Skip to main content
sharethis

โพลพิธา ก้าวไกล ครองอันดับสองเหนียวแน่น ไต่เกิน 20% หลายสำนัก ยิ่งดูผลดีเบตช่องต่างๆ ทั้งช่องหลักช่องออนไลน์ ทั้งส่วนกลางส่วนภูมิภาค ก้าวไกลยิ่งนำโด่ง

แน่ละ โพล ดีเบต เป็นแค่กระแส วัดผลจริงไม่ได้ คนดูดีเบตส่วนใหญ่เป็นคอการเมือง ตามกดไลก์ทุกช่องทาง

กระนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก้าวไกลกระแสขึ้นจริง เปิดเจอวิเคราะห์ข่าวทางวิทยุยังพูดถึงแบบไม่คาดคิด

พรรคก้าวไกล ไอ้พวก Extreme เสนอแก้ 112 อภิปรายตั๋วช้าง อภิปรายงบสถาบัน เอาตำแหน่ง ส.ส.ประกันม็อบสามกีบ เนี่ยนะ จะได้คะแนนนิยมในสังคมไทย ที่เคยได้ 6.3 ล้านเสียงปี 62 ครึ่งหนึ่งน่าจะเพราะไทยรักษาชาติถูกยุบ และตอนนั้นก็ยังไม่ชน 112

แต่ติ๊กข้อสังเกตไว้ รังสิมันต์ โรม กลายเป็นขวัญใจต้านโกง จากการอภิปรายในสภา ไปโรงพักไหน ตำรวจขอถ่ายเซลฟี่ กระทั่งข้าราชการหัวโบราณ เกลียดก้าวไกล ยังแอบชอบโรม เพราะมองว่าต้านโกงต้องหัวแข็งแบบนี้

สี่ปีที่ผ่านมา อนาคตใหม่-ก้าวไกล ทำงานสภาอย่างโดดเด่น ทั้งตรวจสอบ เสนอกฎหมาย เสนอประเด็น ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ปฏิรูปกองทัพ สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม ฯลฯ เป็นตัวแทนความคิดใหม่ทางการเมืองวัฒนธรรม

ตอนเริ่มปี่กลองเลือกตั้ง ก้าวไกลเหมือนถูกมองข้าม แต่กระแสเริ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งดูเด่นกว่าทุกพรรค ตามด้วยเปิดรับบริจาค สร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการเมือง ขึ้นเวทีปราศรัยยังไม่เท่าไหร่ แต่ขึ้นเวทีดีเบตประชันกับพรรคอื่นทีไร ก้าวไกลกินขาด เว้นแต่เจอตัวเด่นๆ ของพรรคเพื่อไทยแบบหมอมิ้ง ซึ่งก็มีไม่กี่คน

“เวทีดีเบตสมัยนี้ ไม่ใช่พูดจาฉะฉานอย่างเดียวแล้วชนะใจคนฟัง องค์ความรู้ ฐานข้อมูล วิชาการ หลักการ ต้องแน่นด้วย ก้าวไกลยกระดับเวทีดีเบตไปแล้ว” Quote จากมิตรส้มท่านหนึ่ง

บางคนยังให้ข้อสังเกตว่า ก้าวไกลมีทั้งของร้อน แบบธนาธร ปิยบุตร วิโรจน์ โรม หรือมาดนิ่ม ไม่กร้าว แต่หนักแน่นชัดเจนในหลักการ แบบพิธา ศิริกัญญา ซึ่งบุคลิกแบบหลังสังคมไทยรับได้ง่ายกว่า

ก้าวไกลจึงให้ภาพทั้งสองด้าน ยืนหยัดหลักการแบบคนรุ่นใหม่ เจรจาประนีประนอมได้ แต่ไม่ถอยเรื่องหลักการ ไม่ใช่มีมิติเดียวอย่างที่คิดกัน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองตัวผู้สมัครก้าวไกล ทั้งปาร์ตี้ลิสต์ ส.ส.เขต ล้วนเป็นคนหนุ่มสาว “คนธรรมดา” คนชั้นกลาง มีความรู้ความสามารถ มีความกล้า มีความมุ่งมั่น บากบั่นที่จะหาเสียงแบบใหม่ แบบถือโทรโข่งไปยืนตามสี่แยก

ลองขับรถไปตามถนน ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล สังเกตป้าย ส.ส.ก้าวไกล (มีน้อยหน่อย) คุณจะเห็นภาพคนหน้าใหม่ สดใส มีพลัง ยิ่งห่างกรุงออกไป ยิ่งเห็นภาพประชัน อดีตนักการเมืองท้องถิ่น อบจ. อบต. เทศบาล เจ้าที่เจ้าทาง

ไม่ได้ bully การเมืองท้องถิ่น แต่ถ้าลบภาพการเมืองแบ่งฝ่ายไปชั่วขณะ ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในเครือข่ายอุปถัมภ์จำเป็นต้องพึ่งพิงนักการเมืองแบบเดิม คุณจะเลือกใคร

นี่แหละคือ “การเมืองใหม่” ที่คนไทยเคยอยากได้ พันธมิตรยึดสนามบินก็เคยอยากได้ แต่ตั้งพรรคแล้วล้มเหลว การเมืองใสสะอาด การเมืองที่ไม่ใช้เงินหว่าน นักการเมืองที่มีคุณภาพ ที่คุณอยากได้ มันกลับมาผุดในพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ในอุดมการณ์ลิเบอรัล

อดีตพันธมิตรจึงมีไม่น้อยที่จะเลือกก้าวไกล คนรู้จักที่เคยเลือกประชาธิปัตย์ (แต่เข็ดแล้ว) กุมขมับ “พรรคก้าวไกลมันจะโยนเรื่องแก้ 112 ทิ้งไปไม่ได้เหรอ ผู้สมัครดีๆ น่าเลือกทั้งนั้น” (ไม่ได้ครับ เขามาเป็น Package)

นี่คือพลังของก้าวไกลที่ยิ่งหาเสียงยิ่งขึ้น ยิ่งประชันยิ่งเห็น ลองจิ้มผู้สมัครก้าวไกล ใครก็ได้ ใน 400 เขต ปาร์ตี้ลิสต์ 94 คน ขึ้นเวทีดีเบตได้เกินครึ่ง ขึ้นเวทีปราศรัยได้เกือบทุกคน

“การเมืองดี” “การเมืองใสสะอาด” เป็นสิ่งที่เราทุกคนอยากได้โดยธรรมชาติ ไม่ว่าอยู่อุดมการณ์ฟากไหน แม้รู้ว่าเป็นไปได้ยากในสภาพการเมืองไทยปัจจุบัน ก็อยากเอาใจช่วย

พูดเรื่องการเมืองดี การเมืองใสสะอาด เท่ากับด้อยค่าเพื่อไทยไหม ต้องเข้าใจความเป็นจริง พรรคไทยรักไทยก่อตั้งขึ้นในการเมืองกลางเก่ากลางใหม่ มีความคิดก้าวหน้าทันสมัย เอาชนะด้วยนโยบายที่ให้ประโยชน์ประชาชน กองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งมีคุณูปการจนถึงวันนี้ (รักษามะเร็งฟรีตั้งแต่ปี 45)

บนข้อจำกัดของสังคมการเมืองไทย พรรคเพื่อไทยตระหนักดีว่าจะเอาชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ต้องอาศัยนักการเมืองกลางเก่ากลางใหม่ ในขณะเดียวกันก็ต้องเจรจาต่อรองอำนาจอนุรักษ์ ต้องยอมรับข้อจำกัดหลายด้าน เพื่อจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแบบไม่เต็มใบ แต่ยังดีกว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจ

เพื่อไทยจำเป็นต้องเดินไปในวิถีนั้น อนาคตใหม่ก้าวไกลเกิดในจังหวะที่สังคมเริ่มเปลี่ยนแปลง จึงสามารถสลัดพันธนาการสร้างการเมืองใหม่ แต่เพิ่งเริ่มเปลี่ยน ก้าวไกลจึงยังไม่สามารถชนะเลือกตั้งเป็นแกนนำรัฐบาล

กระแสก้าวไกลเป็นที่ตอบรับ จึงเป็นนิมิตหมายอันดี เป็นความหวังแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ แม้ต้องยอมรับว่า เพื่อไทยก้าวไกลกลายเป็นคู่แข่งในขั้วเดียวกัน และเกิดความกังวลว่าจะตัดคะแนนกันเองจนแพ้ “ตาอยู่”

ถ้าเข้าใจความแตกต่าง ควรเข้าใจว่าแม้ยังมีฐานเสียงซ้อนกันอยู่ “รักพี่เสียดายน้อง” ระหว่างสองพรรค แต่ฐานเสียงก้อนใหญ่ไม่สามารถบังคับกะเกณฑ์ว่า “เพื่อเห็นแก่ประชาธิปไตย” โปรดเลือกเชิงยุทธศาสตร์ เลือกพรรคหรือเขตที่มีโอกาสชนะเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.

ความแตกต่างนี้ต้องยอมรับ ถ้าตัดคะแนนจนแพ้ก็ต้องมองให้เห็นอนาคต เหมือนการเกิดอนาคตใหม่ทำให้การเมืองเปลี่ยนจนมีวันนี้ ไม่ใช่เอาความแตกต่างนี้มาปลุกความเกลียดชัง

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7624278

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net