมนตรีกลาโหม มหาดไทย กิจการชายแดน จองที่นั่งในสภาความมั่นคง สภาชาติพันธุ์

เสียอย่างเดียว ทหารพม่าไม่รู้จักยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค NLD โกงเลือกตั้ง ตัดสิทธิซู จีกับแกนนำสักสิบปี แล้วดูด ส.ส.

คนไทยดูคนพม่าตีกลองเคาะกาละมัง ไล่เสนียดจังไร แล้วพอเข้าใจ ประชาธิปไตยพม่าเพิ่งเกิด ทหารปกครองมานาน เลยเกลียดทหาร ยังไม่รู้จักความชั่วร้ายของนักการเมือง

ใช่เลย พม่ายังไม่มีพรรคนักบิดเบือน ตะโกนในโรงหนัง เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แพ้เลือกตั้งแล้วบอยคอตเลือกตั้ง ขัดขวางเลือกตั้ง กลืนน้ำลายตัวเองเอาหน้าแนบก้นรัฐประหารสืบทอดอำนาจ

คนไทยมองประชาธิปไตยพม่าเพิ่งตั้งไข่ เหมือนหลัง 14 ตุลา 2516 หรือพฤษภา 2535 เห่ออำนาจจากเลือกตั้ง คนไทยโดยเฉพาะคนชั้นกลางในเมือง “ม็อบมือถือ” มาไกลกว่านั้นเยอะแล้ว คือไม่เชื่ออำนาจเลือกตั้ง ที่มาจากประชาชนด้วยกันเอง หนึ่งคนหนึ่งเสียง กลับเชื่อใน “อำนาจศีลธรรม” คอยจัดการให้คนดีปกครองบ้านเมือง ดังนั้น ถ้านักการเมืองเลว ก็จะมีรัฐประหารมาไล่ คนไทยก็จะเอาดอกไม้ไปให้ ไชโยโห่ร้องว่า “พระสยามเทวาธิราช” ปกป้อง

ทหารพม่าไม่สามารถอ้าง “พระพม่าเทวาธิราช” ทหารพม่าชูจุดขายเป็น “พ่อแห่งชาติ” ต้องมีกองทัพเข้มแข็งไว้สยบกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่งั้นประเทศไม่เป็นเอกภาพ พอเจอ NLD ชูซู จี เป็น “แม่แห่งชาติ” ก็เกิดสงครามสัญลักษณ์ ทหารพม่าแพ้ เลยต้องยึดอำนาจ

ครั้นจะอ้างศาสนา คนพม่าเป็นพุทธมามกะเข้าวัดทำบุญ ทหารพม่าก็ดันปราบพระ จนพระกลายเป็น Influencer ต้านรัฐประหาร ไม่เหมือนเพื่อนบ้าน Influencer ทั้งโหร ซินแส หมอดู พากันด่าม็อบ

ทหารพม่าก็เลยตกที่นั่งลำบาก มีแต่ปืน มีแต่กำลัง ไม่มีอำนาจทางวัฒนธรรม ไม่มีรัฐพันลึก มีแต่รัฐเกยตื้น

แม้จะมีเงิน เพราะมีบริษัทรัฐวิสาหกิจของตัวเองผูกขาดเกือบทุกด้าน แต่ยิ่งทำให้ถูกต่อต้าน ไม่เหมือนบางประเทศ ใช้การเก็บหัวคิวกลุ่มทุนใหญ่ ใช้มูลนิธิเป็นที่ตกลงผลประโยชน์ แจกจ่ายอภิมหาโปรเจ็กต์สาธารณูปโภค ตรวจสอบไม่ได้ แต่มีเงินเลี้ยงนักการเมืองมากมาย

ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าคนพม่ารวมพลัง UN เรียกร้องโลกช่วยกันต้าน ถ้าจีนไม่เข้ามาขวางเป็นผู้ร้าย (ระวังคนพม่าเกลียดนะ) รัฐประหารอาจไปไม่รอด ต้องเจรจา เพราะสภาพอย่างนี้กลับมาเลือกตั้งกี่ทีก็แพ้ เว้นแต่อยู่ยาว ซึ่งจะเสียหายไปถึงผลประโยชน์ทหารด้วย

หลังถูกกดดัน ทหารพม่าจึงยอมปล่อยแกนนำ NLD ยกเว้นซู จี กับอดีตประธานาธิบดี ที่โดนตั้งข้อหาไร้สาระ ครอบครองวิทยุสื่อสาร กับไม่ปฏิบัติตามมาตรการโควิด (ไม่ใส่หน้ากากมั้ง)

ดูไปดูมา ประชาธิปไตยพม่าอาจมีอนาคตกว่าเพื่อนบ้าน ที่รัฐอนุรักษนิยมยังผูกขาดอำนาจไม่ยอมคลาย อย่างน้อยพม่าก็ไม่มีศรีธนญชัย ใช้ตุลาการภิวัตน์ เขียนรัฐธรรมนูญเอง ออกกฎหมายเอง แล้วบอกให้ประชาชนเคารพกติกา เคารพกฎหมาย

แต่คนไทยไม่เชื่อหรอกว่า พม่าเป็นประชาธิปไตยแล้วจะเจริญกว่า เพราะคนไทยเหนือชาติใดในโลก ในแง่ของความฉลาด ปฏิบัตินิยม ประโยชน์นิยม เรามีคนการศึกษาสูงๆ เต็มไปหมด ทั้งหมอ วิศวะ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ จากเครื่องแบบนักเรียนเสื้อผ้าหน้าผม ไม่ต้องสอนให้คนคิดเป็น มีความเป็นตัวเองของตัวเอง

คนไทยฉลาดจนรู้จักเอาตัวรอด พึ่งระบบอุปถัมภ์เส้นสาย สู้ไปก็เท่านั้น นักศึกษาพม่ารุ่น 1988 ที่หนีตาย ไม่ยักพูดแบบคนรุ่นตุลาว่า คนรุ่นใหม่สู้ไปก็ตายฟรี เป็นเครื่องมือแย่งชิงอำนาจ ฉะนั้นอยู่รอวันตายไปวันๆ ดีกว่า

คนไทยไม่มี Solidarity ไม่เห็นคุณค่าของสิทธิเสรีภาพ การมีอำนาจปกครองตัวเอง ชอบอยู่ในโอวาท เชื่อฟัง มีอำนาจพิเศษจัดการให้ โดยเฉพาะคนชั้นกลางที่มีอภิสิทธิ์อยู่แล้ว พอคนรุ่นใหม่จะรื้อโครงสร้าง ก็กระเหี้ยนกระหือให้ปราบปราม เกลียดชังว่าจะทำลาย “ความเป็นไทย”

อันที่จริงสลิ่มไทย ทีแรกก็จะ #saveอองซาน อยู่หรอก เพราะการเกลียดทหารพม่าแต่รักลุงตู่ มันทำให้ดูดี เหมือนกวีชัตดาวน์ซาบซึ้งน้ำตาไหลกับอแมนดา กอร์แมน แต่พอดีพรรคเพื่อไทยก้าวไกลก้าวหน้าไอ้ทอนอีช่อออกมาสู้เพื่อซู จี ก็เลยชะงักไป

สลิ่มเป็นกันไม่ได้ง่ายๆ ต้องย้อนแย้งพิกล คนพม่าไม่เข้าใจ

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_5884394